บทที่ 144 ผีเสื้อลวง (3)
เสียงระเบิดดังสนั่น แรงคลื่นระเบิดแผ่ไปไกลนับร้อยลี้ คนสามคนที่ซูเฉินหมายโจมตีถูกแรงระเบิดจนกระเด็นไปไกล
จินหลิงเอ้อร์คือศูนย์กลางของการระเบิดครั้งนี้ แรงระเบิดส่งร่างผีเสื้อลวงลอยไปในอากาศ ทะลวงผ่านเกราะป้องกันของนางไปได้ ก่อนที่แรงสั่นสะเทือนอีกหลายระลอก จะแผ่กระแทกร่างจินหลิงเอ้อร์ ส่งผลให้นางกระอักเลือดคำใหญ่ออกมา
นางยังไม่ยอมแพ้ ดาบในมือส่องแสงสว่างขึ้นอีกครั้ง หากแต่พริบตาต่อมาที่นางสบตากับซูเฉิน จิตใจนางกลับสะเทือนเล็กน้อย คนผู้นี้ถึงกับมีวิชาโจมตีจิตด้วยงั้นหรือ !?
หากแต่มันสายไปแล้ว ระเบิดเพลิงปักษากำลังกรีดร้องพุ่งเข้าใส่ร่างของนาง
ในจังหวะที่จินหลิงเอ้อร์สิ้นท่า ไม่อาจปกป้องตนเองได้อีกต่อไป พานเยว่กลับกระโจนเข้ามาพร้อมเสียงกรีดร้อง ใช้ร่างตนเองสกัดเพลิงปักษาไว้
สภาพพานเยว่หลังจากถูกแรงระเบิดร่อแร่เต็มที เพลิงปักษาทิ้งรูใหญ่เอาไว้ที่กลางอก ส่งผลให้โลหิตมากมายพากันพุ่งกระฉูดออกมา
ยังไม่ทันได้กะพริบตา ของบางอย่างก็พุ่งเข้ามาทางจินหลิงเอ้อร์อีกครา
ครั้งนี้คือเหล้าขวดหนึ่ง แม้จะมีขนาดไม่ใหญ่มาก หากแต่จินหลิงเอ้อร์ก็รู้ในพลันว่าขนาดของมันไม่เกี่ยวพันกับความสามารถในการทำลายล้างที่มันอาจมี
จังหวะนั้นนางส่งเสียงร้องออกมา ลำแสงสีเงินพุ่งออกมาจากดาบของนางเข้ากระแทกกับขวดเหล้านั่น
ตูม! ขวดเหล้าระเบิดออก จินหลิงเอ้อร์กระเด็นไปไกลด้วยแรงระเบิด
ในที่สุดนางก็เข้าใจว่าระเบิดเมื่อครู่มาจากที่ใด หากแต่ตอนนี้ก็สายเกินไปเสียแล้ว
สิ่งที่รอนางอยู่คือหมัดของซูเฉิน
ผัวะ!
แม้นางจะเป็นสตรี แต่ซูเฉินก็ไร้ความปรานี เขาส่งหมัดเข้ากระแทกใบหน้านางจนนางหมดสติไป
ซูเฉินถอนหายใจยาวออกมาในที่สุด ขาทั้งสองข้างสั่นไหวราวกับจะล้มลงได้ทุกเมื่อ
แม้หนทางสู่ชัยชนะในการต่อสู้ครั้งนี้ดูเหมือนได้มาอย่างง่ายดายนัก หากแต่แท้จริงกลับรับมือได้ยากนัก ซูเฉินแสดงท่าทีสง่างามราวกับไม่ใส่ใจตลอดทั้งการต่อสู้ หากแต่การต่อสู้ครั้งนี้เกือบกดดันเขาจนถึงขีดสุด
การคิดคำนวณในการต่อสู้เช่นนี้เข้าใจยากนัก หากมีกำลังเทียบเท่ากัน หนึ่งคนบวกหนึ่งคนจะได้มากกว่ากับสอง แต่หากพละกำลังแตกต่างกันมาก หนึ่งคนบวกหนึ่งคนจะได้น้อยกว่าสอง
ซูเฉินมีฝีมือทัดเทียมกับพานเยว่และชายหนุ่มชุดเกราะเงินผู้นั้น และเมื่อคนทั้งสองร่วมมือกันโจมตีเช่นนั้น จึงทำให้เด็กหนุ่มถูกกดดันอย่างหนัก ซึ่งนี่ก็ยังไม่นับจินหลิงเอ้อร์ที่แข็งแกร่งอยู่พอสมควรนั่นอีก
หากเป็นปกติเขาคงไม่อาจเอาชนะนางได้
แม้จะมีขวดเหล้าระเบิดพวกนี้ ผลที่ออกมาก็คงไม่แตกต่าง
ซูเฉินเข้าใจเป็นอย่างดี คนอย่างจินหลิงเอ้อร์รู้จักเอาตัวรอดดีนัก หากเขาเขวี้ยงขวดเหล้าออกไปเสียเฉย ๆ ถึงไม่รู้ว่าคืออะไร แต่นางต้องพยายามหลบมันเป็นแน่ นางเคลื่อนไหวคล่องแคล่วว่องไวยิ่ง คงไม่ยากนักที่นางจะหลบพ้น
ดังนั้นซูเฉินจึงยังไม่ใช้มันตั้งแต่ต้น แต่เลือกใช้วิธีอื่นแทน
เขาจงใจชี้จุดอ่อนในทักษะต้นกำเนิดของจินหลิงเอ้อร์ออกมาเพื่อเน้นย้ำว่าหากการต่อสู้ยืดเยื้อออกไปนานกว่านี้ เขาก็จะสามารถเอาชนะนางได้ โชคดีที่จินหลิงเอ้อร์นั้นขาดประสบการณ์ ดังนั้นนางจึงตกหลุมพรางเขาโดยไม่ทันรู้ตัว
ทั้ง ๆ ที่แท้จริงแล้วนั้น ควรต้องเป็นซูเฉินเสียอีก ที่น่าจะเป็นหนึ่งในสองคนแรกที่หมดแรงจากการต่อสู้ เมื่อเปรียบเทียบจากสถานการณ์โดยรวม
แต่เมื่อเด็กหนุ่มใช้คำพูดลวงจินหลิงเอ้อร์ได้สำเร็จ นางจึงสูญเสียความสงบเยือกเย็น และเริ่มออกท่าโจมตีก่อน จนตกลงสู่แผนการของซูเฉินในพลัน
เหล้าระเบิดของซูเฉินเกิดขึ้นได้จากการผสมกันของของเหลวที่ต่างกันสองชนิด เขาสามารถกะเวลาระเบิดของมันได้ด้วยการปล่อยส่วนผสมทั้งสองเข้ารวมกัน
ปกติแล้วซูเฉินจะบิดด้ามจับจนสุดเพื่อให้ของเหลวทั้งสองผสมกันให้เร็วที่สุดเพื่อสร้างระเบิดในพริบตา
หากแต่ครั้งนี้ ซูเฉินเพียงบิดด้ามจับเพียงนิดหนึ่ง ทำให้ของเหลวทั้งสองไหลมารวมกันช้าลง วิธีเช่นนี้เขาได้ลองมาหลายครั้งแล้ว ดังนั้นจึงมั่นใจเรื่องการกำหนดเวลามาก
หลังจากกำหนดเวลาระเบิดให้ขวดเหล้าแล้ว ซูเฉินก็เขวี้ยงของหลากหลายอย่างจากในแหวนใส่นางราวกับพวกมันเป็นเพียงขยะไร้ค่า
แน่นอนว่าของเหล่านั้นไม่อาจใช้โจมตีคนทั้งสามคนได้ ทั้งยังไม่อาจสร้างแรงระเบิด ดังนั้นจินหลิงเอ้อร์จึงลดความระแวดระวังลง
นางไม่คิดว่าในภายหลังซูเฉินจะเขวี้ยงของที่สามารถระเบิดออกมา
ซูเฉินคำนวณเวลามาตั้งแต่ต้น ก่อนที่จะเกิดระเบิดขึ้น เขาล่อให้ทั้งสามคนเข้ามาในเขตระเบิด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)