ตอนที่ 598 เนื้อจ่ออยู่ข้างปาก
“อื้อๆ…” จินอู๋กวงส่งเสียงอู้อี้ โลหิตไหลออกมาจากปากและจมูก ท่าทางสะเทือนอารมณ์อย่างยิ่ง
“ไอ้ชาตชั่ว! ไอ้ชาติชั่ว! เจ้าต้องไม่ตายดี…” เฉาอวี้เอ๋อร์ที่ถูกลากตัวออกไปก่นด่าอย่างคลุ้มคลั่ง ในเสียงด่าทอแฝงความสิ้นหวังเอาไว้
เจ้าสำนักทั้งสองต่างคิดไม่ถึงเลยว่าหนิวโหย่วเต้าจะใช้วิธีการโหดเหี้ยมเช่นนี้ ทำเช่นนี้คือต้องการทำลายล้างสำนักจิตกระจ่างและหอบุปผาล่องอย่างถึงที่สุด!
เจ้าสำนักผู้ทรงเกียรติถูกแขวนไว้บนกำแพงเมือง ซ้ำยังมีเหล่าผู้อาวุโสที่รอดชีวิตมาได้จำนวนหนึ่งถูกแขวนไว้บนกำแพงเมืองเช่นกัน แล้วบรรดาศิษย์ของสำนักจิตกระจ่างและหอบุปผาล่องเหล่านั้นจะมาช่วยหรือไม่?
ช่วยหรือ? จะเอาอะไรมาช่วยกันเล่า? ยอดฝีมือในสำนักแทบจะล้มตายสิ้นซาก ด้วยพลังสภาวะที่ไม่ได้เรื่องของลูกศิษย์เหล่านั้นจะสามารถช่วยคนไปได้หรือ? ชีวิตของเจ้าสำนักและเหล่าผู้อาวุโสตกอยู่ในกำมือของทางนี้แล้ว หากลงมือก็กลัวจะส่งผลกระทบ แล้วจะช่วยได้อย่างไร? วิ่งมาหาที่ตายอย่างนั้นหรือ?
เสาะหายอดฝีมือจากที่อื่นมาช่วยหรือ? หนิวโหย่วเต้ามิใช่ผู้บำเพ็ญเพียรธรรมดา แต่เป็นผู้บำเพ็ญเพียรที่กุมอำนาจในโลกคนธรรมดาไว้ในระดับหนึ่ง คนที่ไม่มีภูมิหลังในระดับหนึ่งไม่มีทางเข้ามาข้องแวะกับเรื่องเช่นนี้ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้นคือขนาดมีมือสังหารจำนวนมากขนาดนั้นลงมือก็ยังล้มเหลว แม้แต่จงหยวนยอดฝีมืออันดับเจ็ดของทำเนียบโอสถก็ยังเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่ ผู้ใดยังจะกล้าสอดมือเข้ามาง่ายๆ อีก?
ไม่ช่วยหรือ? โลกบำเพ็ญเพียรแตกต่างไปจากโลกคนธรรมดา มีการให้ความสำคัญกับเรื่องถ่ายทอดวิชาและสืบทอดสำนักอะไรทำนองนั้นอยู่ นี่คือรากฐานของโลกบำเพ็ญเพียร
เพียงแค่คิดดูก็รู้แล้วว่าหากไม่ช่วยจะมีผลลัพธ์เป็นอย่างไร ภายภาคหน้าศิษย์ของสำนักจิตกระจ่างและหอบุปผาล่องจะไม่มีวันโงหัวขึ้นมาในโลกบำเพ็ญเพียรได้อีก จะไม่มีขวัญกำลังใจไปแก่งแย่งช่วงชิงกับโลกภายนอก ผลสุดท้ายจะกลายเป็นแตกแยกกระจัดกระจายไปคนละทิศ หลังจากสลายตัวไปแล้ว จะไม่มีผู้ใดกล้าบอกว่าตนคือศิษย์ของสำนักจิตกระจ่างและหอบุปผาล่องอีกต่อไป สองสำนักจะล่มสลายหายไปแต่เพียงเท่านี้
เรื่องนี้ทำให้พวกเขาปวดใจเสียยิ่งกว่าสังหารพวกเขาทั้งสองคนเสียอีก ความทุ่มเทที่บรรพจารย์รุ่นก่อนๆ สั่งสมมาถูกทำลายลงในยุคสมัยของพวกเขา
เดิมทีต่อให้พวกเขาสองคนตายไป แต่ขอเพียงยังมีคนของสองสำนักหลงเหลืออยู่ สำนักพวกเขาก็ยังมีโอกาสจะฟื้นฟูกลับมาได้
ตอนนี้หนิวโหย่วเต้ากลับต้องการทำลายรากฐานที่สองสำนักพึ่งพาและพยายามรักษาไว้ ต้องการทำลายสองสำนักให้สิ้นซาก ต้องการลบสองสำนักออกไปจากโลกบำเพ็ญเพียร!
ขอถามหน่อยเถิดว่าจะไม่ให้สองเจ้าสำนักสะเทือนใจได้อย่างไร!
แรกเริ่มกลุ่มผู้บำเพ็ญเพียรยังไม่ตระหนักถึงเจตนาของหนิวโหย่วเต้าที่ใช้วิธีการนี้ ภายหลังต่างค่อยๆ ตระหนักขึ้นมาได้ เพราะถึงอย่างไรก็ล้วนเป็นคนในโลกบำเพ็ญเพียรกันทั้งสิ้น
“ทำให้พวกเขาหุบปากเสีย รักษาให้ดี อย่าปล่อยให้พวกเขาตายง่ายๆ!”
พอเห็นเฉาอวี้เอ๋อร์ด่าทอไม่หยุด ถึงตายก็จะสาปแช่งด่าทอหนิวโหย่วเต้าให้ได้ เซี่ยฮวาจึงโบกมือเอ่ยสั่งการเล็กน้อย ศิษย์ระดับล่างเข้าไปจัดการให้เฉาอวี้เอ๋อร์หุบปากทันที เฉาอวี้เอ๋อร์ที่พูดไม่ได้แล้วได้แต่เชิดหน้ามองฟ้าเปล่งเสียงอู้อี้ น้ำตาไหลปนคราบเลือด เงยหน้ามองท้องนภา เจ็บปวดอยู่ภายในใจ!
สามเจ้าสำนักกลับรู้สึกสะใจเป็นอย่างยิ่ง คิดว่าทำเช่นนี้เหมาะสมแล้ว หากไม่ทำลายล้างสองสำนัก มันก็ไม่เพียงพอจะชำระแค้นนี้ได้ แล้วก็นับว่าเป็นการมอบคำอธิบายให้คนในสำนักทั้งคนที่ตายและคนที่ยังอยู่ด้วย
อีกทั้งสามสำนักก็เห็นด้วยกับวิธีการนี้อย่างยิ่ง เรียกได้ว่ายอมให้ความร่วมมืออย่างกระตือรือร้นโดยไม่มีความลังเลเลย ไม่ว่าอีกฝ่ายจะบุกเข้ามาเพราะหนิวโหย่วเต้าหรือไม่ สุดท้ายแล้วก็เป็นสามสำนักที่คฤหาสน์เรือนมุงจากเอาไว้ เมื่อทำลายสำนักจิตกระจ่างและหอบุปผาล่องลงได้ ชื่อเสียงของสามสำนักในโลกบำเพ็ญเพียรจะเพิ่มพูนขึ้นมากเช่นกัน นี่เรียกได้ว่าเป็นผลงานการรบของทั้งสามสำนัก!
กลุ่มคนจากสำนักเขามหายานก็ไม่ได้ออกความเห็นใดกับเรื่องนี้ ในใจก็โน้มเอียงไปทางเห็นชอบด้วยเช่นกัน ทำลายสองสำนักเก่าแก่ที่เคยปกครองมณฑลหนานโจวทิ้งก็ดีเหมือนกัน ลดปัญหาจุกจิกให้หมดสิ้นไป เพียงแต่วิธีการเช่นนี้ออกจะโหดเหี้ยมไปหน่อย การตัดรากถอนโคนเช่นนี้โหดเหี้ยมกว่าเข่นฆ่าสังหารเสียอีก!
หวงเลี่ยเอ่ยเสียงเรียบ “น้องหนิว เจ้าเอาคนไปแขวนบนกำแพงเมือง ทุกคนต่างทราบกันดีว่าพวกเขาทำงานให้ราชสำนัก แล้วแบบนี้ราชสำนักจะไม่ช่วยพวกเขาหรือ? เจ้าทำเช่นนี้เท่ากับเป็นการตบหน้าราชสำนักนะ!”
หนิวโหย่วเต้าถามอย่างเย็นชา “เจ้าสำนักหวงกำลังช่วยพูดแทนราชสำนักอยู่หรือ?”
เอาอีกแล้ว จะดึงไปเข้าเรื่อง ‘สมคบกับคนใน’ อีกแล้ว หวงเลี่ยโบกมือกล่าวไปว่า “ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น แต่หากราชสำนักหาข้ออ้างมาทวงตัวคนจากเจ้าจะทำอย่างไร? จะขัดราชโองการหรือ?”
หนิวโหย่วเต้ากล่าวว่า “มาทวงคนข้าก็ต้องให้หรือ? บุกมาเพื่อสังหารข้าแล้วยังคิดว่าข้าจะยอมคืนตัวคนให้อีกหรือ? หากราชสำนักยังอยากรักษาหน้าไว้ อย่าใช้ไม้นี้เลยจะดีที่สุด เรื่องที่จะเป็นการตบหน้าอย่างแท้จริงอยู่หลังจากนี้ต่างหาก!”
หวงเลี่ยอมยิ้มเล็กน้อย ไม่พูดมากอีก หาเรื่อง ในเมื่อชอบมีเรื่องกับราชสำนัก เช่นนั้นเจ้าก็ค่อยๆ มีเรื่องกับราชสำนักไปแล้วกัน แล้วอย่ามาหาว่าสำนักเขามหายานของข้านิ่งดูดายไม่ช่วยเหลือแล้วกัน!
กลุ่มคนจากสำนักเขามหายานมีความคิดต่างไปสารพัด
ก่วนฟางอี๋ที่สังเกตการณ์อยู่ด้านข้างกลับทราบดีว่าน้อยครั้งนักที่หนิวโหย่วเต้าจะปะทะกับคนอื่นตรงๆ เช่นนี้ ครั้งนี้กลับตัดสินใจแล้วว่าจะปะทะกับราชสำนักตรงๆ!
ซางซูชิงที่คอยฟังอยู่ด้านข้างมีสีหน้าหม่นหมอง นางมีส่วนร่วมในเรื่องราวของหนิวโหย่วเต้าน้อยมาก ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นถึงความโหดเหี้ยมไร้เมตตายามอยู่ในโลกบำเพ็ญเพียรของหนิวโหย่วเต้า แต่นางก็ทราบหลักการที่ว่าไม่มีความเห็นใจในการศึกเป็นอย่างดี
ชายในชุดลายดอกก็เฝ้าสังเกตอยู่ด้านข้างตลอด อีกทั้งไม่คิดจะยุ่งอะไรด้วย เพียงอยากเห็นเจ้าหนุ่มที่มีอำนาจขึ้นมาอย่างรวดเร็วในระยะเวลาไม่กี่ปีจะจัดการเรื่องราวอย่างไร
คนชุดดำโพกหน้ากลับมาจากการเก็บกวาดศพของเพื่อนร่วมงานที่ตีนเขาแล้ว ได้หามศพของจงหยวนกลับมาด้วย คนมีศักดิ์ฐานะถึงตายแล้วก็ยังได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษอยู่ดี ไม่ได้จัดการอย่างขอไปที
“นี่คือผู้ใดกัน?” เซี่ยฮวาเอ่ยถาม
ก่วนฟางอี๋ตอบว่า “ยอดฝีมือลำดับที่เจ็ดของทำเนียบโอสถ หนึ่งในกลุ่มคนที่บุกโจมตีคฤหาสน์”
“อันดับเจ็ด…เขาคือจงหยวนหรือ?” เซี่ยฮวาตกใจจนหน้าถอดสี เฟ่ยฉางหลิวและเจิ้งจิ่วเซียวก็ตกตะลึงเป็นอย่างมากเช่นกัน จงหยวนก็เอาชีวิตมาทิ้งที่นี่หรือ?
ก่อนหน้านี้พัวพันอยู่กับการต่อสู้ พวกเขาจึงไม่ทันสังเกตเห็นการต่อสู้ระหว่างชายในชุดลายดอกและจงหยวน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า