ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) นิยาย บท 140

สรุปบท บทที่ 140 ถอนพิษ: ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

อ่านสรุป บทที่ 140 ถอนพิษ จาก ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) โดย Internet

บทที่ บทที่ 140 ถอนพิษ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 140 ถอนพิษ

ซูเฉินและข่งเชินต่อสู้พัวพันกันอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง

ระเบิดเพลิงปักษาปะทะกับ 5 ไอพิษ ก้าวย่างหมอกอสรพิษกับก้าวย่างพันเงา ดาบอัสนีบาตกับดาบนกกระจอก นัยน์ตาวิญญาณกับการโจมตีไร้ลักษณ์ วิชากายาเวหาเวียนกับวิชากายาประจำตระกูลข่ง

ช่างเป็นการยากที่จะตัดสินว่าระหว่างทั้ง 2 ใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายได้เปรียบ กลุ่มหมอกสีดำกับประกายไฟสีแดงจากการระเบิดพลัดกันปรากฏขึ้นมาเป็นช่วง ๆ

ยิ่งต่อสู้กันไปนานเท่าไหร่ข่งเชินก็ยิ่งตกใจและรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้น เขาจ้องมองไปที่ซูเฉินด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อในขณะที่เขาตะโกนลั่น “เจ้าไม่ได้มาจากตระกูลสายเลือดชั้นสูงด้วยซ้ำ เจ้ามีความสามารถในการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ?”

ซูเฉินส่งเสียง เหอะ ออกมาแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก

เมื่อดูจากการไม่ตอบสนองของอีกฝ่ายแล้ว ข่งเชินจึงสรุปสิ่งที่เกิดขึ้นในใจของเขา แล้วพูดขึ้นเสียงดังว่า “เจ้าถูกข้าวางยาไปแล้ว แต่กลับยังกล้าที่จะสู้กับข้าแทนที่จะไปหาที่ถอนพิษ ? เมื่อยามที่พิษแล่นเข้าสู่หัวใจของเจ้ามันก็คงจะสายเกินไป ข้าไม่ใช่ผู้ที่ฆ่าเจ้า แต่เจ้าเป็นผู้ที่แส่หาความตายเอง”

ในที่สุดซูเฉินก็เปิดปากของเขา “ไม่ใช่ว่านี่คือ 1 ใน ‘อุบัติเหตุ’ ที่มักจะเกิดขึ้นในระหว่างการต่อสู้ของมังกรซ่อนเร้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้หรอกหรือ ? ผู้ที่ได้ช่วยชีวิตเอาไว้เมื่อครู่ได้ก่อให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า ‘อุบัติเหตุ’ นี้นับ 10 กว่าครั้ง ข้าคิดว่าคงจะมีบางส่วนที่เกิดจากมือของเจ้าด้วยเช่นกัน ? แล้วยังไง ? เจ้าไม่สามารถจัดการข้าได้ง่าย ๆ อย่างที่หวังก็เลยหาทางออกด้วยการเผยความเมตตาในใจของเจ้า ? หรือบางทีเจ้าจะไม่สามารถทนบาดแผลนั้นได้แล้วกันแน่ ?”

“ไอ้เวรนี่ รนหาที่ตาย !” ข่งเชินคำรามด้วยความโกรธ

ริ้วพิษลอยออกมาจากฝ่ามือของเขา ข่งเชินเปิดใช้งานทักษะพิษที่เขาครอบครองจนถึงขีดสุด

ใบหน้าของซูเฉินเริ่มซีดเซียวขึ้นเรื่อย ๆ ลมหายใจของเขาก็เริ่มที่จะติดขัดมากขึ้นเช่นกัน

ข่งเชินมีความสุขมาก ในเวลานี้อาการบาดเจ็บของเขาเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย ระเบิดเพลิงปักษาของซูเฉินนั้นทรงพลังอย่างน่าตกใจและยังสามารถไล่ตามเป้าหมายได้ จนเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากมัน ทุกครั้งที่ซูเฉินใช้ทักษะนี้ ข่งเชินก็จะถูกบังคับให้ทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อจัดการกับมัน แม้ว่าจะเป็นเพียงแรงกระแทก แต่มันก็ยังสร้างความเสียหายที่ร้ายแรงให้กับเขา แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้สำคัญอะไรกับข่งเชินอีกต่อไป เมื่อเขาได้เห็นรูปลักษณ์ของซูเฉินในตอนนี้ พิษในร่างกายของอีกฝ่ายกำลังสะสมผลกระทบที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เขารู้สึกว่าซูเฉินใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว

ในการต่อสู้ครั้งนี้ ชัยชนะเป็นของข้า !

ข่งเชินคิดเช่นนั้น

ทันใดนั้นซูเฉินก็ได้เหวี่ยงมือบังคับให้ข่งเชินถอยหนีไป จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นและเผยให้เห็นยิ้มที่ดูลึกลับ “เจ้าคิดว่าพิษของเจ้าจะใช้ได้ผลกับข้าจริง ๆ ?”

ข่งเชินตกตะลึง

ข่งเชินเฝ้าดู ซูเฉินเอาชี้นิ้วแทงลงไปในหน้าอกของตัวเอง

การแทงครั้งนี้ทำให้เลือดสีดำพุ่งสาดออกมาจากหน้าอกของซูเฉิน มันทิ้งสารสีดำที่ดูเปียกชื้นและส่งกลิ่นเหม็นเปรี้ยวเอาไว้ในอากาศ

ข่งเชินตกตะลึงกับการกระทำของอย่างมากซูเฉิน “เจ้าบังคับให้พิษของข้าออกมา ?”

ซูเฉินยิ้ม “มันก็ไม่ได้ไม่ยากอะไร”

มันไม่ยากเลยจริง ๆ

ซูเฉินได้เริ่มสังเกตเห็นพิษตั้งแต่ตอนที่มันเข้าสู่ร่างกายของเขาแล้ว หากเขาสามารถมองเห็นต้นวารีเยือกแข็งกับผงชะงักเลือดได้ แน่นอนว่าเขาก็ย่อมสามารถมองเห็นพิษได้เช่นกัน

พิษที่ข่งเชินใช้นั้นประกอบไปด้วย 2 สิ่ง หนึ่งคือสารพิษ ส่วนอีกหนึ่งคือสสารต้นกำเนิด

สสารต้นกำเนิดรูปแบบเฉพาะนี้ ทำให้เด็กหนุ่มสามารถควบคุมพิษให้โจมตีและสร้างความเสียหายแก่ร่างกายมนุษย์ได้

ในระหว่างการต่อสู้ซูเฉินไม่สามารถทดสอบได้ว่ายาสมุนไพรชนิดใดที่สามารถถอนพิษนี้ได้บ้าง แต่เนื่องจากการมีอยู่สสารต้นกำเนิดพิษนั่น เขาจึงสามารถใช้พลังต้นกำเนิดถอนพิษออกไปได้

ซูเฉินค้นพบอย่างรวดเร็วว่าสสารต้นกำเนิดพิษนี้ไม่ได้แข็งแกร่ง ทว่ามันเจ้าเล่ห์มากราวกับว่ามีสติปัญญาเป็นของตัวเอง ในขณะที่เขาส่งพลังต้นกำเนิดของตนไปปราบเจ้าสสารต้นกำเนิดพิษนี้ มันก็พยายามหลบหนีอย่างแข็งขัน เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงชะตากรรมของการถูกกลืนหายไป

และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมการขับพิษนี้จึงเป็นเรื่องยาก

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ซูเฉินค้นพบสิ่งนี้ เขาก็ตัดสินใจทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม แทนที่จะพยายามขับไล่พิษออกไปอย่างสุดกำลัง เด็กหนุ่มกลับชักนำพลังต้นกำเนิดของตนผ่านเส้นพลังต้นกำเนิดแปดเส้นของเขา และจงใจปล่อยมันเอาไว้เช่นเดิม 1 เส้น

ด้วยการทำเช่นนี้ซ้ำหลาย ๆ ครั้ง ทำให้ซูเฉินสามารถรวบรวมพิษมาไว้ในจุด ๆ เดียวได้ แน่นอนว่ามันดูเรียบง่ายแต่จริง ๆ แล้วมันไม่ง่ายเลย มันมีรายละเอียดมากมายที่เขาต้องใส่ใจเป็นพิเศษ หากดวงตาของซูเฉินไม่มีความสามารถในการมองเห็นสิ่งต่างๆในระดับกล้องจุลทรรศน์ มันก็คงจะเป็นไม่ได้ที่เขาจะทำมันได้สำเร็จ

เมื่อพิษส่วนใหญ่มารวมตัวกันอยู่ในตำแหน่งเดียวกันแล้ว ซูเฉินก็ใช้นิ้วของเขาทะลวงเข้าไป ณ จุดนั้น และขับพิษรวมจำนวนมากออกมา

แม้ว่าจะมีบางน้อยที่ยังหลงเหลืออยู่ในร่างกายของเขา แต่หลังจากพิษส่วนใหญ่ได้ถูกขับออกไปแล้ว ส่วนที่เหลือก็ไม่ใช่อะไรที่ซูเฉินจะต้องไปกังวล

ข่งเชินตกตะลึงตาค้างไปชั่วขณะ เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าซูเฉินจะมีกลยุทธ์เช่นนี้อยู่ด้วย

เมื่อปราศจากพิษที่คอยกัดกร่อนร่างกาย ท่าทางของซูเฉินก็ดูมีกำลังวังชามากขึ้น “ที่นี้ เจ้ายังมีกลยุทธ์อะไรเหลืออยู่อีกไหม ?”

ซูเฉินพุ่งตรงเข้าไปในหมอกพิษที่ข่งเชินปล่อยออกมาในทันทีที่เขาพูดจบ

ขณะที่ข่งเชินกำลังครุ่นคิด ทันใดนั้นเขาก็พบว่าผู้คนรอบข้างกำลังชี้มาที่เขาและกระซิบกระซาบราวกับกำลังปรึกษาหารืออะไรบางอย่างกันอยู่

ข่งเชินงุนงงอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ก้มศีรษะลงไปและพบกับกระดาษที่ติดอยู่บนตัวของเขา

นี่คือ…

ข่งเชินรู้สึกได้ถึงคลื่นแห่งความไม่สบายใจบางอย่างที่ซัดสาดเข้ามา

เขาดึงกระดาษออกมาดูและแทบจะลมจับหลังจากอ่านมันจบ

บนกระดาษได้เขียนวิธีการที่ซูเฉินใช้ขับ 5 ไอพิษของเขาไว้อย่างละเอียดหมดจด ทั้งคุณสมบัติ คุณลักษณะเฉพาะของ 5 ไอพิษ รวมไปถึงปัจจัยหลายประการที่ต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษเมื่อพวกเขาต้องการจะถอนพิษชนิดนี้

สาเหตุที่ตะขาบพิษข่งเชินได้ฉายาว่าตะขาบพิษ ส่วนใหญ่มันก็เป็นเพราะพิษของเขา

และตอนนี้ 5 ไอพิษของเขาไม่มีพิษมีภัยอีกต่อไป แทบจะเรียกได้ว่าความแข็งแกร่งและความได้เปรียบส่วนใหญ่ของข่งเชินได้สูญสิ้นแล้ว อย่างนี้เขายังจะสามารถเรียกตัวเองว่าตะขาบพิษได้อย่างไรกัน ?

ข่งเชินอยากจะร้องไห้ ช่างเป็นการลงมือที่โหดร้ายเกินไปแล้ว เช่นนี้ในอนาคตข้างหน้าเขาจะยังสามารถทำสิ่งใดได้อีก ?

ไม่สิ มันไม่ใช่แค่เขา สิ่งนี้ส่งผลกระทบต่อตระกูลข่งทั้งตระกูล พวกเขายังจะสามารถทำสิ่งใดต่อได้อีก ?

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ข่งเชินก็เปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว และตะโกนขึ้นราวกับคนเสียสติ “อย่ามอง ! อย่ามองนะ ! ลืมทุกอย่างที่พวกเจ้าเห็นไปซะ !”

แต่เขาก็รู้ดีว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ คนเหล่านี้จะลืมสิ่งที่พวกเขาเห็นไปได้อย่างไรกัน ? ผู้ชมโดยรอบต่างก็หัวเราะเยาะเขา และเก็บเอาวิธีถอนพิษเข้าไปไว้ส่วนลึกในความทรงจำ

นับจากนี้เป็นต้นไป พิษของตระกูลข่งจะกลายเป็นพิษไร้ประโยชน์ที่ไม่สามารถทำร้ายผู้ใดได้อีก

ในเวลาเดียวกัน ที่ไหนสักแห่งท่ามกลางซากปรักหักพัง ซูเฉินจ้องมองไปยังทิศทางที่พานเยว่หลบหนีไป และกลับมาสวมหน้ากากอีกครั้ง

หน้ากากเต็มไปด้วยกลิ่นอายของปีศาจ สะท้อนให้เห็นถึงสภาพอารมณ์ในปัจจุบันของซูเฉินได้เป็นอย่างดี

พานเยว่ต้องตาย !

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)