ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) นิยาย บท 141

สรุปบท บทที่ 141 ไล่ล่าข้ามเขต: ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 141 ไล่ล่าข้ามเขต – ตอนที่ต้องอ่านของ ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

ตอนนี้ของ ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 141 ไล่ล่าข้ามเขต จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

บทที่ 141 ไล่ล่าข้ามเขต

พานเยว่วิ่งหนีไปด้วยความตื่นตระหนก ความหยิ่งยโสที่เคยมีพลันเลือนหายไป กลายเป็นความหวาดกลัว

บนร่างเขามีกลิ่นประหลาดติดอยู่ ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่อาจกำจัดมันออกไปได้

ซูเฉินชิงป้ายหยกเขาไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่อาจหลบหนีออกจากสนามสอบได้ ส่วนกลิ่นบนร่างของเขา หากซูเฉินหรือข่งเชินตามมาก็จะพบตัวเขาได้ในทันที จากนั้นพวกมันจะทำเช่นไรกับเขาก็ไม่อาจรู้ได้!

เจ้าบัดซบสองตัวนั่น!

พานเยว่ใกล้เสียสติเต็มทน

เขากรีดร้องอยู่ภายในใจ สองขายังคงวิ่งต่อไม่หยุดหย่อน หากแต่ขาที่บาดเจ็บกลับทำให้ไม่อาจวิ่งเร็วกว่านี้ได้

พานเยว่โซซัดโซเซผ่านที่ราบอันแห้งแล้งมาได้ เขาหวังเพียงให้ซูเฉินกับข่งเชินต่อสู้ติดพันอีกสักพัก เพื่อที่เขาจะได้มีจังหวะหลบหนี

แต่ไม่นาน พานเยว่ก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ด้านหลังตน

เงาที่คุ้นตากำลังคืบคลานมาจากที่ไกล

ซูเฉิน !

แม้อีกฝ่ายจะสวมหน้ากากอยู่ พานเยว่ก็สามารถจดจำอีกฝ่ายได้

เห็นดังนั้นเขาก็หวาดกลัวสุดขีด สับฝีเท้าวิ่งหนีสุดชีวิตในพลัน

ซูเฉินไล่ตามเขามาไม่ช้าไม่เร็วนัก

พิษในร่างเขายังไม่สลายไปจนหมด ตอนนี้จึงไม่อาจเพิ่มความเร็วได้ชั่วคราว หากแต่ก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอันใด หากเด็กหนุ่มไล่ล่าพานเยว่ด้วยความเร็วเช่นนี้ต่อไป อย่างไรก็ต้องไล่ตามทัน

คืนนั้นแสงจันทร์ส่องสว่างยิ่งนัก ทำให้สามารถมองเห็นเงาร่างของพานเยว่ได้อย่างชัดเจนในยามค่ำคืน ซูเฉินเห็นถึงขนาดว่าอีกฝ่ายอยู่ในสภาพน่าสมเพชถึงเพียงไหน

เขาไล่ตามพานเยว่ต่อไป

เด็กหนุ่มอาจปล่อยข่งเชินไปได้ แต่กับพานเยว่เขาไม่อาจทำเช่นนั้น

พานเยว่จำเป็นต้องตายเท่านั้น !

ไม่ว่าพานเยว่จะพยายามเร่งความเร็วสักเพียงไหน ระยะห่างระหว่างเขาและซูเฉินกลับลดลงเรื่อย ๆ

พานเยว่ตกตะลึงนัก สุดท้ายก็ตะโกนดังลั่นออกมา “ช่วยข้าด้วย ! ช่วยข้า ! มีคนจะสังหารข้า !”

หลังจากคำพูดเหล่านี้ถูกตะโกนออกไป เงาดำสามเงาก็พุ่งออกมาจากภายในป่า

พานเยว่ตะโกน “ข้าเป็นศิษย์ตระกูลพานแห่งเมืองป่าสน ผู้ที่ไล่หลังข้าอยู่ต้องการสังหารข้า ! เขาชิงเอาป้ายหยกข้าไปแล้ว ข้าไม่มีคะแนนให้พวกเจ้า หากวันนี้ข้ารอด ข้าจะมอบทุกอย่างที่เจ้าต้องการให้ !”

คนทั้งสามมองมายังพานเยว่ เมื่อไม่สามารถจับสัมผัสป้ายหยกบนร่างได้ ทั้งสามจึงกระโดดผ่านพานเยว่ไป พุ่งเข้าใส่ซูเฉิน

ซูเฉินเอ่ยขึ้นเสียงดัง “คนผู้นี้สังหารคนไปแล้วมากกว่าสิบคน”

“ไม่ เป็นเขาต่างหาก เป็นเขาที่สังหารคน !” พานเยว่ตะโกนอย่างบ้าคลั่ง

คนสามคนมองหน้ากันไปมาด้วยความกังขาอยู่ชั่วขณะ หากแต่พริบตาต่อมากลับพุ่งไปทางซูเฉิน ดูท่าพวกเขาเลือกเชื่อคำพานเยว่

หรือไม่ก็อาจจะต้องการชิงเอาคะแนนเสียมากกว่า

บัดซบเอ๊ย !

ซูเฉินพุ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็วสูงในตอนที่คนสามคนพุ่งเข้ามา

“ไสหัวออกไป !” ปักษาเพลิงพุ่งออกมาจากฝ่ามือซูเฉิน กระแทกเข้ากับเกราะของหนึ่งในคนที่พุ่งเข้ามา ส่งผลให้ร่างนั้นกระเด็นลงกระแทกกับพื้น ส่วนอีกสองคนที่โจมตีจากด้านซ้ายและขวา เด็กหนุ่มก็ได้ใช้มีดสั้นจ้วงแทงไปหลายครั้ง ส่งคมดาบสีฟ้าซัดออกไปยังศัตรูทั้งสอง

คู่ต่อสู้อีกสองคนฝีมือไม่ธรรมดา สามารถโต้กลับทุกการโจมตีของเขาได้ ซูเฉินไม่ต้องการให้การต่อสู้ครั้งนี้กินเวลานาน ดังนั้นจึงโยนขวดเหล้าออกไปสองขวด แรงระเบิดส่งผลให้สองคนนั้นกระเด็นไปไกล

หลังจากชิงคะแนนจากสองคนนั้นแล้ว เขาก็ไล่ล่าคนต่อ

พานเยว่พุ่งเข้าไปในป่า ร้องเสียงหลงออกมาสุดกำลัง “มีคนอยากสังหารข้า เขาจะสังหารข้า !”

น้ำเสียงโหยหวนของพานเยว่ดึงความสนใจจากคนอีกสองคน ทั้งคู่พุ่งไปทางซูเฉินอย่างพร้อมเพรียงกัน

ซูเฉินเดือดดาลนัก “พวกเจ้าไสหัวออกไปให้พ้น !”

เขาเงื้อมือขึ้น ส่งเพลิงปักษาสองลูกเข้าใส่คนที่กำลังขวางทางเบื้องหน้า ทั้งคู่ถูกพลังระเบิดเข้าอย่างจัง ร่วงลงไปในทันที

ซูเฉินชิงคะแนนของทั้งสองมา จากนั้นทำการไล่ตามคนต่อ

ยามชีวิตตกอยู่ในอันตราย คนเราจะมีพละกำลังมากขึ้นผิดปกติ พานเยว่เองก็เป็นเช่นนั้น

ขาเขาบาดเจ็บ หากแต่ก็ไม่ทำให้ความเร็วเขาลดช้าลงเลย ทั้งยังเสาะหากลยุทธ์ด้วยการวิ่งหนีเข้าไปยังทิศที่มีผู้คนเกาะกลุ่มอยู่มาก พอวิ่งเข้าไปใกล้ก็ตะโกนโห่ร้องว่า “ข้าไม่เหลือคะแนนใด คนที่ไล่ตามข้ามาเอาคะแนนข้าไปจนสิ้น” หรือไม่ก็ “มีมือสังหารบ้าคลั่งไล่ตามข้าอยู่” ไม่ว่าจะเป็นคำลวงใด เขาก็พร้อมจะตะโกนมันออกมาเพื่อรักษาชีวิตตน

ผู้เข้าสอบคนแล้วคนเล่าถูกเสียงตะโกนของพานเยว่ดึงมา ต่างพากันพุ่งเข้าไปขวางซูเฉินไว้

ซูเฉินไร้พลังในการโต้เถียงอธิบายตน เขาทำใจแข็ง จากนั้นเร่งความเร็วเพิ่มขึ้น

ฟิ้ว! ฟึ่บ!

เงาร่างสองเงา เงาหนึ่งด้านหน้า เงาหนึ่งด้านหลัง ดีดตัวออกมาจากภายในป่ากว้าง จากธารน้ำ จากหุบเขา เงาแล้วเงาเล่า พยายามรบราฆ่าฟันอีกฝ่ายอย่างเต็มที่

ในที่สุดพระอาทิตย์ก็ขึ้นฉายแสงไล่ความมืดมิดยามค่ำคืนออกไป

ยามเมื่อแสงแรกแห่งวันใหม่ส่องลงที่สนามสอบ ซูเฉินก็รู้ในพลันว่าเวลาหนึ่งคืนได้ผ่านพ้นไปแล้ว

ตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มสว่างแล้ว หากแต่พานเยว่กลับยังวิ่งหนีไม่หยุดหย่อนราวกับกระต่ายตัวหนึ่ง

“หยุดไล่ตามข้าได้แล้ว !” พานเยว่ตะโกนขึ้นราวคนเสียสติ “บัดซบเอ๊ย ยังไม่พออีกหรือไง !?”

เขาใกล้จะทรุดลงกับพื้นแล้วร้องไห้ออกมาเต็มทน

เจ้าคนเสียสติผู้นี้มาจากที่ใดกัน เหตุใดจึงไล่ตามไม่หยุดเช่นนี้ ? มีคนพุ่งเข้าไปจัดการคนผู้นี้ตั้งหลายสิบคน แต่กลับไม่มีใครสามารถหยุดยั้งได้เลย !

พานเยว่คล้ายกับจะหมดหวัง

เขาจำต้องหายอดฝีมือมารักษาชีวิตเขาแล้ว

ในตอนนั้นเอง มีคนอีกสองคนกำลังมุ่งหน้ามาทางเขา

พานเยว่ร้องเสียงโหยหวนออกมา “บอกข้าที ที่นี่มีใครเป็นยอดฝีมือ ?”

คำถามที่จู่ ๆ โพล่งขึ้นมาทำให้สองคนนั้นชะงักไป จากนั้นพวกเขาก็พลันตอบออกไปตามสัญชาตญาณ “สกุณาเหมันต์จีหานเยี่ยนคือผู้ที่มีฝีมือสูงส่งที่สุดในแถบนี้ ยังมีอสูรโลหิตจงติ่ง ผีเสื้อลวงจินหลิงเอ้อร์ โอ้ แล้วยังมีคันศรไม้จางเซิ่งอันอีกคนที่เก่งกาจ”

พริบตาต่อมา พานเยว่โก่งคอตะโกนเสียงดังออกมา “สกุณาเหมันต์จีหานเยี่ยน อสูรโลหิตจงติ่ง ผีเสื้อลวงจินหลิงเอ้อร์ คันศรไม้จางเซิ่งอัน พวกเจ้าอยู่ที่ใด ? มีคนต้องการท้าประลองกับพวกเจ้า !”

เสียงของเขาดังไกลไปทั่วทุกทิศทาง

คนสองคนเมื่อครู่เดิมทีคิดจะหาประโยชน์จากอีกฝ่าย แต่เมื่อได้ยินดังนั้นก็รู้สึกขนลุกซู ไม่กล้าโจมตีผู้ที่กำลังวิ่งหนีตายอยู่ กลับเป็นฝ่ายวิ่งหนีไปไกลแทน

นี่มันเรื่องน่าขันอันใดกัน ? เป็นผู้ใดกล้าท้าประลองกับยอดฝีมือทั้ง 4 ของเขต 1 ในคราเดียวเช่นนี้ ? พวกเขาคงไม่อาจล่วงเกินคนผู้นั้นได้แน่

ในตอนนั้นเองที่น้ำเสียงสบายอารมณ์ดังแว่วมาตามลม

“นี่ ผู้ใดช่างโอหัง กล้าท้าประลองคนสี่คนในคราเดียวกัน ? ขอแม่นางผู้ดียมโฉมหน่อยเป็นไร”

สายลมหอมกรุ่นสายหนึ่งพัดแผ่วเบาเข้ามา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)