ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า นิยาย บท 597

สรุปบท ตอนที่ 597 นี่คือจุดจบของผู้ที่รุกรานคฤหาสน์กระท่อมฟางของข้า!: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

อ่านสรุป ตอนที่ 597 นี่คือจุดจบของผู้ที่รุกรานคฤหาสน์กระท่อมฟางของข้า! จาก ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า โดย Internet

บทที่ ตอนที่ 597 นี่คือจุดจบของผู้ที่รุกรานคฤหาสน์กระท่อมฟางของข้า! คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ตอนที่ 597 นี่คือจุดจบของผู้ที่รุกรานคฤหาสน์กระท่อมฟางของข้า!

หนึ่งคนหนึ่งกระบี่ดิ่งลงสู่พื้นตามกันไป

ตูม! ร่างกายครึ่งซีกของจงหยวนจมหายไปใต้พื้นดิน ค่อยๆ มีโลหิตไหลซึมเจิ่งนอง

ทันทีที่กระบี่ร่วงถึงพื้นก็เลือนหายไปในทันใด เหลือเพียงชายในชุดลายดอกที่ลอยลงสู่พื้น มองจงหยวนที่ดวงตายังกะพริบอยู่เล็กน้อย

หน่วยจู่โจมที่ต่อสู้อยู่รอบข้างตกใจเป็นอย่างมาก แม้แต่จงหยวนก็ถูกสังหารไปแล้ว ยังจะมีใครกล้าเข้าใกล้คนผู้นี้อีก ต่างหันหลังหลบหนีไป

“จ้าว…” จงหยวนจ้องมองชายในชุดลายดอกพลางเปล่งเสียงอ่อนแรงออกมา ในแววตาคล้ายจะแฝงความพะวงอยากฝากฝัง แต่สุดท้ายยังไม่ทันได้เอ่ยออกไป ดวงตาก็แข็งทื่อไม่ไหวติง แล้วก็ไม่มีลมหายใจอีก

เมื่อยอดฝีมือตัดสินแพ้ชนะ น้อยครั้งนักที่จะยอมออมมือไม่เอาถึงตาย ความจริงแล้วตั้งแต่ตอนที่ทั้งสองเปิดฉากต่อสู้กัน เวลาก็เพิ่งจะผ่ามาได้ไม่เท่าไร เพียงไม่นานก็ตัดสินแพ้ชนะได้

พิรุณโลหิตที่เพิ่งจะร่วงตกลงมาในยามนี้ไหลย้อมร่าง ชายในชุดลายดอกเบือนสายตาไปจากใบหน้าเขา มองไปทางคฤหาสน์กระท่อมฟาง สะบัดแขนเสื้อทั้งสองข้าง ทะยานร่างขึ้นสู่อากาศ สองแขนขยับกระพือราววิหคตัวหนึ่ง โฉบผ่านเหนือหัวกลุ่มคนที่ต่อสู้อยู่ด้านล่างไป

เขาไม่สนใจว่ากลุ่มคนด้านล่างใครจะแพ้ใครจะชนะ เขาไม่มีทางตามไล่ล่าสังหารหน่วยจู่โจมไปทีละคนๆ เพื่อคนชุดดำโพกหน้าฝั่งหนิวโหย่วเต้า

เมื่อมาถึงบนท้องฟ้าเหนือคฤหาสน์กระท่อมฟาง เขาร่อนลงบนหอสูงอย่างแผ่วเบา เดินเอื่อยๆ เข้าไปยืนข้างกายหนิวโหย่วเต้าอย่างเงียบๆ หนังหน้าปลอมแผ่นนั้นยังคงราบเรียบไร้อารมณ์

บนหอสูงเงียบสนิท ทุกคนมองเขาด้วยความตกตะลึง

หวงเลี่ยมองเขา จากนั้นก็มองหนิวโหย่วเต้า

แววตาของอิ๋นเอ๋อร์ที่กอดกล่องอาหารเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น นางเดินเข้าหยุดข้างๆ ชายในชุดลายดอก ยื่นหน้าเข้าไปดูใบหน้าของเขา ชายในชุดลายดอกก็จ้องมองสาวน้อยจอมตะกละคนนี้เช่นกัน

อิ๋นเอ๋อร์อมดูดคราบน้ำมันบนนิ้วมือเล็กน้อย จากนั้นยื่นออกไปหาชายในชุดลายดอก คิดจะดึงหน้ากากหนังออกจากหน้าเขา

ดวงตาของชายในชุดลายดอกเต็มไปด้วยความรังเกียจ ยกแขนเสื้อปัดมือของนางออกไป

ในเวลานี้ทุกคนที่ไม่ทราบความในล้วนคิดว่าสตรีนางนี้คงปัญญาอ่อน อยากจะรนหาที่ตายหรือไร?

อิ๋นเอ๋อร์พลันถลึงตาใส่ ท่าทางไม่พอใจอย่างยิ่ง

คราวนี้ถึงตาคนที่ทราบความในอย่างพวกก่วนฟางอี๋ที่เหงื่อตกแทนชายในชุดลายดอกขึ้นมา เขาสามารถสังหารจงหยวนได้ แต่เกรงว่าจะยังไม่เพียงพอสำหรับต่อกรกับราชินีปีศาจตนนี้ ที่สำคัญคือจะลามเดือดร้อนมาถึงพวกเขาด้วย!

เคราะห์ดีที่ซางซูชิงที่อกสั่นขวัญแขวนนึกเป็นห่วงอิ๋นเอ๋อร์ จึงเข้าไปลากอิ๋นเอ๋อร์ออกมาทันที กระซิบกล่อมว่า “อิ๋นเอ๋อร์ ห้ามก่อเรื่องนะ”

ถึงแม้อิ๋นเอ๋อร์จะยอมปล่อยให้ซางซูชิงลากออกมา แต่ยังคงเบะปากด่าทอชายในชุดลายดอก “คนเลว!”

เดิมทีชายในชุดลายดอกก็มองนางเป็นแค่จอมตะกละอยู่แล้ว จึงคร้านจะถือสาหาความกับสตรีปัญญาอ่อนเช่นนี้

หน่วยจู่โจมในหุบเขาเริ่มแตกพ่ายหลบหนีไปคนละทิศคนละทาง ทันทีที่จงหยวนสิ้นใจ ขวัญกำลังใจก็ป่นปี้!

เดิมทีการเผชิญหน้ากับคนชุดดำโพกหน้ากลุ่มนี้ก็ทำให้พวกเขาเสียเปรียบอยู่แล้ว ตอนนี้แม้แต่จงหยวนก็ยังไม่รอด ยังมีอะไรต้องสู้อีกเล่า? ต่อให้ทุ่มสุดตัว แต่หนิวโหย่วเต้ามียอดฝีมือเช่นนี้คุ้มกันอยู่ข้างกาย ไม่มีทางสังหารหนิวโหย่วเต้าได้เลย ถึงสู้สุดตัวก็มีแต่ตายเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตสู้ต่อแล้ว ต้องหนีเท่านั้น!

พอเห็นคนชุดดำโพกหน้ากลุ่มนั้นต้องการตามไล่ล่า หนิวโหย่วเต้าก็เปล่งเสียงขึ้นมา “ปล่อยไป ไม่ต้องตาม!”

คนชุดดำโพกหน้าคนหนึ่งที่ยืนอยู่บนกำแพงผิวปากขึ้นมาทันที หยุดการตามล่า

“ต้วนหู่ เหลยจงคัง อู๋ซานเหลี่ยง” หนิวโหย่วเต้าตะโกนเรียก

ทั้งสามคนก้าวออกมาทันที ประสานมือขานรับพร้อมเพรียง “เต้าเหยี่ย!”

หนิวโหย่วเต้าทอดมองไปด้านหน้า เอ่ยทั้งที่หันหลังให้คนทั้งสาม “พวกเจ้าทั้งสามแบ่งกำลังไปคนละหนึ่งร้อย ไปให้การสนับสนุนสำนักเซียนสถิต สำนักเมฆาล่องและสำนักคีรีพิลาส”

“ขอรับ!” ทั้งสามรับคำสั่ง รีบลงไปติดต่อกับทางฝั่งคนชุดดำโพกหน้าเล็กน้อย จากนั้นต่างนำกำลังหนึ่งร้อยคนทะยานออกไป

ศัตรูตัวฉกาจล่าถอยไปแล้ว ตอนนี้ถึงแบ่งกำลังป้องกันภายในคฤหาสน์กระท่อมฟางออกไป หนิวโหย่วเต้าก็ไม่กังวลแล้วเช่นกัน แอบลอบถอนใจอย่างโล่งอก ตอนแรกยังแอบกลัวอยู่ว่าชายในชุดลายดอกจะสู้จงหยวนไม่ได้ ทำเอาเขาใจหายใจคว่ำอยู่พักหนึ่งเลยทีเดียว

แต่เขาก็รู้สึกโชคดีที่ตนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ล่วงหน้าโดยเชิญคนผู้นี้มาก่อน มิเช่นนั้นหากทำตามที่มั่นใจก่อนหน้านี้คงกลายเป็นการสร้างปัญหาเดือดร้อนให้ตัวเอง

เพราะศัตรูที่ต้องต่อกรด้วยก็คือราชสำนักแคว้นเยี่ยน จะเข้าปะทะกับกลุ่มอำนาจระดับนี้ เขาย่อมเพิ่มความระมัดระวังเป็นอย่างมากเอาไว้แต่แรก สามารถนำพลังอำนาจใดมาใช้ได้เขาล้วนหยิบมาใช้ทั้งสิ้น

ครั้งนี้เรียกได้ว่าป็นครั้งแรกที่เขาทุ่มกำลังทั้งหมดที่ตนมีออกมาปะทะกับราชสำนักแคว้นเยี่ยนอย่างซึ่งหน้า!

หนิวโหย่วเต้ามองหยดเลือดที่เปรอะเปื้อนร่างชายชุดลายดอก จากนั้นยกนิ้วโป้งให้เขาทีหนึ่ง “สมเป็นยอดฝีมือโดยแท้!”

ชายในชุดลายดอกเหลือบมองด้วยแววตาเย็นชา

อยู่กลางอากาศมองเห็นได้ไม่ชัดนัก ก่าเหมี่ยวสุ่ยบังคับวิหคยักษ์ให้โฉบต่ำลงเล็กน้อย เมื่อเห็นจงหยวนที่สิ้นใจตายอยู่บนพื้นก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่ง

ประกอบกับเหล่ายอดฝีมือที่มาลอบโจมตีล้วนแตกพ่ายแล้ว ก่าเหมี่ยวสุ่ยทราบดีว่าดำเนินการต่อไปไม่ได้แล้ว จึงบังคับวิหคยักษ์บินฝ่าอากาศ หลบหนีไปทันที!

ภาะเหตุการณ์นี้อยู่ในสายตาของหนิวโหย่วเต้า ก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะเฝ้าสังเกตการณ์ต่อสู้อยู่บนท้องฟ้ามาโดยตลอด จึงทำให้เขาสงสัยว่าอีกฝ่ายคงมีฐานะไม่ธรรมดาแน่นอน เขาชี้มือพลางออกคำสั่งในทันใด “ไปดูว่าเป็นใคร นำอินทรีแดงนักล่าไล่ตามไป ลองดูว่าจับตัวมาได้หรือไม่!”

คนชุดดำโพกหน้าหลายคนกระโจนขึ้นไปบนอินทรีแดงนักล่าสองตัว โผขึ้นสู่อากาศไล่ตามไป…

บนยอดเขา พอเห็นผู้บำเพ็ญเพียรที่ลอบโจมตีกระโดนพุ่งลงมาจากบนอากาศ ลุงเฉินและอู๋เหล่าเอ้อร์ก็เข้าไปคุ้มกันอยู่เบื้องหน้าหยวนกังทันที ภารกิจของพวกเขาในครั้งนี้คือคุ้มกันหยวนกัง

แต่ผู้บำเพ็ญเพียรเหล่านี้ไม่สนใจจะต่อสู้เลย กำลังหนีเอาชีวิตรอดอยู่ ไหนเลยจะมาพัวพันอยู่ตรงนี้ได้ ทะยานผ่านศีรษะของพวกเขาไป เหินผ่านสนามรบด้านล่างไป รีบเร่งหลบหนี

“ท่านประมุข พวกเขาหนีกันไปแล้วขอรับ!”

มีใครคนหนึ่งในหมู่ศิษย์ของหอบุปผาล่องที่เผชิญการปิดล้อมตะโกนขึ้นมา

เฉาอวี้เอ๋อร์ที่ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง โลหิตเปรอะเปื้อนทั่วร่าง กำลังเหวี่ยงกระบี่ไปมาเพื่อบีบให้ศัตรูถอยร่นไป พลันเงยหน้ามองขึ้นไป มองเห็นยอดฝีมือเหล่านั้นกำลังหลบหนีไป

จากนั้นก็มองดูเหล่าศิษย์หอบุปผาล่องที่นอนตายเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นอย่างน่าอนาถ

“ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าไม่เกี่ยวข้องกับพวกท่าน บางทีอาจจะเป็นคนอื่น” หนิวโหย่วเต้าบอกปัดไปด้วยประโยคเดียว วาจานี้ทำให้คิ้วของหวงเลี่ยกระตุกยิกๆ ขึ้นมา

หนิวโหย่วเต้าไม่ได้พูดอะไรมากอีก พยักเพยิดหน้าไปทางคนทั้งสองที่ถูกลากเข้ามา “สองคนนี้คือผู้ใด?”

เซี่ยฮวาชี้บุรุษที่หายใจรวยรินคนนั้น “จินอู๋กวงเจ้าสำนักจิตกระจ่าง!”

เฟ่ยฉางหลิวก็ชี้ไปทางคนที่ถูกฟันขาขาดไปข้างหนึ่ง “เฉาอวี้เอ๋อร์ประมุขหอบุปผาล่อง ศัตรูที่ล้อมโจมตีพวกเราจากด้านนอกคือสองสำนักนี้ จับตัวการใหญ่มาแล้ว ส่วนผู้รอดชีวิตที่เหลือคุมตัวไว้ที่ตีนเขา!”

เจิ้งจิ่วเซียวกล่าวว่า “มีศิษย์บางส่วนของสองสำนักนี้หนีรอดไปได้ แต่ไม่มาก”

ว่ากันตามจริงแล้ว หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากคนชุดดำโพกหน้าเหล่านั้นก็คงจับเจ้าสำนักคู่นี้ไม่ได้

หนิวโหย่วเต้าร้องโอ้ ยื่นฝักกระบี่ในมือออกไปช้อนคางเฉาอวี้เอ๋อร์ขึ้นมา

เฉาอวี้เอ๋อร์สะบัดหน้าหนีอย่างไม่ยินยอม แถมยังถ่มน้ำลายปนโลหิตใส่หนิวโหย่วเต้าดัง “ถุย!”

หนิวโหย่วเต้าโคจรพลังสกัดไว้ น้ำลายยังทันเข้าใกล้เขาก็ร่วงตกลงไป

ต้วนหู่ที่อยู่ด้านหลังก้าวเข้ามา ตบหน้านางอย่างจังไปหนึ่งที จากนั้นก็จิกผมของเฉาอวี้เอ๋อร์กระชากไปด้านหลัง ให้หน้าของนางแหงนเชิดขึ้น เผยหน้าของนางออกมา

หนิวโหย่วเต้าใช้ฝักกระบี่เขี่ยเส้นผมยุ่งเหยิงบนใบหน้าหน้าให้เปิดออก เอ่ยถามไปว่า “ประมุขเฉาบอกว่าจะมาพบข้าในอีกสามวันให้หลังมิใช่หรือ? เหตุใดถึงมาเร็วขนาดนี้ล่ะ?”

เฉาอวี้เอ๋อร์ที่ถูกบังคับให้แหงนหน้าขึ้นมีโลหิตเปื้อนทั่วหน้า เอ่ยด้วยเสียงคับข้อง “หนิวโหย่วเต้า นับว่าเจ้าชะตาแข็ง แต่สักวันเจ้าต้องไม่ตายดีแน่!”

“ก่อนหน้านี้ตอนข้าเห็นเจ้า คิดว่ายามสาวเจ้าคงมีความงามอยู่พอตัว ทำไมไม่ออกเรือนให้กำเนิดบุตรธิดา ครองคู่เลี้ยงดูบุตร ไยต้องเข้ามาข้องแวะกับเรื่องต่อสู้ฆ่าฟันให้ลำบากด้วยเล่า” หนิวโหย่วเต้าทอดถอนใจ ลดกระบี่ลงแล้วเอ่ยถาม “พวกท่านว่าสมควรจัดการอย่างไรดี?”

เซี่ยฮวากัดฟันกรอดเอ่ยไปว่า “ศิษย์ของพวกเราสามสำนักที่ล้มตายด้วยฝีมือพวกเขาเกรงว่าคงมีไม่ต่ำกว่าสองพันคน จำนวนทหารที่บาดเจ็บล้มตายยิ่งมีมากกว่า!”

เฟ่ยฉางหลิวเอ่ยถาม “เต้าเหยี่ยคงไม่คิดจะปล่อยนางไปกระมัง?”

เจิ้งจิ่วเซียวก็มองอยู่เช่นกัน สามสำนักเผชิญศึกหนักครานี้ สูญเสียกำลังคนไปมากมายปานนี้ ล้วนอยากสังหารกวาดล้างสำนักจิตกระจ่างและหอบุปผาล่องให้สิ้นซากเพื่อล้างแค้นใจแทบขาดแล้ว!

หนิวโหย่วเต้ามองท่าทีของคนทั้งสาม เอ่ยเสียงเรียบว่า “ล้วนเป็นตัวเบี้ยที่ถูกคนอื่นหลอกใช้ทั้งสิ้น เป็นหรือตายไม่สำคัญ ช่วยล้างหน้าล้งตาพวกเขาให้สะอาดแล้วทำการรักษาสักหน่อย แล้วค่อยนำไปห้อยเป็นเหยื่อล่อไว้บนกำแพงจังหวัดชิงซานพร้อมกับผู้รอดชีวิตทั้งหมด คอยซุ่มดูไว้ หากมีศิษย์ของทั้งสองสำนักเข้ามาช่วยเหลือก็ให้สังหารทิ้งซะ! ให้คนทั่วหล้าได้รู้ว่านี่คือจุดจบของผู้ที่รุกรานคฤหาสน์กระท่อมฟางของข้า!”

สามเจ้าสำนักฟังแล้วพยักหน้ารับ ไม่ควรปล่อยให้พวกเขาได้ตายสบายเกินไปจริงๆ

จินอู๋กวงที่หายใจรวยรินอยู่พลันสะเทือนอารมณ์ขึ้นมา ลมหายใจถี่กระชั้นร้อนรน

เฉาอวี้เอ๋อร์ที่ถูกจิกหัวอยู่ดิ้นรนพลางตวาดกร้าว “หนิวโหย่วเต้า ไอ้ชาติชั่ว ต่อให้ข้าเป็นผีก็ไม่มีวันยอมปล่อยเจ้าไป!”

“คุมตัวไป!” เจิ้งจิ่วเซียวโบกมือสั่งการ

………………………………………………………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า