อ่านสรุป บทที่ 136 เหตุการณ์ระดับอาณาจักร จาก ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) โดย Internet
บทที่ บทที่ 136 เหตุการณ์ระดับอาณาจักร คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
บทที่ 136 เหตุการณ์ระดับอาณาจักร
ผู้ตายเป็นชายหนุ่มผิวขาว ดวงตากลมโตของเขาเบิกกว้างแม้ว่าจะตายไปแล้ว พวกมันจ้องมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและเต็มไปด้วยความกลัว สีหน้าของคนผู้นี้เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
ราวกับเขากำลังพูดว่า ‘มันเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นกับข้าได้อย่างไร?’
ที่หน้าอกของเขามีรูขนาดใหญ่อยู่ เลือดที่ออกมาจากรูนั้นไหลซึมไปทั่วจนร่างกายของเขาเปียกโชก
ทว่าบาดแผลฉกรรจ์กลับไม่ใช่ที่ตรงนั้น แต่เป็นที่ลำคอของเขา
มีรูที่หน้าตาคล้าย ๆ กันอยู่ที่นั่น แม้มันจะไม่ใหญ่เท่า แต่มันก็ฉีกทะลุและทำลายลำคอของเขาไปหมดแล้ว
“เป็นแผลจากดาบ มันถูกใครบางคนฆ่า” ซูเฉินขึ้นกล่าวหลังจากตรวจสอบบาดแผล
สถาบันมังกรซ่อนเร้นอนุญาตให้มีการตายเกิดขึ้นได้ เพราะอย่างไรเสีย ในการแข่งขันนี้ก็มีผู้คนนับหมื่นมาเข้าร่วม รวมทั้งเหล่าสัตว์อสูรอีกนับไม่ถ้วน มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะรับประกันความปลอดภัยให้พวกเขาทั้งหมด
การอนุญาตมันก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่เมื่อพวกเขาเห็นคนนอนตายอยู่ตรงหน้า พวกเขาก็ยังคงรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจอยู่ดี
มันเป็นเพียงการแข่งขันเพื่อตำแหน่งสิทธิ์ลงทะเบียน ไม่ใช่การต่อสู้แห่งความเป็นความตาย และยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังไม่ใช่สนามรบสำหรับการสังหารหมู่อย่างป่าเถื่อน หากพวกเขาตายลงเพราะสัตว์อสูร พวกเขาคงทำได้เพียงแต่โทษว่าตัวพวกเขาขาดทักษะและโชคร้าย ทว่าการที่พวกเขาต้องตายมือของมนุษย์ด้วยกัน จะนับว่าอย่างไรดี?
“ร่องรอยของการต่อสู้เกิดขึ้นจากที่นั่นมาจนถึงตรงนี้ ชายคนนี้โดนไล่ล่ามาแล้วก็ถูกฆ่า” หวังโต้วซานมองไปยังอีกจุดไกล ๆ ก่อนจะกลับมามองดูที่ช่วงเอวของผู้ตาย มันความจะมีป้ายหยกแขวนอยู่ที่นั่น แต่ในตอนนี้กลับไม่มีอะไรเลยนอกจากเชือกที่มีร่องรอยถูกตัด
“เชือกถูกตัดครึ่ง ชายคนนี้จึงไม่สามารถทำลายป้ายหยกเพื่อหลบหนีได้ ฆาตกรจงใจตัดทางหนี!” ซูเฉินกล่าวเสริม
“คอของเขาถูกระเบิดด้วยการโจมตีในครั้งเดียว นั่นไม่ใช่การโจมตีทั่วไป มันเป็นทักษะต้นกำเนิดที่สามารถระเบิดได้หลังจากที่ดาบทะลุร่างของเหยื่อและทิ้งบาดแผลสาหัสเอาไว้ ทักษะต้นกำเนิดนี้มีพลังสังหารที่ยอดเยี่ยมอย่างยิ่ง” หวังโต้วซานกล่าวขณะที่เขาชี้ไปที่ลำคอของเหยื่อ
ซูเฉินกล่าวต่อว่า “ที่ศพก็มีบาดแผลมากถึง 12 แห่ง เห็นได้ชัดว่าฆาตกรสามารถสังหารคู่ต่อสู้ได้ในครั้งเดียว แต่มันกลับเลือกที่จะเล่นกับเหยื่อของมัน …”
เขายังไม่ทันที่จะพูดจนจบประโยค ทั้งสองคนมองหน้ากันและพูดว่า “มันสนุกกับการฆ่าคู่ต่อสู้ของมัน!”
สัมผัสอันเย็นเฉียบบางอย่างซึมเข้าไปในหัวใจของพวกเขาพร้อม ๆ กัน
“นี่ เจ้าคิดว่ามันเป็นไปได้ไหมที่เจ้าฆาตกรกับเหยื่อจะเป็นคู่แค้นผู้ไม่ถูกชะตากัน เรื่องเช่นนี้มันถึงได้เกิดขึ้น?” หวังโต้วซานถาม
“มันก็เป็นไปได้” ซูเฉินเอานิ้วจุ่มเลือดของเหยื่อและเริ่มสังเกตไปรอบ ๆ พลางกล่าวว่า “หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”
“ใช่ หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น” หวังโต้วซานถอนหายใจ
หากเป็นเพียงความไม่พอใจส่วนตัว เรื่องทุกอย่างก็จะจบลงทันทีที่ผู้เข้าสอบคนนี้ถูกสังหาร
แต่ถ้าไม่ใช่ สถานการณ์ของเรื่องนี้ก็คงจะซับซ้อนยิ่งกว่านี้
หวังโต้วซานต้องการจะพูดอะไรบางอย่างอีก แต่เขาพบว่าซูเฉินยังคงจ้องมองไปที่เลือดด้วยสายตาแปลก ๆ เขาจึงถามออกไปด้วยความสงสัย “เจ้ากำลังมองหาอะไรอยู่?”
“พลังต้นกำเนิดที่ฆาตกรผู้นี้ใช้มีคุณสมบัติของไฟและมีลักษณะของระเบิด แม้ว่ามันจะไม่ทรงพลังมากนัก แต่ก็สามารถใช้ได้อย่างต่อเนื่อง” ซูเฉินกล่าว
“ดังนั้นรูปแบบการโจมตีของมันคงจะเป็นประเภทที่ดูเหมือนอ่อนแอ แต่ถ้าคู่ต่อสู้โดนเข้าไปก็จะได้รับบาดเจ็บสาหัสและอาจเป็นอัมพาตได้ วิธีการโจมตีของฆาตกรจึงไม่น่าจะใช่การโจมตีอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมา กลับกันควรจะเป็นการโจมตีด้วยดาบเบาที่เน้นความรวดเร็วและแม่นยำเป็นหลัก”
“ตราบเท่าที่สามารถทำร้ายคู่ต่อสู้จนได้รับบาดเจ็บได้ บริเวณที่เหยื่อได้รับบาดแผลก็จะสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไป เหยื่อได้รับบาดเจ็บไปถึง 12 ครั้ง ไม่เพียงแค่จะทำให้ฆาตกรสามารถเล่นกับมันได้ แต่เป็นเพราะบาดแผล 12 แห่งนี้ต่างหากที่ทำให้เหยื่อไม่มีแรงพอจะต่อสู้กลับอีกต่อไป”
“เจ้าสามารถมองเห็นได้ขนาดนั้นเชียว?” หวังโต้วซานถามด้วยความตกใจ
ซูเฉินกล่าวต่อไปว่า “การโจมตีแบบที่สามารถระเบิดภายในได้เช่นนี้ ควรจะเป็นทักษะต้นกำเนิดจากสายเลือด เจ้าพอจะรู้จักตระกูลใดในเขต 5 ที่มีความสามารถทางสายเลือดเช่นนี้หรือไม่?”
หวังโต้วซานส่ายหัว
“เครื่องมือสกัดสายเลือดมีมานานกว่าสองหมื่นปีแล้ว หากเราสมมติว่ามีการผลิตสายเลือดใหม่สิบครั้งต่อปี ปัจจุบันนี้ก็คงจะมีตระกูลสายเลือดชั้นสูงมากถึงสองแสนกว่าคน”
“แม้ว่าในความเป็นจริงจะไม่ได้มีมากมายขนาดนั้น เพราะท้ายที่สุดแล้ว ตลอดหลายปีที่ผ่านไป ก็มีหลายคนได้เปลี่ยนแปลงหรือหายไปตามกาลเวลา แต่ที่แน่ ๆ เผ่ามนุษย์มีตระกูลสายเลือดชั้นสูงอย่างน้อยนับหนึ่งแสนคน เพียงแค่อาณาจักรหลงซางแห่งเดียวก็มีอยู่มากกว่าหมื่นคนแล้ว และเขตที่ 21 ของหลงซาง มณฑลสามเทือกเขานี้ก็มีตระกูลสายเลือดชั้นสูงอยู่เกือบห้าร้อยตระกูล แล้วข้าจะรู้จักพวกมันทั้งหมดได้อย่างไร ?”
“อืม … เวลานี้ก็ต่างจากเมื่อก่อนอยู่บ้าง” หวังโต้วซานพูดพลางพยักหน้า
“ในอดีต เผ่าพันธุ์ต้นกำเนิดได้ครอบงำเผ่าพันธุ์อัจฉริยะที่ยังอ่อนแออย่างมาก ทว่าในตอนนี้ ตั้งแต่ที่เข้าสู่ยุคดาราใหม่ พลังต้นกำเนิดของทวีปต้นกำเนิดก็ได้อ่อนแอลง เหล่าเทพอสูรตกอยู่ในภาวะจำศีล เหลือทิ้งไว้เพียงจักรพรรดิอสูรกายที่คอยปกครองดินแดน และเมื่อเผ่าพันธุ์ต้นกำเนิดไม่แข็งแกร่งพอที่จะปกครองโลกได้อีกต่อไป เผ่าพันธุ์อัจฉริยะจึงได้เพิ่มจำนวนขึ้นและแยกออกเป็นกลุ่มต่าง ๆ จากนั้นเป็นต้นมาพันธมิตรต่างก็ล้มสลาย … อันที่จริงพันธมิตรพวกนั้นก็ไม่ได้มีอยู่มากนักหรอก”
“เผ่าคนเถื่อนเคยเป็นลูกน้องและคนรับใช้ของเผ่าสัตว์อสูร ดังนั้นจนกระทั่งตอนนี้เผ่าพันธุ์อัจฉริยะทั้งหลายต่างก็ไม่ยอมนับพวกมันเป็นเผ่าพันธุ์อัจฉริยะ แต่จัดเอาไว้ภายใต้เผ่าพันธุ์ต้นกำเนิดแทน”
“เผ่าปักษาเป็นราวกับแมลงวันที่บินวนอยู่รอบอาหาร และเพื่อที่จะเป็นที่โปรดปรานของเผ่าสัตว์อสูร พวกมันจึงได้ช่วยคนร้ายทำชั่ว ใช้ประโยชน์จากความสามารถของเผ่าสัตว์อสูร เพื่อผลประโยชน์ของตนเอง”
“เผ่าวิญญาณนั้นสันโดษ พวกมันไม่มีบรรพบุรุษหรือตระกูล พวกมันทั้งมืดมนและดุร้ายเหมือนภูตผีวิญญาณที่โดดเดี่ยว พวกมันไม่เคยต่อสู้กับใคร”
“อีกเผ่าพันธุ์ที่เหลืออยู่คือเผ่าท้องสมุทร เป็นเผ่าพันธุ์เดียวที่สามารถผูกมิตรได้ แต่เพราะฮ่องเต้ชางคนงี่เง่านั้น ท้ายที่สุดพวกเขาก็กลายเป็นศัตรูเช่นกัน”
เห็นได้ชัดว่าคำพูดของหวังโต้วซาน ไม่ได้เกิดขึ้นจากการครุ่นคิดในชั่ววูบ แต่เป็นเพราะเขาได้รับการสอนเรื่องนี้มานานแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถพูดออกมาได้อย่างคล่องแคล่ว
“ท้ายที่สุดเราก็เลยกลายเป็นศัตรูของทุกฝ่าย?” ซูเฉินถาม “อาณาจักรหลงซางขัดแย้งกับเผ่าคนเถื่อน แล้วที่เหลือล่ะ”
“อาณาจักรเหลียวเย่ขัดแย้งกับเผ่าปักษา อาณาจักรนกฮูกขัดแย้งกับเผ่าวิญญาณ และอาณาจักรประกายวารีก็ขัดแย้งกับเผ่าท้องสมุทร แต่ละฝ่ายต่างก็พยายามที่จะยึดดินแดนของฝ่ายตรงข้ามและปกป้องของตนเอง” หวังโต้วซานตอบ
“แล้วภูผาสูญ?” ซูเฉินถาม
“อาณาจักรภูผาสูญ?” หวังโต้วซานเงยหน้าขึ้นฟ้าและหัวเราะเสียงดัง “พวกมันไม่ได้ขัดแย้งกับเผ่าสัตว์อสูรหรือเผ่าพันธุ์อัจฉริยะอื่น ”
“แล้วพวกมันขัดแย้งกับใคร?”
หวังโต้วซานหยุดพูดและเงียบลง
เขาจ้องมองท้องฟ้าเหนือศีรษะเป็นเวลานานก่อนจะพูดว่า “เหตุการณ์ระดับอาณาจักรไม่ใช่เรื่องที่คนอย่างเราจะพูดถึงได้ พูดให้น้อยเข้าไว้ดีกว่า แทนที่จะพูดเรื่องนี้กัน ข้าว่าเรามาจะดูกันดีกว่าว่ามีเบาะแสอื่นที่ฆาตกรทิ้งเอาไว้อีกหรือไม่กันเถอะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)