บทที่ 22 หลานเยว่
แต่ละตระกูลล้วนแต่มีเขตหวงห้ามอยู่ เช่นภูเขาแปดยอดของตระกูลซูเป็นต้น สวนอสูรตระกูลหลินเองก็เป็นเขตหวงห้ามของตระกูลหลินเช่นเดียวกัน
หากตระกูลหลินเจอตัวซูเฉินอยู่ที่นี่ เด็กหนุ่มคงไม่สามารถใช้ข้ออ้างว่ามาผิดทางได้เลย
“เจ้าพาข้ามาที่นี่ทำไม?” ซูเฉินเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ
“วางใจเถอะ พวกนั้นไม่เจอเจ้าหรอก” กู่ชิงลั่วยังเดินหน้าต่อ “ช่วงเวลานี้ของทุกวันเป็นช่วงที่หลานเยว่ตื่น”
เมื่อกู่ชิงลั่วพูดจบ นางก็หันไปมองซูเฉิน จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ “เจ้าหลานเยว่นี้อารมณ์ร้ายนัก เวลานางเพิ่งตื่นจะอารมณ์ไม่ดี ผลคือคนที่นี่จึงพากันไปพักผ่อนช่วงที่นางตื่น จะได้ไม่เกิดปัญหา”
“เจ้าจะบอกว่าตอนนี้ไม่มีใครอยู่ที่นี่เลยหรือ?” ซูเฉินประหลาดใจมาก
“ถูกต้อง” รอยยิ้มของกู่ชิงลั่วดั่งดอกไม้ผลิบาน ส่งผลให้ซูเฉินใจเต้นแรงอีกครั้ง
กู่ชิงลั่วยังคงเดินต่อไป “สวนอสูรถือเป็นเขตสำคัญของตระกูลหลิน ทว่าช่วงเวลานี้กลับเป็นช่วงที่การคุ้มกันของสวนแห่งนี้อ่อนแอมากที่สุด ถ้าเจ้าเดินตรงจากตรงจุดนี้ไปเรื่อย ๆ จะมีถนนสายเล็กที่ใช้เดินทางออกจากสวนอสูรอยู่ พอออกจากที่นี่ได้แล้วก็จะเป็นอิสระ ง่ายหรือไม่?”
“ข้าว่ารอให้ข้าออกจากที่นี่ได้สำเร็จก่อนค่อยตอบว่าง่ายหรือไม่ดีกว่า” ซูเฉินตอบ “ใช่แล้ว หลานเยว่คือใครหรือ?”
“หลานเยว่?” กู่ชิงลั่วเอียงคอ “เจ้าอยากไปดูไหม?”
สำหรับตอนนี้ ปัญหายิ่งน้อยยิ่งดี ซูเฉินอยากตอบกลับไปว่าช่างมันเถอะ ทว่าเมื่อเห็นเงาร่างมีเสน่ห์ของกู่ชิงลั่วแล้ว พลันรู้สึกมีชีวิตชีวา สุดท้ายก็ไม่สามารถตอบปฏิเสธสาวงามตรงหน้าได้
ซูเฉินกลืนน้ำลายลงคอก่อนตอบ “อืม”
กู่ชิงลั่วยิ้มกว้าง “ตามข้ามา”
ฝีเท้านางเร่งรีบขึ้น ถึงกับใช้ก้าวย่างหมอกอสรพิษวิ่งไปด้านหน้า ขณะวิ่งก็ไม่ลืมเตือนซูเฉินขึ้นมาว่า “ระวังหน่อย ตรงนี้มีหิน แถบนี้มีกิ่งไม้หนามากด้วย……”
ถึงความเป็นห่วงเป็นใยนี้จะไม่ช่วยอะไรมากนัก หากแต่ในใจซูเฉินรู้สึกอบอุ่นยิ่งนัก
พวกเขาเดินทางกันอย่างเร่งรีบรวดเร็ว จนกระทั่งถึงบนยอดเขาสูง
ในขณะที่ยืนอยู่ตรงจุดที่สูงที่สุด กู่ชิงลั่วก็ชี้นิ้วไปยังที่ไกล ก่อนเอ่ยขึ้น “มองตรงนั้นให้ดี แล้วฟังข้า”
สายตาซูเฉินมองตามทางที่กู่ชิงลั่วชี้นิ้วไป เขาเห็นว่าที่ใต้เขามีพื้นที่เขียวชอุ่ม มีฝูงสัตว์อสูรกลุ่มใหญ่เดินอยู่ทั่วพื้นที่ บางคราเปล่งเสียงคำรามต่ำขึ้นมา
“หมาในสองหัว หมาป่าปีศาจหน้าเลือด เต่าหางขยาด ตะขาบพันขา…… อยู่ห่างจากพวกเราเพียงไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้นเท่านั้น” กู่ชิงลั่วอธิบายให้ซูเฉินฟังด้วยเกรงว่าเขาจะไม่รู้
ยิ่งมอง สีหน้าของซูเฉินก็ยิ่งเปลี่ยนแปลงไป
กู่ชิงลั่วไม่ได้โกหก ที่ด้านหน้าห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตรเป็นสัตว์อสูรมากมายหลายร้อยชนิด ทั้งหมดล้วนเป็นอสูรร้าย
อสูรร้ายนั้นต่างจากอสูรชั้นต่ำ พวกมันแข็งแกร่งกว่า และยังสามารถใช้พลังต้นกำเนิดได้อีกด้วย
หากเทียบอสูรชั้นต่ำได้เท่ากับด่านหลอมกายาของมนุษย์แล้ว อสูรร้ายก็สามารถเปรียบได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญพลังวิญญาณชั้นล่าง แต่ละตัวต่างมีพละกำลังมหาศาล
จึงสามารถกล่าวได้ว่าอสูรร้ายทุกตัวที่นี่ สามารถสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้มีอสูรร้ายมากกว่าร้อยตัวรวมตัวกันอยู่ในสถานที่ที่ไม่ไกลจากตนมานัก หากเขาไม่รู้ว่าที่แห่งนี้คือสวนอสูร คงได้สงสัยว่าอาจใกล้ถึงเวลาที่เหล่าอสูรจะครองแผ่นดินเสียแล้ว
กู่ชิงลั่วพาเขามาอยู่ตรงหน้าอสูรร้ายกว่าร้อยตัว นางสะกดคำว่า ‘ตาย’ ไม่เป็นงั้นหรือ?
นางต้องเข้าใจด้วยว่าพวกเขาอยู่ใกล้เหล่าอสูรร้ายพวกนี้เกินไปแล้ว
ในหมู่อสูรร้ายพวกนี้ หลาย ๆ ตัวมีประสาทรับกลิ่นและเสียงที่ดีมาก หากมีสักตัวเจอพวกเขาเข้าคงไม่เป็นผลดีแน่
กู่ชิงลั่วเหลือบตามองเด็กหนุ่ม ทว่าเมื่อเห็นว่าสีหน้าเขาเปลี่ยนไปเพียงเล็กน้อย นางก็พึมพำขึ้น“ฮึ่ม เจ้านี่ไม่สนุกเลย ในเมื่อทำได้เพียงฟังข้าเล่า เลยไม่กลัวมากสินะ ถ้าเห็นกับตาตนเอง ข้าเชื่อว่าเจ้าจะทรงตัวไม่อยู่เสียด้วยซ้ำ”
ซูเฉินฝืนยิ้ม “เจ้าไม่มีสิ่งใดน่าสนใจกว่าการกลั่นแกล้งคนตาบอดแล้วหรือ? น่าเบื่อจริงเชียว”
กู่ชิงลั่วหัวเราะ จากนั้นชี้ไปตรงหน้าคนทั้งคู่ “ตรงนั้นมีทะเลสาบอยู่ เจ้าหลานเยว่อยู่ตรงนั้น”
เมื่อตอนที่ซูเฉินกำลังจะเปิดปากพูดนั่นเอง กู่ชิงลั่วก็แตะนิ้วลงบนปากของเขา “ชู่ววว นางกำลังออกมาแล้ว”
เด็กหนุ่มหันไปมอง ปรากฏคลื่นน้ำภายในทะเลสาบแห่งนั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)