ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) นิยาย บท 135

บทที่ 135 ทีม

ตูม! ตูม!

เสียงระเบิดที่ทรงพลังที่ดังขึ้นสองครั้งติด ส่งร่างของผู้เข้าสอบทั้งสองที่เหลือบินขึ้นไปในอากาศ

“อันหนึ่งของเจ้า ส่วนอีกอันเป็นของข้า !” หวังโต้วซานพูดอย่างตื่นเต้นในขณะที่เขาเริ่มแบ่งสันปันส่วนสินสงครามครั้งนี้ ท่ามกลางเสียงร้องครวญครางอันน่าสยดสยองของผู้เข้าสอบ

ทั้งสองวิ่งตรงเข้าไปคว้าเป้าหมายของพวกเขาและผละออกไปในทันทีที่ขโมยแต้มคะแนนไปเรียบร้อย การลงมือนี้เร็วมากจนเหยื่อของพวกเขาไม่มีเวลาได้ตอบโต้ เมื่อเป้าหมายที่ถูก ‘ปล้น’ ตื่นขึ้นมา ทั้งสองก็ได้จากไปไกลแล้ว

“ข้าได้มา 4 แต้ม แล้วของเจ้า ?” หวังโต้วซานถาม

“มากกว่าเจ้าเล็กน้อย 5 แต้ม” ซูเฉินตอบ

“ฮึ่ม ช่างน้อยนิด” หวังโต้วซานทำปากยื่นปากงอ

หลังจากต่อสู้กันมาทั้งวัน ผู้เข้าสอบหลายคนก็ได้ถูกคัดออกไป ส่วนผู้เข้าสอบที่ยังคงเหลือรอดอยู่ พวกเขาก็มีแต้มคะแนนอยู่เยอะทีเดียว อย่างไรก็ตาม บรรดาผู้คนที่พวกเขาทั้งสองได้พบนั้น ล้วนแต่มีคะแนนกันอยู่น้อยมาก สามารถพูดได้ว่าพวกเขาช่างโชคร้ายจริง ๆ

เนื่องจากคนพวกนั้นแต่ละคนมีคะแนนไม่มากพอ ทั้งสองจึงทำได้เพียงชดเชยด้วยจำนวนแทน

หวังโต้วซานกับซูเฉินถือได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในหมู่ผู้เข้าสอบ และตอนนี้พวกเขาก็ได้ร่วมมือกันแล้ว แทบจะไม่มีคนที่สามารถจัดการกับพวกเขาได้อีกต่อไป เรียกได้ว่าพวกเขาได้อาละวาดไปทั่วทั้งเขตที่ 6

เนื่องจากไม่มีแรงกดดันจากเนินกลบวิญญาณ ซูเฉินจึงไม่ได้รีบร้อนที่จะไปยังเขตอื่น ๆ ต่อ เขามีความสุขที่ได้สำรวจไปทั่วเขต 6 ในขณะที่ทำความคุ้นเคยกับระเบิดเพลิงปักษาไปด้วย

หวังโต้วซานรับผิดชอบการในการถ่วงคู่ต่อสู้ ฝ่ามือพันปักษาของเขาสามารถช่วยขัดขวางคู่ต่อสู้ได้ดีมาก เมื่อเขาเปิดใช้งานอย่างเต็มที่ แม้แต่ยุงก็ยังไม่สามารถบินผ่านเขาไปได้

ส่วนซูเฉินนั้นยืนอยู่ข้างหลัง คอยขว้างระเบิดเพลิงปักษาอย่างสบายใจ

ระเบิดเพลิงปักษาทรงพลังและสามารถไล่ล่าคู่ต่อสู้ได้ ไม่มีใครเคยเห็นทักษะวิชาเช่นนี้มาก่อน ดังนั้นนกไฟที่เขายิงออกไปจึงเข้าเป้าทุกครั้งไป และตราบเท่าที่มันโจมตีโดนอีกฝ่าย คนพวกนั้นก็จะถูกจัดการไปอย่างรวดเร็ว !

หากระเบิดเพลิงปักษาครั้งเดียวยังไม่เพียงพอที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ เขาก็จะเพิ่มไปอีกครั้ง

การต่อสู้ของพวกเขากลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นมาก เมื่อพวกเขาสองคนจับทีมกัน ทั้งคู่ก็ร่วมมือกันบดขยี้ทุกคนที่ขว้างอยู่ในเส้นทางของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง

ระเบิดเพลิงปักษาเป็นทักษะที่วิวัฒนาการมาจากทักษะลูกไฟ มันสามารถควบคุมและเชี่ยวชาญได้ง่ายกว่ามาก หลังจากใช้งานไปนับหลาย 100 ครั้ง ซูเฉินก็คุ้นเคยกับการใช้ระเบิดเพลิงปักษามากขึ้นเรื่อย ๆ

ในขณะเดียวกัน ผู้คนในเขต 6 ก็เริ่มได้รับข่าวว่ามีดาวร้าย 2 ดวงได้ร่วมมือกันและกำลังไล่ล่าคนอื่น ๆ ในเขต ทำให้ทุกคนเริ่มรู้สึกกังวล ก่อนที่สุดท้ายแล้วก็ไม่รู้ว่าใครเป็นผู้นำจัดตั้งกลุ่มของผู้เข้าสอบมากกว่าสามสิบคน มาล้อมปราบทั้งสองคน

หวังโต้วซานกับซูเฉินไม่รู้เรื่องนี้ พวกเขาจึงเดินตรงเข้าไปในกับดัก เมื่อทั้งสองคนกำลังจะโจมตีเหยื่อล่อ 2-3 คนตรงหน้า พวกเขาก็เห็นผู้เข้าสอบหลายสิบคนกระโจนออกมา ทำให้ทั้งหวังโต้วซานกับซูเฉินตกใจ และพากันวิ่งหนีในทันที !

ในเวลานี้ ความแข็งแกร่งของผู้เข้าสอบกว่าสามสิบคนมันก็ได้แสดงออกมาให้เห็นอย่างแท้จริงแล้ว แม้ว่ากลุ่มผู้เข้าสอบกลุ่มนี้จะสามารถบังคับให้ทั้งสองล่าถอยไปอย่างเร่งรีบได้ ทว่ากลุ่มผู้เข้าสอบก็ไม่สามารถกักตัวหวังโต้วซานกับซูเฉินเอาไว้ที่นั่นได้

ซูเฉินเป็นผู้ที่เคลื่อนไหวไวที่สุด เขาเปิดใช้งานก้าวย่างหมอกอสรพิษจนถึงขีดจำกัด ทำให้ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้น จนสามารถหลบหนีออกไปก่อนที่จะถูกกลุ่มผู้เข้าสอบล้อมเอาไว้

หวังโต้วซานเองก็ไม่ได้ช้าเช่นกัน ภาพลวงตากระเรียนขาวปรากฏขึ้นเบื้องหลังเขาอีกครั้ง ก่อนที่ร่างของเขาจะบินขึ้นไปในอากาศ ร่อนเป็นวงกลม และพุ่งออกไป แม้ว่าเจ้าอ้วนจะถูกโจมตีโดยทักษะต้นกำเนิดจากผู้เข้าสอบบางคนและได้รับบาดเจ็บไปเล็กน้อย แต่เขาก็ยังหลบหนีการล้อมกักมาได้สำเร็จ

ทั้งสองวิ่งหนีตายโดยมีผู้เข้าสอบนับไม่ถ้วนไล่ตามหลัง ก่อนที่ต่อมากลุ่มผู้เข้าสอบเหล่านั้นจะค้นพบว่าความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่ได้ดีเท่าอีกฝ่าย ทำให้กลุ่มผู้เข้าสอบถูกหวังโต้วซานกับซูเฉินทิ้งห่างออกไปอย่างช้า ๆ

อย่างไรก็ตาม มีผู้เข้าสอบที่คนหนึ่งวิ่งเร็วเป็นพิเศษ และดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ใช้ทักษะต้นกำเนิดเลยด้วย ทั้งหมดที่เขาทำคือการวิ่งไปข้างหน้าด้วยขาที่ยาวมากคู่หนึ่งอย่างดุเดือด และเกาะติดทั้งสองไม่ยอมห่าง

หลังจากวิ่งไปได้สักพักหนึ่ง หวังโต้วซานกับซูเฉินก็หยุดลงกะทันหัน เมื่อเห็นเช่นนั้น ผู้เข้าสอบขายาวคนนั้นก็หัวเราะขึ้นเสียงดัง “ฮ่าฮ่า พวกเจ้าไม่มีแรงวิ่งแล้วหรือ? คิดอยากแข่งกับข้าเรื่องความเร็ว … ”

ขณะที่ผู้เข้าสอบขายาวยังคงพูด เขาก็เห็นทั้งทั้งคู่เดินมาหาเขาอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับรอยยิ้ม

จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อผู้เข้าสอบขายาวหันหลังกลับไปมองก็ไม่ใครอื่นอยู่เลย เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่

การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไป “โอ้ …”

เขาหันกลับและวิ่งหนีไป

นกไฟกระพือปีกและพุ่งตรงเข้าหาคนผู้นั้น

ทำให้เขาถูกส่งไปบินในการโจมตีเพียงครั้งเดียว

หวังโต้วซานหัวเราะลั่นขณะมองไปที่ผู้เข้าสอบที่ล้มอยู่กับพื้น “ชายคนนี้มีความสามารถจริง ๆ สามารถตามติดเรามาได้ตลอดทาง ข้านึกว่ามันจะมีทักษะมากกว่านี้ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้เชี่ยวชาญอะไรเป็นพิเศษ ที่แท้ก็แค่ไม่มีสมอง”

ในขณะที่พูด เจ้าอ้วนก็เก็บเอาคะแนนของผู้เข้าสอบขายาวไป ตามข้อตกลงของเขากับซูเฉิน คะแนนเหล่านี้เป็นของเขา

หลังจากเก็บคะแนนไปแล้ว หวังโต้วซานก็กล่าวว่า “ข้าต้องขอบอกว่าความเร็วของเจ้าน่าประทับใจทีเดียว นั่นคือทักษะทางร่างกายอะไรกัน ? มันเร็วยิ่งกว่าก้าวย่างกระเรียนหิมะของข้าเสียอีก อย่าบอกนะว่านี่ก็ไม่ใช่ทักษะต้นกำเนิดจากสายเลือดเช่นกัน”

ซูเฉินยิ้มอย่างขมขื่น “ก็ข้าเคยบอกเจ้าไปแล้วไง ว่าข้ามาจากตระกูลที่ไร้สายเลือด แล้วข้าจะไปมีสายเลือดได้อย่างไร ? ”

หวังโต้วซานมองไปที่เด็กหนุ่มด้วยความตกใจ

เพียงแค่ระเบิดเพลิงปักษาที่ทรงพลังพอ ๆ กับทักษะต้นกำเนิดจากสายเลือดก็เพียงพอที่จะทำให้เขาตกตะลึงแล้ว แล้วตอนนี้เขายังมีทักษะกำเนิดประเภทความเร็วที่เทียบได้ทักษะต้นกำเนิดจากสายเลือดอีกด้วย? แม่เจ้า นี่เขาเป็นตัวอะไรกันเนี่ย?

ไม่ใช่ว่าทักษะต้นกำเนิดที่ไม่ได้มาจากสายเลือดจะด้อยกว่าทักษะต้นกำเนิดจากสายเลือดที่อยู่ในระดับเดียวกัน แต่ทว่าทักษะพวกนั้น ส่วนใหญ่แล้วมันหายาก และมีค่าอย่างมาก

เมื่อคำนึงถึงเกณฑ์มาตรฐานนี้ ระเบิดเพลิงปักษากับก้าวย่างหมอกอสรพิษที่ซูเฉินใช้นั้นก็นับเป็นระดับทักษะลับได้เลย

แต่เมืองเล็ก ๆ อย่างหลินเป่ย สามารถพัฒนาทักษะระดับลับได้ตั้งแต่เมื่อไหร่?

นั่นเป็นเทคนิคล้ำค่าที่แม้แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์ควบคุม!

หวังโต้วซานไม่สามารถมองข้ามซูเฉินได้อีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม หากซูเฉินยังคงเงียบ หวังโต้วซานก็ไม่สามารถบังคับเอาอะไรจากเขาได้ และก็พูดได้เพียงแค่ “แล้วเอายังไงต่อ?”

ซูเฉินมองไปรอบ ๆ “ไม่ว่าคนที่เหลืออยู่ในเขต 6 นี้ จะถูกเราเก็บกวาดหรือจะรวมกลุ่มกันปกป้องตัวเอง ข้าก็คิดว่ามันคงจะไม่สะดวกที่เราจะอยู่ที่นี่อีกต่อไป”

“ถ้าอย่างนั้นเจ้าหมายถึง … ”

“ถึงเวลาที่เราต้องไปยังเขตที่ 5 กันแล้ว” ซูเฉินตอบ

“เอาล่ะไปเขตที่ 5 กัน” หวังโต้วซานสนับสนุนเขาอย่างตื่นเต้น

หลังจากตกลงแผนกันเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งสองก็ตรงไปยังเขตที่ 5

และแล้วผู้เข้าสอบในเขต 5 ก็ได้พบกับความหายนะต่อจากเขต 6

ในความเป็นจริง ระดับความแข็งแกร่งโดยทั่วไปของผู้เข้าสอบเขต 5 นั้นสูงกว่าเขต 13 อยู่เล็กน้อย

ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของซูเฉิน แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องยากที่เขาถูกจัดอยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญของที่นี่ ทว่าการที่จะกวาดบุกและบดขยี้ไปทั่วทั้งเขต มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้ แต่ตอนนี้หลังจากที่มีหวังโต้วซานมาเป็นพันธมิตรของเขา ผลที่ได้ 1 บวก 1 ก็ย่อมเท่ากับ 2

คนหนึ่งมีสายเลือดที่ทรงพลังและสามารถพลังระเบิดที่น่าทึ่งออกมาได้ ในขณะที่อีกคนมีพื้นฐานการฝึกฝนด่านก่อเกิดลมปราณขั้น 5 และครอบครองหินพลังต้นกำเนิดระดับสูง จึงทำให้สามารถสู้ต่อได้เรื่อย ๆ พวกเขาทั้งสองคนเข้ากันได้ดีมาก ทั้งคู่ต่างก็อุดจุดอ่อนของกันและกัน และที่สำคัญเลยก็คือ พวกเขานั้นเต็มใจที่จะใช้ทุกวิธีการเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

ถึงภาพลักษณ์ภายนอกของหวังโต้วซานดูเรียบง่ายและงี่เง่า แต่จริง ๆ แล้วเขาค่อนข้างฉลาดและยืดหยุ่น นอกจากนี้ก็ยังไม่มีใครเคยเห็นระเบิดเพลิงปักษาของซูเฉินมาก่อน พวกเขาจึงได้มองความแข็งแกร่งของมันต่ำไป ผู้เข้าสอบส่วนใหญ่มองพวกเขาเป็นเหมือนลูกแกะอ้วนและพุ่งเข้าใส่ ก่อนที่สุดท้ายผู้เข้าสอบพวกนั้นก็กลายเป็นลูกแกะอ้วนเสียเอง

ด้วยเหตุนี้ คะแนนของทั้งคู่จึงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในกระดานจัดอันดับ ชื่อของซูเฉินก็ได้กลับมาติดในร้อยอันดับแรกอีกครั้ง หลังจากที่เขาหลุดอันดับไปเพราะเรื่องเนินกลบวิญญาณ

เขากลับขึ้นมาเป็นครั้งที่ 3 และทุกครั้งที่ชื่อของเขากลับมาปรากฏอีกครั้ง มันจะกลับมาในอันดับที่สูงขึ้น ซูเฉินติดอยู่ในอันดับที่ 56 ด้วยคะแนน 112 แต้ม ส่วนอันดับของหวังโต้วซาน เขานั้นอยู่สูงกว่าซูเฉินเล็กน้อย เจ้าอ้วนอยู่ในอันดับที่ 54 ด้วยคะแนน 136 แต้ม

ทุกคนต่างพูดไม่ออก เมื่อพวกเขาได้เห็นตัวเลขเหล่านี้

จอแสงได้รับการซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว และหลังจากได้ชมการต่อสู้ของทั้งสองแล้ว แม้แต่เหล่าตระกูลสายเลือดชั้นสูงก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ว่าซูเฉินกำลังใช้ประโยชน์จากหวังโต้วซาน

นี่เป็นเรื่องจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งระเบิดเพลิงปักษาของเขา ที่ทรงพลังมากเกินความคาดหมายของทุกคน

“ถ้าไม่มีเหตุไม่คาดคิดอะไรเกิดขึ้น เด็กคนนี้น่าจะติดอยู่ในร้อยอันดับแรกได้” สมาชิกคนหนึ่งของตระกูลชั้นสูงกล่าว

“ถือได้ว่าเป็นรุ่นเยาว์ที่โดดเด่นคนหนึ่งเลยทีเดียว”

“ดูเหมือนว่าหลงพั่วจวินอีกคนกำลังจะปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว”

“หลงพั่วจวินติดอยู่ 10 อันดับแรก หากมันต้องการที่จะเป็นหลงพั่วจวินคนต่อไป แค่การบีบลูกพลับอ่อนเหล่านี้นับว่ายังไม่เพียงพอ มันจำต้องมุ่งไปเผชิญหน้ากับการต่อสู้ที่ยากลำบาก!”

“นั่นเป็นความจริง”

“การต่อสู้ที่ยากลำบากเหล่านั้นจะมาถึงในไม่ช้า” ใครบางคนพูดขึ้นมาอย่างสบาย ๆ

เมื่อเวลาผ่านไปผู้เข้าสอบก็จะถูกกำจัดออกไปมากขึ้น และผู้ที่ยังเหลืออยู่ก็จะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากกว่า

แต่ไม่ว่าซูเฉินจะไปได้ถึงจุดไหน ผลลัพธ์ปัจจุบันของเขาก็มากเกินพอที่จะภาคภูมิใจได้แล้ว

หลายคนรู้ว่าเขามาจากตระกูลซูในเมืองหลินเป่ย ดังนั้นหลายคนจึงมองหาสมาชิกของตระกูลซูเพื่อแสดงความยินดีกับพวกเขา

แต่ยิ่งพวกเขาแสดงความยินดีมากเท่าไหร่ การแสดงออกของเหล่าสมาชิกตระกูลซูก็ยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งซูเฉิงอัน

หลังจากที่ผู้คนรู้ว่าซูเฉิงอันเป็นพ่อของซูเฉิน สมาชิกจากตระกูลมากมายที่อยู่ใกล้เคียงต่างก็เข้ามาร่วมแสดงความยินดีกับเขา

เมื่อมีคนมาแสดงความยินดีหรือกล่าวคำชม มันก็ราวกับมีมีดมมากรีดผ่านหัวใจของซูเฉิงอัน

ทุกครั้งที่อันดับของซูเฉินสูงขึ้นเรื่อย ๆ การแสดงความยินดีก็ยิ่งหลั่งไหลเข้ามามากขึ้น ในพริบตาซูเฉิงอันจึงถูกแทงไปราว 17-18 ครั้งได้ นี่ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดและอึดอัดใจอย่างมาก

จอแสงไม่สามารถจับภาพของซู่เฉินเอาไว้ได้ตลอดเวลา มันได้เปลี่ยนไปจับภาพคนอื่นนานแล้ว

ไม่มีใครรู้ว่าในตอนนี้ซู่เฉินกับหวังโต้วซานกำลังจับจ้องไปที่จุด ๆ หนึ่งอยู่

มันเป็นร่างไร้วิญญาณ ร่างหนึ่ง !

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)