บทที่ 35 แมวป่าเงาลวง
ซูเฉินรั้งอยู่ที่ยอดเขาแห่งนั้นนานถึงสามวัน
ทว่าในสามวันที่ผ่านมา มีเพียงอสูรชั้นต่ำที่เข้ามาหาเขาเท่านั้น ไม่มีอสูรร้ายแม้แต่ตัวเดียว
ซูเฉินจึงเริ่มแคลงใจว่าสถานที่ที่ตนเลือกนี้อยู่ห่างไกลไปงั้นหรือ เขาควรจะมุ่งหน้าเข้าไปในป่าลึกกว่านี้ใช่หรือไม่?
หากแต่เมื่อเด็กหนุ่มเดินทางลึกเข้าไปในป่า อันตรายก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้านในมีอสูรร้ายอยู่มากมายย่อมอันตรายนัก หากเขาพลาดก็อาจเจอเข้ากับอสูรร้ายสามสี่ตัวเข้ามาในคราเดียว ถึงตอนนั้นก็คงยากที่จะรักษาชีวิตไว้ได้
คนอดทนมักทำอะไรสำเร็จ ดังนั้นเขาจึงนั่งรออย่างอดทน
การอดทนรอครั้งนี้กินเวลายาวนานถึงสี่วัน
ในช่วงเย็นของวันที่เจ็ดนั่นเอง
เมื่อราตรีเข้าปกคลุม ลมหนาวพัดหวีดหวิว
ซูเฉินกำลังหลับฝันหวานอยู่บนยอดเขา
แมวป่าตัวหนึ่งกระโดดลงมาที่ยอดเขาแห่งนั้น
มันเดินย่องไปทั่วหุบเขา เคลื่อนฝีเท้าแผ่วเบาเข้าไปใกล้มนุษย์คนหนึ่งที่กำลังหลับฝันหวาน นัยน์ตาสีเขียวสุกสกาวจ้องเขม็งไปยังเหยื่อ แผ่กลิ่นอายขนหัวลุกที่ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้ออกมา
เมื่อมันย่างกรายมาถึงด้านหลังเหยื่อ มันก็ยกขาหน้าทั้งสองขึ้น กรงเล็บแหลมคมส่องประกายล้อแสงจันทร์ในยามค่ำคืน
ฉับพลันที่ด้านหลังซูเฉินก็มีเกราะกำบังก่อร่างขึ้นกั้นการโจมตีจากกรงเล็บแหลมคมที่กำลังซัดเข้าที่ท้ายทอยของเขา เด็กหนุ่มหมุนตัวกระโดดออกมาอย่างรวดเร็ว คมมีดพลันเผยออกมาสะท้อนกับแสงดาว
เจ้าแมวป่าร้องขึ้นด้วยความตกใจ มันกระโดดผละไปด้านหลังอย่างรวดเร็วจนมองเห็นเป็นภาพทับซ้อน ทันทีที่คมมีดสะท้อนแสงดาวสะบัดผ่านร่างของมัน เลือดสีสดก็สาดกระเซ็นออกมาจากร่าง
“โฮกกก!!” เจ้าแมวป่าร้องเสียงหลง ร่างมันลอยไปในอากาศก่อนที่เท้าทั้งสี่จะแตะลงพื้น
ทว่าที่กลางอกมันมีเพียงบาดแผลตื้น ๆ เท่านั้น
การโจมตีเมื่อครู่สร้างเพียงบาดแผลตื้น ๆ ได้แค่ที่ผิวหนังของมัน
“แมวป่าเงาลวงงั้นหรือ?” เมื่อเห็นว่าคู่ต่อสู้ของตนเป็นใคร ใจของซูเฉินก็ดิ่งลงทันที
เป็นอสูรร้าย!
ในที่สุดก็โผล่มาเสียที
ถึงเขาจะตั้งหน้าตั้งตารอที่จะได้ต่อสู้กับอสูรร้าย หากแต่เมื่อมันปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าจริง ๆ เด็กหนุ่มก็ยังอดประหม่าไม่ได้
แมวป่าเงาลวงมีทักษะการต่อสู้ระยะประชิดอยู่ในระดับปานกลาง ทว่ามันรวดเร็วมาก และยังเป็นอสูรร้ายที่หลบเลี่ยงได้ยากนัก
เมื่อเจ้าแมวป่าเห็นว่าการซุ่มโจมตีของมันล้มเหลวแถมมันกลับเป็นฝ่ายบาดเจ็บเสียเอง ความโกรธก็พลันปะทุขึ้นในร่าง
มันแยกเขี้ยวจ้องซูเฉิน จากนั้นกระโจนขึ้นไปบนอากาศ พุ่งเข้าใส่ซูเฉินจากด้านบน
ซูเฉินคาดการณ์การเคลื่อนไหวของมันไว้นานแล้ว และกระโดดหลบการโจมตีไปด้านข้างได้อย่างทันท่วงที ก่อนที่เขาจะใช้มีดในมือขวาซัดไปทางแมวป่า ทว่าท่วงท่ามันปราดเปรียวยิ่งนัก มันสามารถบิดตัวหลบการโจมตีของเขากลางอากาศได้ หลังจากบิดตัวหลบมีดของซูเฉินแล้วมันก็ใช้อุ้งเท้าคู่หน้าตะปบเข้าที่มีดเหล็ก ปัดทิศทางการโจมตีของมีดไปอีกทาง
ความแตกต่างสำคัญระหว่างอสูรชั้นต่ำและอสูรร้ายคือการที่อสูรร้ายสามารถดึงพลังต้นกำเนิดมาทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้นได้
หากนับเรื่องความแข็งแกร่งของร่างกาย แมวป่าเงาลวงนับเป็นอสูรร้ายที่อ่อนแอที่สุด ทว่าอย่าได้ดูถูกพละกำลังของมัน กรงเล็บของมันสามารถประชันกับใบมีดเหล็กได้เลยทีเดียว แถมยังเคลื่อนที่รวดเร็วจนใครเห็นต้องขนลุกชัน แมวป่าเงาลวงครอบครองทักษะพลังต้นกำเนิดที่เกี่ยวกับความรวดเร็วเป็นแน่ ระหว่างที่มันเคลื่อนไหวร่างไปมา มันสามารถสร้างภาพทับซ้อนของตัวมันเองได้เพื่อทำให้คู่ต่อสู้สับสนว่าตัวไหนคือตัวจริง ไม่แปลกที่มันมีชื่อว่าแมวป่าเงาลวง
เจ้าแมวป่าถือโอกาสที่เมื่อครู่ปัดมีดไปอีกด้านได้กระโจนขึ้นอีกครั้ง ภาพลวงของมันซ้อนทับกันจนมองไม่ออกว่าตัวจริงของมันอยู่ตรงไหน
ทันใดนั้นมันก็มาปรากฏตัวที่ด้านหลังของซูเฉิน เตรียมฟาดกรงเล็บใส่เขาจากด้านหลัง
การโจมตีครั้งนี้ทั้งรวดเร็วและรุนแรงยิ่งนักจนซูเฉินไม่มีโอกาสหลบ ทว่าวินาทีที่กรงเล็บของมันกำลังจะซัดเข้าใส่ซูเฉิน ก็มีเกราะกำบังที่แผ่แสงเรืองรองก่อร่างขึ้นมาด้านหลังเด็กหนุ่มอีกครั้ง กรงเล็บของเจ้าแมวป่าเงาลวงซัดเข้ากับเกราะกำบัง ส่งผลให้เกิดแสงประกายสาดส่องออกมาจากเกราะ ซูเฉินพยายามโจมตีกลับทว่าครั้งนี้เจ้าแมวป่าเตรียมตัวมาดีและหมุนตัวหลบทัน ทำให้ใบมีดจ้วงแทงได้แต่ภาพทับซ้อนที่มันทิ้งไว้เท่านั้น ไม่อาจทำอันตรายได้แม้แต่ขนเส้นหนึ่งของมัน
ทว่าการซัดกลับเมื่อครู่บวกกับบาดแผลก่อนหน้าทำให้สัญชาตญาณดุร้ายของแมวป่าพลันถูกปลุกขึ้น
มันร้องเสียงแหลม ก่อนจะกระโจนเข้าใส่เขาอีกครั้ง เมื่อเท้าแตะถึงพื้น การเคลื่อนที่ของมันก็ดูจะเร็วขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
เมื่อเห็นดังนั้น ซูเฉินรีบใช้ก้าวย่างหมอกอสรพิษหลบการโจมตีของมันทันที
ก้าวย่างหมอกอสรพิษเป็นวิชาของตระกูลกู่ ซูเฉินฝึกฝนมันจนชำนาญถึงขั้นสูงสุดของผู้ที่ไม่ได้ครอบครองสายเลือดแล้ว ทว่าเขาก็ยังไม่อาจเทียบชั้นกับความเร็วของแมวป่าได้ เด็กหนุ่มหลบการโจมตีดังกล่าวไม่ทัน ถูกกรงเล็บเอาที่แขนซ้าย กรงเล็บคมที่ซัดเข้ามาทิ้งรอยแผลลึกโชกเลือดไว้สามรอยยาว จากนั้นมันรีบกระโจนหลบไปก่อนที่ซูเฉินจะทันโจมตีกลับ แล้วก็กระโจนเข้าใส่เขาอีกครา คราวนี้เล็งที่หน้าซูเฉิน เป็นอีกครั้งที่ความรวดเร็วของมันทิ้งไว้เพียงภาพทับซ้อนที่เลือนรางอยู่กลางอากาศ
เมื่อซูเฉินเห็นว่าเจ้าแมวป่ากำลังกระโจนเข้ามาหวังจะโจมตีรวดเดียวปลิดชีพเขา ฉับพลันก็มีแสงสลัวเปล่งออกมาจากเท้าของเด็กหนุ่ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)