แน่นอนว่าเจียงหลีไม่ได้ถูกมัดขึ้นบนรถม้าเพื่อเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำ
แต่ทว่า ขณะนางเดินขึ้นไปด้วยตัวเอง ก็ไม่ได้รู้สึกดีนัก
“หลีเอ๋อร์มาแล้ว รีบมานั่งข้างๆ ข้า”
ทันทีที่เจียงหลีขึ้นรถม้า เดิมทีคิดว่ามีเพียงลู่เจี้ยเท่านั้นที่นั่งอยู่บนรถ กลับคิดไม่ถึงว่าพระชายาลู่จะนั่งอยู่ด้วย เมื่อเผชิญหน้ากับพระชายาลู่ผู้ที่มีน้ำใจและเป็นมิตรแล้ว เจียงหลีจึงรู้สึกอับอายที่จะชักสีหน้าเย็นชาต่อไป
เดิมทีอยากคุยกับผู้ชายคนนี้ให้ชัดเจนไปเลยว่าเป็นบ้าอะไรเช่นนั้น แต่บัดนี้ไม่มีโอกาสเสียแล้ว เจียงหลีถอนหายใจอย่างแผ่วเบาในใจ
ทว่า ใบหน้ากลับเผยให้เห็นถึงรอยยิ้มหวานแล้วกล่าวว่า “ขอคารวะพระชายาเพคะ”
“หลีเอ๋อร์เป็นเด็กดีจริงๆ” ความเป็นมิตรของพระชายาลู่ที่มีต่อเจียงหลีไม่ลดน้อยลงเลย
เจียงหลีก็ไม่รอช้า มุ่งตรงไปนั่งข้างๆ นาง แล้วเงยหน้าขึ้นพร้อมกับกวาดสายตามองไปที่ชายหนุ่มรูปงามซึ่งนั่งนิ่งอยู่อีกด้าน เขาไม่ได้มองหน้านางเลยนับตั้งแต่นางเดินขึ้นรถม้ามา ราวกับว่านางไร้ตัวตนก็ไม่ปาน
หากเป็นเช่นนี้ เหตุใดถึงต้องบังคับให้นางมาด้วยเล่า! ในใจของเจียงหลีก็รู้สึกโกรธเคืองขึ้นมา
ท่าทางที่ไม่สบอารมณ์ของลู่เจี้ยเช่นนี้ ทำให้นางไม่สบายใจนัก!
“หลีเอ๋อร์ อาการบาดเจ็บของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง บาดเจ็บเช่นนี้ควรพักผ่อนอยู่ในจวนอ๋องให้หายก่อน เจี้ยเอ๋อร์นี่ก็จริงๆ เลย ต้องให้เจ้าติดตามไปด้วย” พระชายาลู่กล่าวอย่างเป็นห่วง
เจียงหลีละสายตาที่แอบมองสำรวจเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็ค่อยๆ ส่ายหัวอย่างช้าๆ แล้วกล่าวกับพระชายาว่า “พระชายาเพคะ ข้าหายดีแล้วเพคะ”
พอดูดซับพลังจากลู่เจี้ยแล้ว อาการบาดเจ็บของนางก็เกือบจะหายเป็นปกติแล้ว
“หายดีก็ดีแล้ว ข้าต้องขอบใจเจ้ามาก ขอบใจที่เจ้าปกป้องเสวียนเอ๋อร์แทนข้า” พระชายาลู่กล่าวด้วยความจริงใจ
นางไม่ได้พูดออกมาเพียงแค่ลมปากเท่านั้น นางรู้สึกซาบซึ้งใจที่เจียงหลียอมสละชีพจนสามารถช่วยชีวิตบุตรชายคนรองของนางได้สำเร็จจริงๆ
“ไยกล่าวเช่นนั้นเพคะ เกรงใจมากไปแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ข้าควรทำเพคะ” เจียงหลียิ้มเบาๆ
การปกป้องลู่เสวียนเป็นเรื่องที่นางได้ตกลงกับลู่เจี้ยไว้อยู่แล้ว
“เด็กดี” พระชายาลู่จับมือนางด้วยความเอ็นดู ท่าทางเช่นนั้นเหมือนกับสองแม่ลูกก็ไม่ปานและมิได้ปฏิบัติต่อเจียงหลีเยี่ยงทาสเลย
สิ่งที่เรียกว่าสถานะของเจียงหลีเช่นนั้น บัดนี้ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีอยู่จริง
สาวใช้แห่งตระกูลลู่เช่นนาง กินดีอยู่ดีและแต่งตัวดีกว่าหญิงสาวจากตระกูลทั่วไปเสียอีก
“ทันทีที่เจ้าเข้าวัง เจ้าก็เดินตามหลังข้าและเจี้ยเอ๋อร์ จะได้ไม่มีใครกล้ารังแกเจ้า” พระชายาลู่กำชับเจียงหลี
แววงตาของเจียงหลีเปล่งประกายความสงสัยเล็กน้อย
เวลานั้น นางไม่เข้าใจที่มาของคำเตือนจากพระชายาลู่ พอครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ นางพลันนึกขึ้นได้ว่าร่างเดิมของนางเป็นบุตรสาวของขุนนางท่านหนึ่ง
ขณะนั้น ตำแหน่งราชการของเจียงหลินเฟิงไม่ด้อยเลย และสถานะทางครอบครัวเช่นนั้น นางต้องเคยร่วมงานสำคัญของราชสำนักเป็นแน่
ณ ตอนนั้น นางเป็นถึงบุตรสาวของเจียงหลินเฟิง เป็นกุลธิดาแห่งตระกูลที่มีชื่อเสียง
ทว่าบัดนี้ นางเป็นเพียงบุตรสาวของขุนนางต้องโทษ เป็นสาวใช้ของตระกูลลู่
หากพบเจอกับคนรู้จักเข้า เกรงว่าจะถูกหัวเราะเยาะสักพักเป็นแน่
นางไม่ได้นึกถึงเรื่องเหล่านี้เลย แต่พระชายาลู่กลับคิดอย่างละเอียดรอบคอบแทนตนแล้ว
“ขอขอบพระทัยพระชายามากเพคะ” เจียงหลีรู้สึกอบอุ่นหลังจากเข้าใจเรื่องนี้อย่างกระจ่างแล้วพร้อมกับกล่าวขอบคุณด้วยความจริงใจ
อันที่จริง นางไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้เลย
แต่ทว่า เมื่อมีคนมีน้ำใจคิดแทนตนอย่างจริงใจเช่นนี้ เจียงหลีจึงปฏิเสธความเมตตาดังกล่าวไปไม่ได้
เจียงหลีและพระชายาลู่มีเรื่องให้พูดคุยกันตลอดทาง แต่ลู่เจี้ยกลับนั่งเงียบราวกับรูปปั้นที่สง่างาม โดยไม่มีการตอบสนองใดๆ เลยแม้แต่น้อย
โดยเฉาะอย่างยิ่ง บรรยากาศแปลกๆ ที่ลอยอยู่รอบตัวเขา ทำให้คนไม่กล้าที่จะเข้าใกล้
เป็นบ้าหรืออย่างไร! เจียงหลีแอบมองอย่างลับๆ อยู่หลายครั้งพร้อมกับอุทานด้วยความไม่สบายใจในใจ
***



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์