บทที่ 29 หลอกลวง – ตอนที่ต้องอ่านของ ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)
ตอนนี้ของ ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 29 หลอกลวง จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
บทที่ 29 หลอกลวง
ไม่ว่าถังเจิ้นจะเห็นด้วยหรือไม่ การเดินทางไปยังเทือกเขาสีเลือดของซูเฉินก็ถูกกำหนดไว้แล้ว ชายชรามีเพียงแต่ต้องเห็นด้วยเท่านั้น
สิ่งที่ถังเจิ้นทำได้มีเพียงการสั่งสอนทุกสิ่งที่ตนรู้ให้ซูเฉิน
เพื่อป้องกันไม่ใช่ผู้อื่นรู้ว่าซูเฉินกลับมามองเห็นแล้ว ถังเจิ้นจึงเดินขึ้น ๆ ลง ๆ อยู่ในศาลาหยกพิสุทธิ์ นำยามากมายมาให้ซูเฉิน เขาสอนวิธีวิเคราะห์และวิธีแยกแยะตัวยาต่าง ๆ อันไหนของจริงอันไหนของปลอม และมีวิธีใช้อย่างไร
ผู้จัดการร้านไม่หวงวิชาตนแม้แต่น้อย สำหรับเขาแล้ว การที่ซูเฉินเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ มากขึ้น ย่อมหมายถึงโอกาสในการรอดชีวิตของเด็กหนุ่มที่มีเพิ่มมากขึ้นอีกนิดหนึ่งด้วยเช่นกัน
คนหนึ่งสอนอย่างตั้งใจ อีกคนเรียนก็อย่างขะมักเขม้น เวลาผ่านพ้นไป พริบตาเดียวก็หมดไปแล้วหนึ่งวัน
ระฆังบอกเวลาหน้าปัดทองของศาลาตีบอกเวลา ส่งเสียงบอกกล่าวว่าเวลาทำงานในวันนี้ได้หมดลงแล้ว
ถังเจิ้นเอ่ยขึ้น “เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้ก่อน พรุ่งนี้มาให้เร็ว จะได้ต่อบทเรียนในวันนี้ วันนี้อย่าลืมกลับไปทบทวนสิ่งที่ข้าสอนเสียล่ะ วันนี้ข้าขอตัวก่อน”
ถังเจิ้นตรงต่อเวลามากในเรื่องการทำงานและการพักผ่อน ในฐานะที่เป็นหัวหน้าผู้จัดการร้านแล้ว เขาสามารถกลับบ้านก่อนคนอื่น ๆ ได้
ถังเจิ้นขึ้นไปชั้นบน สั่งงานคนงานก่อนจะออกไป
ซูเฉินนั่งอยู่ในหอเพียงคนเดียว กำลังนั่งมองสมบัติต่าง ๆ ที่ถูกเก็บไว้ด้านใน
นี่คือการบ้านที่ถังเจิ้นให้เขาไว้
ในขณะที่เขากำลังตั้งใจดูมันอยู่นั้นเอง ก็ได้ยินเสียงคนงานร้องเรียกจากด้านนอก “นายน้อยขอรับ ข้างล่างมีการซื้อขาย ผู้จัดการร้านอยากให้นายน้อยไปช่วยตัดสินใจขอรับ”
“การซื้อขายอะไรที่เป็นปัญหาถึงขนาดที่ผู้จัดการร้านสามยังต้องการข้ากัน? แล้วผู้จัดการร้านสองเล่า?” ซูเฉินตอบ รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“เป็นยาขับไล่สัตว์อสูรขอรับ อีกฝ่ายเสนอราคาค่อนข้างสูง ผู้จัดการร้านคนที่สองกำลังอยู่ในห้องสินค้าเลยไม่ได้อยู่ดู หัวหน้าผู้จัดการร้านเองก็เพิ่งออกไป ผู้จัดการร้านสามไม่สามารถตัดสินใจเองได้ เลยมาขอความเห็นจากนายน้อยขอรับ” คนงานตอบ
ยาขับไล่สัตว์อสูรหรือ?
ซูเฉินตกใจ
เป็นของล้ำค่ามาก
ยาขับไล่สัตว์อสูรเป็นยาที่หายากและล้ำค่ามาก มันจะปล่อยกลิ่นที่สำหรับมนุษย์นับว่าเป็นกลิ่นหอม ทว่ายามเมื่ออสูรร้ายสูดดมกลิ่นนี้เข้าไปจะเหม็นมาก เหม็นจนกระทั่งอาเจียน ฉะนั้นพวกมันจึงพยายามเลี่ยงกลิ่นนี้ หากเขาพกยานี่ติดตัวไว้ อย่างน้อย ๆ จะไม่มีอสูรร้ายตัวไหนสนใจเขาไปถึงสามวัน
ถึงความตั้งใจของซูเฉินในการเดินทางไปเทือกเขาสีเลือดครั้งนี้จะเป็นการไปล่าอสูรร้ายก็ตาม ทว่าเขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะพาตนเองไปตาย หากมีของชิ้นนี้ไว้ใช้ในยามคับขัน กระทั่งอสูรร้ายที่ตามล่าเขาอยู่ยังต้องยอมล่าถอย เป็นยาช่วยชีวิตที่อำนาจร้ายกาจมาก
ทว่าการสร้างยาขับไล่สัตว์อสูรขึ้นมานั้นยากเย็นเป็นอย่างมาก นักปรุงยาธรรมดาไม่อาจสร้างมันได้ มีเพียงนักปรุงยาต้นกำเนิดที่สามารถกลั่นยาชนิดนี้ออกมาได้เท่านั้น แต่ถึงกระนั้น ก็ต้องใช้ทั้งทรัพยากรและเวลาในการทำมากมาย และไม่ใช่ว่านักปรุงยาต้นกำเนิดทุกคนสามารถสร้างได้อีกเช่นกัน ดังนั้นจึงมีราคาสูงมากและไม่มีตลาดรองรับในบางครา
ใครจะไปคิดว่าจะมีคนนำมันมาขายในวันนี้?
ซูเฉินย่อมสนใจ เขาจึงพูดขึ้นว่า “ให้พวกเขาขึ้นมา”
ยาขับไล่สัตว์อสูรนั้นถือเป็นของมีค่า จึงไม่ทำการซื้อขายกันที่ชั้นล่าง พวกเขาพากันมาคุยต่อในห้องบนชั้นสามแทน
ซูเฉินนั่งรออยู่ในห้อง ไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเหลาอวี้ก้าวเข้าห้องมาก่อน ตามมาด้วยชายวัยกลางคนร่างผอม ใบหน้าดูเจ้าเล่ห์ เมื่อเดินเข้าห้องมาก็มองไปรอบห้องทันที
ซูเฉินรู้สึกรำคาญใจ ทว่าสีหน้าไม่เปลี่ยน เขาคลี่ยิ้มบางออกมาก่อนกล่าวว่า “ผู้จัดการร้านเหลาและแขกผู้มีเกียรติมาแล้ว เชิญนั่ง ซูเฉินตาบอด ไม่สามารถดูแลแขกผู้มีเกียรติได้ดี ต้องขออภัยแล้ว เชียงซุ่ย นำชามา”
ทว่าเหลาอวี้กลับเอ่ยขัดขึ้น “นายน้อยอย่าลำบาก ข้าน้อยจะดูแลเรื่องนี้เอง”
ในตอนนั้นเอง ข้ารับใช้นามเชียงซุ่ยก็ยกชาเข้ามา เหลาอวี้รับชามา จากนั้นโบกมือให้เขาออกไป มีเพียงซูเฉิน เหลาอวี้ และชายร่างผอมนั่งอยู่ในห้องนี้
เหลาอวี้และชายร่างผอมนั่งลงข้างกัน เมื่อชายร่างผอมนั่งลง เขาโบกมือด้านหน้าซูเฉินอย่างสงสัยใคร่รู้ ราวกับต้องการทดสอบว่าซูเฉินมองไม่เห็นจริงหรือไม่ ทว่ากลับถูกเหลาอวี้ผลักแขนมองหน้าเคร่ง เห็นได้ชัดว่าตักเตือนชายร่างผอมไม่ให้ล่วงเกินนายน้อย ทว่าชายร่างผอมกลับยักไหล่ไม่สนใจ ริมฝีปากขยับอยู่หลายหนแต่ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา หากมีสีหน้าไม่พอใจฉายชัดอยู่บนใบหน้า
ท่าทางของคนทั้งสองทำให้ซูเฉินแปลกใจ
ดูท่าเหลาอวี้จะสนิทสนมกับคนผู้นี้หรือ?
ตอนที่ชายร่างผอมเอ่ยพูดกับซูเฉิน เขาก็นั่งลงเรียบร้อยแล้ว “ท่านนี้คงจะเป็นนายน้อยซูสินะ? ข้าชื่อจ้าวซื่อ เป็นคนที่ขายยาขับไล่สัตว์อสูร ข้าเป็นคนไม่อ้อมค้อม หากให้ราคาแปดร้อยตำลึงทองยานี่จะเป็นของท่าน แล้วข้ายังมีภาพป่าไผ่คลายจิตจากยุคหลี่ฉวนและถ้วยเคลือบเซรามิกจากราชวงศ์เทพสวรรค์อันรุ่งโรจน์มาขายด้วยเช่นกัน”
ซูเฉินทำทีเป็นลังเล
จ้าวซื่อเอ่ยขึ้น “ข้าเห็นว่านายน้อยสี่เองก็เป็นคนตรงไปตรงมา หากท่านอยากได้ของเหล่านี้จริง ๆ ข้าขอเพียงหนึ่งพันแปดร้อยตำลึงทอง”
ซูเฉินส่ายหัว “ข้าชอบของพวกนี้มาก ทว่าตอนนี้ศาลาหยกพิสุทธิ์มิได้มีเงินเก็บมากมาย แขกผู้มีเกียรติไม่ลองมาอีกทีวันพรุ่งนี้ แล้วข้าจะเตรียมทองคำบริสุทธิ์มารอซื้อ”
จ้าวซื่อส่ายหัวทันควัน “เช่นนั้นไม่ได้ ข้ามีเรื่องด่วนต้องไปจัดการ แล้วยังต้องการเงินด่วน ไม่เช่นนั้นคงไม่เอาสมบัติที่สืบทอดมาในตระกูลออกขาย ข้าไม่อาจรอถึงวันพรุ่งนี้ได้”
ไม่อาจรอถึงวันพรุ่งนี้ได้งั้นหรือ? อีกฝ่ายจงใจเลือกเวลานี้มาเอง หัวหน้าผู้จัดการร้านก็กลับไปแล้ว ผู้จัดการร้านสองก็ไม่อยู่ ผู้จัดการร้านสามจึงต้องเป็นคนจัดการ สองคนนี้จึงใช้โอกาสเหล่านี้หลอกลวงตน
เช่นนี้แล้ว คนอื่นไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ มีเพียงเหลาอวี้ที่เกี่ยวข้องงั้นสินะ?
ดีมาก
ซูเฉินตัดสินใจ ปากยังคงพูดต่อ “ทว่าตอนนี้ทางร้านยังไม่อาจนำเงินจำนวนมากขนาดนั้นออกมาได้ ข้าซื้อเพียงชิ้นหนึ่งไม่ได้หรือ?”
“ไม่ได้ หากท่านต้องการซื้อ ต้องซื้อทั้งสามชิ้น หากเงินไม่พอ ใช้ของชิ้นอื่นมาแลกส่วนที่ขาดไปได้ เพราะที่ข้าต้องการเงิน ก็เพื่อเอาไปซื้อสมบัติที่ใช้ในการบ่มเพาะพลัง” ชายวัยกลางคนตอบ
ทุกอย่างถูกวางแผนมาเป็นอย่างดี หากเงินไม่พอสามารถใช้ของแลกได้ แล้วใช้ยาขับไล่สัตว์อสูรมาเป็นเหยื่อล่อ
หากต้องการยาขับไล่สัตว์อสูร เขาจำต้องซื้อของปลอมอีกสองชิ้น ยิ่งสูญเสียหนักกว่าเก่า
ใช่แล้ว นี่ต้องเป็นแผนของหยานหวู่ชวงเป็นแน่ เมื่อนางรู้ว่าเขาต้องการเดินทางไปยังเทือกเขาสีเลือด นางก็นำยาขับไล่สัตว์อสูรของปลอมมาหลอกขายเขาที่ต้องการรักษาชีวิตตน ร่วมมือจากผู้จัดการร้านเหลามาหลอกลวงตน
ตามตรงแล้ว สองส่วนใหญ่ในกลลวงถูกวางแผนมาอย่างแยบยล หนึ่งคือใช้ความต้องการของผู้ซื้อมาเป็นตัวล่อ สองคือมีคนในคอยช่วย
ข้อผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่การลงมือของพวกเขา ทั้งสองไม่รู้ว่าตาของซูเฉินหายดีนานแล้ว จึงเป็นเหตุให้ซูเฉินสามารถมองกลลวงออกโดยง่าย
เมื่อคิดถึงจุดนี้ ซูเฉินก็ถอนหายใจออกมา “เหลาอวี้ หัวหน้าผู้จัดการร้านเป็นคนแนะนำเจ้ามา ข้าเชื่อในสายตาของเขา ดูจากลักษณะนิสัยเจ้าแล้ว คงไม่ทำเช่นนี้แน่ แต่เจ้าก็ยัง …… ลูกชายเจ้าก่อเรื่องอีกแล้วงั้นหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)