บทที่ 145 การร่วมมือครั้งใหม่ (1)
หลังลืมตาขึ้นอีกครั้ง จินหลิงเอ้อร์ก็ลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบาก นางรู้สึกจมูกตนทั้งเจ็บทั้งชา จึงยกมือตนขึ้นสัมผัสมันแผ่วเบาว่าทุกอย่างยังอยู่ดีหรือไม่ ยามนางมองมือตัวเองอีกครั้ง นางก็พลันพบว่ามันเต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน
คนบัดซบนั่น ! กล้าต่อยจมูกข้า ! เหตุใดจึงกล้าทำเรื่องชั่วช้าเช่นนี้กับหญิงสาวบอบบางเช่นนางได้ลง !
ในใจนางเต็มไปด้วยความโกรธแค้น นางมองพื้นที่โดยรอบหาตัวเขา หากแต่ยามที่สายตาพบซูเฉิน สีหน้านางกลับเปลี่ยนไป เขาเดินมาหาทางด้วยท่าทางผ่าเผยนัก ทำให้นางเข้าใจสถานการณ์ตนเองในพลัน นางใช้มือกำป้ายหยกไว้ก่อนร้องขึ้น “ข้าให้คะแนนเจ้าก็ได้ แต่อย่าทำลายป้ายหยกของข้า !”
ซูเฉินหยุดฝีเท้า จากนั้นใช้ดาวยาวในมือชี้ไปทางจินหลิงเอ้อร์ “ทีนี้จะมาต่อรองกับข้าหรือ ? ก่อนหน้านี้เจ้ามัวทำอันใดอยู่ ?”
นัยน์ตาจินหลิงเอ้อร์พลันมีความโกรธวาบผ่าน “หากไม่ใช่เพราะเจ้าใช้วิธีสกปรก ใช้เล่ห์เหลี่ยมทั้งหลาย เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้าหรือ ?”
ซูเฉินส่ายหัว “สมกับเป็นคุณหนูตระกูลชั้นสูงจริง ๆ เลย ไม่รู้จักร้องขอความเมตตา”
เขาฟาดดาบด้านทื่อใส่หลังจินหลิงเอ้อร์’ ส่งร่างนางล้มลงกับพื้นอีกครา
“เจ้า !” จินหลิงเอ้อร์เดือดดาลนัก วันนี้นับเป็นวันแรกที่มีคนกล้าปฏิบัติกับนางเช่นนี้
ซูเฉินคว้าคอนาง ชี้ไปทางที่ร่างพานเยว่นอนแน่นิ่งอยู่ “เจ้ามองสถานการณ์ของตนเองให้ชัดเสียก่อนดีกว่า เจ้ารู้ดีว่าการที่ป้ายหยกถูกทำลายยังไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวที่สุด”
จินหลิงเอ้อร์ใจสั่นยามมองร่างนั้น “จ-เจ้าฆ่าเขาหรือ ?”
“เจ้ากับข้าต่างหาก” ซูเฉินแก้ “ระเบิดเพลิงปักษานั่นข้าหมายจะโจมตีเจ้า แต่ไม่สำคัญว่าใครสังหารใคร สำคัญคือข้าได้ล่วงเกินตระกูลสายเลือดชั้นสูงไปแล้ว จะล่วงเกินอีกสักตระกูลจะเป็นไรไป เจ้าเข้าใจแล้วใช่หรือไม่ ?”
ความโกรธเกรี้ยวของจินหลิงเอ้อร์พลันเปลี่ยนเป็นความตกตะลึงในทันที หัวใจนางสั่นกลัวยามเงยหน้ามองหน้ากากอันเยียบเย็นและนัยน์ตาไร้อารมณ์คู่นั้น ตอนนี้นางรู้สึกเพียงความหวาดกลัวเท่านั้น
ความเจ็บปวดที่จมูกพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง ส่งผลให้นางร้องไห้เสียงดังออกมา
เมื่อเห็นน้ำตาไหลรินเปรอะแก้มหญิงสาวเช่นนั้น ซูเฉินจึงชะงักไป
เขาไม่คิดว่าผีเสื้อลวงจินหลิงเอ้อร์ หนึ่งในหน่ออ่อนที่ทรงพลังที่สุดของการแข่งขันในครั้งนี้จะมีด้านที่อ่อนแอเช่นนี้อยู่ด้วย
นางเป็นตัวแทนสาวงามร่ำไห้ที่เหมาะเหม็งมาก ไม่ว่าใครได้มองย่อมต้องใจอ่อน กลิ่นอายนางคนก่อนหายไปจนสิ้น
กระทั่งเด็กหนุ่มเองยังรู้สึกไม่สบายเนื้อตัว ใจที่ปกติแข็งดั่งเหล็กกลับอ่อนยวบลง
เขากระแอมเสียงเบาออกมาก่อนเอ่ยขึ้น “เอาล่ะ อย่าร้องเลย ข้าไม่ได้บอกว่าจะสังหารเจ้าเสียหน่อย”
แต่ดูท่าคำพูดของเขาจะไร้ผล น้ำตายังคงไหลออกมาเปรอะแก้มจินหลิงเอ้อร์ไม่หยุด สุดท้ายนางก็เอ่ยถามคำหนึ่งขึ้น “จ-เจ้าจะไม่ทำลายป้ายหยกข้า ? ข้ายังไปต่อได้หรือ ?”
“หากเจ้าสัญญาว่าจะไม่มารบกวนข้าอีก” ซูเฉินตอบ
“ข้าจะไปรบกวนเจ้าอีกได้อย่างไร ?” จินหลิงเอ้อร์ครางฮือออกมา “กว่าข้าจะสามารถคุมจิตคนจากตระกูลสายเลือดชั้นสูงก็ต้องใช้เวลาตั้งมากโข แต่เขากลับหนีไปเพราะเจ้า คนผู้นั้นย่อมไม่ยอมให้ข้าเข้าใกล้อีกเป็นแน่ ข้าจะไปหาคนมีฝีมือแต่จิตใจอ่อนแอเช่นนั้นจากที่ใดได้อีก ?”
“แต่อย่างไรก็ต้องหาได้สักคนใช่หรือไม่ ?” ซูเฉินหัวเราะออกมา “ตามนั้นล่ะ หากเจ้าไม่เลือกกินย่อมหาได้ไม่ยาก”
จินหลิงเอ้อร์กลอกตาใส่เขา “ก็ได้ ข้าสาบานว่าตระกูลจินของข้าจะไม่ไปรบกวนเจ้าอีกจนกว่าจะสิ้นสุดการสอบ หากเจ้าไม่ทำลายป้ายหยกของข้า และหลังการสอบจบลง ข้าก็จะไม่ไปยุ่งวุ่นวายกับเจ้าอีกเป็นครั้งที่สอง !”
“เห็นหรือไม่ ? ไม่ใช่เรื่องยากเลย ?” ซูเฉินเก็บดาบกลับมา จากนั้นจึงชิงคะแนนจากป้ายหยกของจินหลิงเอ้อร์
จินหลิงเอ้อร์มีคะแนนจำนวนมาก ซูเฉินได้รับคะแนน 162 คะแนนมาในทันที เห็นดังนั้นเขาก็ชะงักไป “มากขนาดนี้เชียว ?”
จินหลิงเอ้อร์เบ้ปาก “ถึงข้ามีมากกว่านี้ เจ้าก็ชิงไปหมดอยู่ดี ทีนี้ก็จบสิ้นกันแล้ว ข้าเสียคะแนนพวกนั้นไปก็ไม่อาจติดสิบอันดับได้อีก”
นางทำท่าจะร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)