ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座) นิยาย บท 62

บทที่ 62 ผู้เหลือรอดเผ่าอาร์คาน่า (2) (ส่วนที่ 8)

ผู้หลงเหลือจากเผ่าอาร์คาน่าตนนี้แก่ชรามากแล้ว แล้วด้วยเผ่าอาร์คาน่าไม่ใช่ชนเผ่าที่บำเพ็ญตนให้ร่างกายแข็งแกร่ง ดังนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมา ชายชราเองก็ไม่ได้เหลือฟันอยู่มากมายนัก

หลังจากโดนหมัดนี้ไป ชายแก่จึงไม่เหลือฟันอีกแม้แต่ซี่เดียว

ผู้เหลือรอดจากเผ่าพันธุ์จ้องกังเหยียนเขม็งด้วยความโกรธเกรี้ยว ทั่วทั้งร่างเผยไอสังหารที่น่าขวัญผวาออกมา “เผ่าหินผาบัดซบเอ๋ย เจ้ากล้าทำร้ายข้า อูเอ๋อร์หลี่ที่ยิ่งใหญ่ผู้นี้ได้! เช่นนั้นก็ตายเสียเถอะ!”

ชายชราชี้ไม้เท้าเวทย์ในมือไปยังกังเหยียน จากนั้นร่างของกังเหยียนก็มีเปลวเพลิงลุกโชนขึ้นภายในพริบตา

“อ๊ากกก!” กังเหยียนเปล่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด

ทว่ากังเหยียนไม่ถอย เขากุมหัวตนเองแล้ววิ่งเข้าใส่ คว้าร่างตาเฒ่าอาร์คาน่าไว้ ทำให้ไฟบนร่างติดไปที่ร่างตาเฒ่าด้วยเช่นกัน

“เปลวเพลิง จงถอย!” อูเอ๋อร์หลี่ตะโกนเสียงดัง ชายแก่ไร้ทางเลือก จำต้องสั่งให้ไฟต้นกำเนิดบนร่างของกังเหยียนกระจายหายไป

กังเหยียนยังคงคว้าตัวอูเอ๋อร์หลี่ไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ในฐานะที่เป็นชนเผ่าหินผา มันยังไม่ได้ทะลวงเข้าสู่ด่านก่อเกิดลมปราณและยังไม่สามารถใช้พลังต้นกำเนิดได้ ทว่าก็มีร่างกายที่แข็งแกร่งเกินใคร สามารถใช้ร่างกายที่แข็งแกร่งนี้จำกัดการโจมตีของคู่ต่อสู้ได้ ด้วยเหตุนี้กังเหยียนจึงคิดจะรัดร่างตาเฒ่านี่ให้ตายไปพร้อมกันเสียเลย

สายตาแสดงความรังเกียจปรากฏขึ้นบนนัยน์ตาของ อูเอ๋อร์หลี่ “หนอนแมลงไร้ค่าเช่นเจ้าคิดจะทำอะไรข้าได้?”

ในตอนที่อูเอ๋อร์หลี่พูดนั้นเอง กังเหยียนก็พลันรู้สึกว่ามีบางอย่างจับแขนมันไว้ เขาเห็นหนวดที่ถูกสร้างขึ้นจากอากาศกำลังจับแขนไว้แล้วดึงตัวมันออกไป

“ไม่!” กังเหยียนคำรามต่ำ พยายามต่อต้านแรงที่กำลังดึงแขนมันออกไป

นี่คือการใช้พลังจากร่างกายธรรมดาต่อสู้กับทักษะพลังต้นกำเนิดอย่างแท้จริง ทว่าผิดคาดที่กังเหยียนสามารถทนแรงดึงจากหนวดอากาศนั่นได้

“แสดงว่าเจ้าก็พอมีความสามารถอยู่เหมือนกันหรือนี่?” ในนัยน์ตาอูเอ๋อร์หลี่มีความประหลาดใจวาดผ่าน “ทว่าสุดท้ายแล้ว เท่านั้นยังไม่พอ”

ชายแก่หัวเราะด้วยน้ำเสียงแปลกประหลาด ก่อนจะดีดนิ้ว

จู่ ๆ หนวดอากาศอีกมากมายก็ปรากฏขึ้นมาจับแขนของกังเหยียนไว้แล้วดึงตัวมันออกจากร่างอูเอ๋อร์หลี่ หนวดนั่นเริ่มดึงร่างกังเหยียนจากทั่วทิศทางราวกับต้องการจะฉีกร่างให้ขาดออกจากกัน

“หากเจ้ามั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเองมากไปก็จะเป็นเช่นนี้” อูเอ๋อร์หลี่หัวเราะร้ายกาจออกมา “ข้าต้องการเลือดของเจ้ามาเซ่นคนสำคัญของข้า ข้าจะ…หือ?”

อูเอ๋อร์หลี่เปล่งเสียงขึ้นด้วยความตกใจ

มีแสงเย็นเยียบสายหนึ่งวาบตรงมาทางเขา

อูเอ๋อร์หลี่รีบเปิดใช้เกราะพลังต้นกำเนิดทันที ลูกดอกอาบยาพิษพุ่งเข้ามาปักที่เกราะแสง ก่อนจะร่วงลงกับพื้น

ตาเฒ่าหันไปมองอีกด้าน แล้วจึงเห็นว่าซูเฉินที่กำลังสู้กับเจ้าด้วงอยู่ก็ยังมิลืมปาลูกดอกใส่มาทางตนได้

เมื่อเห็นว่าลูกดอกโจมตีไม่สำเร็จ ซูเฉินก็อดถอนหายใจในใจไม่ได้

ในความเป็นจริง หากเขายอมอดทนรออีกสักนิดก่อนจะลงมือ รอจนอูเอ๋อร์หลี่มั่นใจจนเกินตัวไป การโจมตีเมื่อครู่อาจจะสำเร็จไปแล้วก็เป็นได้

แต่หากเขารอจนถึงจังหวะนั้นกังเหยียนอาจจะสิ้นใจไปแล้ว

ซูเฉินไม่ต้องการเช่นนั้น อย่างน้อย ๆ เขาก็ไม่เต็มใจจะแลกชีวิตกังเหยียนเพื่อเอาชนะในการต่อสู้ครั้งนี้

ทว่าหากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่

ซูเฉินและกังเหยียนไม่อาจเทียบชั้นเป็นคู่ต่อสู้ของ อูเอ๋อร์หลี่และเจ้าด้วงได้ เจ้าด้วงตัวนั้นแข็งแกร่งเกินไป กระทั่งสู้กันตัวต่อตัวซูเฉินยังไม่อาจทำอะไรมันได้ ยังดีที่ความเร็วของมันมีไม่มากนักซูเฉินจึงสามารถหลบการโจมตีของมันได้ไม่ยาก ทว่าเมื่อมีอูเอ๋อร์หลี่อยู่ด้วย มันคงไม่รอดเป็นแน่

เขาจะมาจบลงตรงนี้จริงหรือ?

อีกด้านหนึ่ง อูเอ๋อร์หลี่นั้นสร้างหนวดอากาศขึ้นมาอีกครา จากนั้นยกร่างกังเหยียนขึ้นลอยกลางอากาศ ดูท่ามันจะเคยชินกับการทรมานคนยิ่งนัก ตาเฒ่าดูไม่รีบสังหารกังเหยียนแม้แต่น้อย

ที่ด้านข้างซูเฉิน เจ้าด้วงยักษ์ยังคงโจมตีใส่เข้าไม่หยุด กวัดแกว่งกรามยักษ์มาทางเขา กดดันให้ซูเฉินต้องคอยหลบเลี่ยงการโจมตีและไม่อาจโต้กลับได้เลย

เมื่อเห็นภาพที่ร่างกังเหยียนถูกยกขึ้นไปแล้ว ในใจก็พลันมีเปลวเพลิงลุกโชน

ต้องทำเช่นไร? ต้องทำเช่นไรถึงจะรอดออกไปจากสถานการณ์นี้ได้?

ในขณะที่ซูเฉินยังคงถอยอย่างต่อเนื่องนั้นเอง หัวสมองของมันก็ครุ่นคิดถึงทางออกอย่างไม่หยุดหย่อน

ในจังหวะนั้นเองที่เจ้าด้วงยักษ์พุ่งเข้าใส่ซูเฉิน ในตอนที่ ซูเฉินกระโดดหลบ เจ้าด้วงก็เอาหัวพุ่งชนเข้าที่ภูเขาหินแทน แรงกระแทกยังทำให้แร่ดาราเงินร่วงลงมาชิ้นหนึ่ง

ยามเมื่อแร่ดาราเงินร่วงหล่นลงพื้น เจ้าด้วงยักษ์ก็ชะงักไป ก่อนจะใช้เวลาครู่หนึ่งเพื่อตามไปกลืนแร่ก้อนนั้นลงท้องไปทั้งชิ้น

ภาพนั้นทำให้ซูเฉินตาเป็นประกาย

เด็กหนุ่มนึกบางอย่างขึ้นได้ รีบหยิบของออกมาจากแหวนกักเก็บทันที

เป็นแร่ดาราเงินบริสุทธิ์ก้อนหนึ่ง

ราวกับว่ามันสามารถได้กลิ่นหอมออกมาจากแร่เหล็กก้อนนี้ได้ เจ้าด้วงยักษ์เปล่งเสียงร้องแหลมขึ้นมา กระทั่งตอนที่ซูเฉินใช้มีดแทงมันเป็นสิบ ๆ ครั้ง มันยังไม่ร้องเสียงตื่นตกใจเท่านี้ออกมาแม้สักครั้ง

“อยากกินหรือไม่?” ซูเฉินตะโกนเสียงดัง

“ฝ่อออ!” เจ้าด้วงยักษ์ยืดตัวตรงราวกับสุนัขขออาหารจากเจ้านาย

ซูเฉินขว้างแร่ดาราเงินในมือออกไป “เช่นนั้นก็ไปเอา!”

เจ้าด้วงยักษ์ไล่ตามแร่ดาราเงินไป

“ไม่!” เห็นดังนั้น อูเอ๋อร์หลี่ก็ร้องเสียงดังออกมาอย่างสิ้นหวัง “ไอ้ระยำนั่น ไอ้ขยะไร้ค่า!”

ทว่าชายแก่ก็ไม่อาจทำอันใดได้อีก

ตาเฒ่ายังฝึกเจ้าแมลงกินเหล็กตัวนี้ไม่สำเร็จเสร็จสิ้น สัญชาตญาณในการกินเหล็กของมัน บางคราก็ทำลายความตั้งใจของตัวเจ้าด้วงเอง หรือบางคราก็ทำให้ไม่อาจทำตามคำสั่งของเจ้านายได้ หากให้ชิ้นเหล็กธรรมดาสามัญกับมันชิ้นหนึ่ง เจ้าด้วงอาจยังพอต้านความตื่นเต้นดีใจไว้ได้ ทว่าสำหรับแมลงกินเหล็กแล้ว แร่ดาราเงินบริสุทธิ์คืออาหารอันโอชาดั่งอาหารของเทพเซียน

“บัดซบเอ๊ย!” อูเอ๋อร์หลี่สัมผัสได้ทันทีว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว

ที่ทำได้คือการถ่วงเวลารอให้เจ้าด้วงกลับมาเท่านั้น

ชายแก่บังคับหนวดอากาศให้รัดแรงขึ้นเพื่อบีบกังเหยียนให้สิ้นใจ ในขณะเดียวกันก็ทุ่มพลังต้นกำเนิดในร่างตนใช้สร้างเกราะแสงพลังต้นกำเนิด

ในตอนนั้นซูเฉินพุ่งตัวเข้ามาใกล้แล้ว มีดในมือขวาเฉือนหนวดอากาศไปด้วยจนพวกหนวดอากาศทั้งหมดขาดออกจากกันก่อนจะหายไป กังเหยียนทรุดลงไปกับพื้นและหมดสติไป จากนั้นซูเฉินก็ซัดมีดไปทางอูเอ๋อร์หลี่ก่อนที่เสียงฟ้าคำรามจะดังขึ้น เป็นเสียงที่ดังสนั่นจนสามารถเขย่าวิญญาณคน ในเวลาเดียวกันนั้นเอง มีดสั้นริ้วดำก็ปรากฏขึ้นในมือซ้ายของมันอีกครั้ง

มีดทั้งสองเล่มเข้าโจมตีพร้อมกัน!

อูเอ๋อร์หลี่กัดฟันแน่น หลบร่างอยู่ภายใต้เกราะพลังต้นกำเนิดของตน ทั้งยังปลดปล่อยกระสุนพลังต้นกำเนิดห่าใหญ่ออกมาด้วย

เสียงดัง ‘ปัง’ ดังขึ้น ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายต่างกระเด็นออกไปพร้อม ๆ กัน

เกราะแสงของอูเอ๋อร์หลี่สลายเป็นชิ้นในทันที เลือดสายหนึ่งพุ่งกระฉูดออกจาก เกราะพลอยม่วงของซูเฉินเองก็แตกออกเช่นกัน กระสุนหลายนัดพุ่งเข้าทะลวงอกของมันติด ๆ กันจนกระอักเลือดสด ๆ ออกมาคำใหญ่ กระดูกซี่โครงหักสองซี่ วิสัยทัศน์เริ่มพร่ามัวลง มันเกือบจะคงสติไว้ไม่ได้

ตึง!

ร่างของทั้งสองคนร่วงลงพื้นลงพร้อมกัน

ตอนนั้นเอง เจ้าด้วงกลับมาหลังจากสวาปามแร่ดาราเงิน เรียบร้อยแล้ว

“ฆ่ามัน!” อูเอ๋อร์หลี่ตะโกน

ทว่าสิ่งที่รออูเอ๋อร์หลี่อยู่คือแร่ดาราเงินอีกหลายก้อนในมือซูเฉิน

ครั้งนี้ซูเฉินหยิบออกมาถึงสามก้อนด้วยกัน

“ไม่นะ!” อูเอ๋อร์หลี่แผดเสียงร้องด้วยความสิ้นหวัง

ซูเฉินกัดฟันโยนแร่ทั้งสามก้อนออกไป แร่ดาราเงินทั้งสามถูกขว้างออกไปเป็นสายสามสาย เจ้าแมลงกินเหล็กรีบพุ่งตัวตามไปราวกับสุนัขปักกิ่งตัวน้อย ๆ

“เหลือแค่ข้ากับท่านอีกแล้ว” ซูเฉินหัวร่อ

มันกัดฟันลุกขึ้นยืน จากนั้นสะบัดมีดแล้วพุ่งเข้าใส่ อูเอ๋อร์หลี่

อูเอ๋อร์หลี่ไร้เรี่ยวแรงโต้ตอบ เมื่อซูเฉินพุ่งเข้าใส่ ร่างของอูเอ๋อร์หลี่ก็เลือนหายไปพร้อมกับท่าทางขยับไม้เท้าเวทย์ จากนั้นร่างของชายชราก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งที่ด้านหลังของซูเฉิน

ทว่าซูเฉินเตรียมรับมือแล้ว เมื่อเห็นว่าร่างของอูเอ๋อร์หลี่เลือนหายไป เด็กหนุ่มก็โยนมีดทิ้งไป

จากนั้นหยิบปืนนักล่าเพลิงออกมายิงไปด้านหลังหลายนัดด้วยกัน

ปัง ปัง ปัง ปัง!

เมื่อเสียงปืนที่ดังติดต่อกันเงียบลง อูเอ๋อร์หลี่ถูกโจมตีถึงสามครั้ง กระสุนทิ้งรอยแผลสามรอยไว้บนร่างของมัน ถึงบาดแผลจะไม่ร้ายแรงนัก ทว่าร่างกายที่อ่อนแอของอูเอ๋อร์หลี่ก็ไม่อาจทนได้

ตาเฒ่าเปล่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดและโกรธเกรี้ยวออกมา ก่อนจะหันไปแล้วพุ่งตัวเข้าใส่เจ้าแมลงกินเหล็ก

ซูเฉินเร่งรุดตามมันไปแล้วพุ่งไปด้านข้างอูเอ๋อร์หลี่ จากนั้นแทงมีดสั้นริ้วดำเข้าไปอีกครา

“ตายเสีย!”

ซูเฉินไม่ทันคิดว่าอูเอ๋อร์หลี่จะหันกลับมา ก่อนจะยกไม้เท้าเวทย์ในมือขึ้นสร้างเปลวเพลิงขึ้นต่อหน้าต่อตาซูเฉิน

ลูกบอลเพลิง!

ในตอนนี้ชุดเกราะพลอยม่วงของซูเฉินได้หายไปแล้ว ไม่อาจใช้งานได้อีก แล้วเขาก็ไม่มีจังหวะหลบการโจมนี้อีกด้วย ด้วยร่างกายที่มีบาดแผลนับไม่ถ้วนจึงไม่อาจป้องกันลูกบอลเพลิงลูกนี้ได้แน่นอน

การโจมตีครั้งนี้เป็นสิ่งที่อูเอ๋อร์หลี่คำนวณไว้แล้ว

ในจังหวะเสี่ยงชีวิตนั้นเอง ซูเฉินก็เบิกตากว้างก่อนจะเปิดใช้นัยน์ตาวิญญาณ

อูเอ๋อร์หลี่พลันรู้สึกปวดหัว ก่อนที่สายตาจะพร่ามัวไป บอลเพลิงที่มันกำลังเตรียมซัดออกไปจึงไม่ถูกซัดออกไป

พริบตาต่อมา มีดสั้นริ้วดำก็เฉือนผ่านเอวของชายแก่

ร่างของอูเอ๋อร์หลี่สั่นเทิ้ม ตาเฒ่าก้มหน้าลงมองเอวตนเอง ก่อนจะเห็นว่าร่างของตนทรุดลงพื้นแยกเป็นสองส่วน

ชายชราหันไปมองซูเฉิน จากนั้นหันไปมองเจ้าแมลงกินเหล็ก ก่อนจะถอนหายใจออกมา “น่าเสียดาย…… หากข้ามีเวลาอีกสักนิด…… คงสามารถฝึกมันจนเชื่อฟัง……”

จากนั้นหัวของผู้เหลือรอดแห่งเผ่าพันธุ์อาร์คาน่าก็พลันเอียงไปข้างหนึ่ง ก่อนที่จะสิ้นใจ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)