หรงจิ่งปลดปล่อยพลังวิญญาณออกปกคลุมบนร่างกายลู่เจี้ย ถึงขนาดกับกดทับดอกไม้ใบหญ้ารอบๆ นั้นให้ตกเตี้ยลงไปห่อเ**่ยวบนพื้นดิน
แต่ทว่า ลู่เจี้ยยังคงไม่หวั่นไหว ยกถ้วยสุรามรกตขึ้นมาข้างริมฝีปากแล้วจิบเบาๆ
ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!
เจียงหลียืนขึ้นอย่างตกตะลึง ดวงตาทั้งคู่มองดูหรงจิ่งอย่างระแวดระวัง นางสามารถรับรู้ถึงพลังบนร่างกายของหรงจิ่ง ความรุนแรงของพลังวิญญาณนั้นไม่ด้อยไปกว่าของลู่จ้านเลย
แต่เขากลับอายุน้อยกว่าลู่จ้านถึงยี่สิบปี!
พลังวิญญาณของหรงจิ่งกดทับเข้ามาเรื่อยๆ เหมือนเขาอยากจะบีบคั้นให้ลู่เจี้ยแสดงฝีมือออกมา แต่ทว่า ลู่เจี้ยกลับมองข้ามความกดดันของเขาไป
“คุณชายจิ่ง นายน้อยข้าขาดหนึ่งเนตรญาณแต่กำเนิด ไม่สามารถบำเพ็ญได้ เป็นเรื่องที่ใต้หล้าต่างก็รู้กัน” เจียงหลีขมวดคิ้วแล้วเอ่ยปาก
น้ำเสียงที่ไม่อ่อนแอและไม่แข็งกร้าวของนาง ทำให้หรงจิ่งชายตาแล้วยิ้มกล่าว “ไม่สามารถฝึกฝนเป็นหลิงซือได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะฝึกฝนเป็นเนี่ยนซือไม่ได้”
!
เจียงหลีตกตะลึงอยู่ในใจลึกๆ
หรงจิ่งผู้นี้ช่างจัดการยากเสียจริง ทว่า ถึงแม้เขาพูดคำนี้ออกมา ลู่เจี้ยก็ยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เหมือนว่าแม้หรงจิ่งจะเอามีดมาจ่อบนคอเขา ฟันคอเขาขาด ลู่เจี้ยก็ไม่กระพริบตาแม้แต่ครั้งเดียว
เจียงหลีหัวเราะเยาะเย้ย “ถึงแม้จะฝึกฝนเนี่ยนซือ ก็ต้องใช้พลังความคิดที่แข็งแกร่ง นายน้อยของข้าเนตรญาณไม่ครบ จะมีพลังความคิดที่แข็งแกร่งเช่นนั้นได้เช่นไร ท่านชายจิ่ง ท่านบีบคั้นคนอื่นมากเกินไปแล้ว”
ทันใดนั้น เมื่อนางพูดจบ พลังความกดทับจากร่างกายหรงจิ่งนั้นก็สูบเก็บเข้าไปอย่างรวดเร็ว หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เขามองดูเจียงหลี ดวงตาคู่นั้นยังคงแฝงด้วยรอยยิ้มอยู่ “ท่านพูดมีเหตุผล” แต่ว่า เมื่อเขาเหลียวกลับไปมองลู่เจี้ยกลับกล่าวว่า “ต้องมีสักวัน ข้าจะต้องรู้ให้ได้ว่าท่านเก็บซ่อนอะไรไว้กันแน่”
ลู่เจี้ยยิ้มเล็กน้อย ไม่ได้ถกเถียงและไม่ได้อธิบาย เหมือนอยากจะปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจไป
หรงจิ่งก็ไม่ได้สนใจคำตอบของเขาเช่นกัน มองมาทางเจียงหลีอีกครั้ง แล้วเอ่ยถามอย่างสนใจ “เจ้าชื่ออะไรหรือ”
คำถามนี้ทำให้ลู่เจี้ยยกตาขึ้น เหลือบมองดูเจียงหลี แล้วละสายตาไป เหมือนไม่อยากจะก้าวก่าย
เจียงหลีมองตาหรงจิ่ง พูดชื่อของตนออกมาอย่างชัดเจน “เจียงหลี”
หรงจิ่งประหลาดใจไปสักพัก แล้วก็หัวเราะขึ้นมาทันใด “ข้าจำได้ว่าบุตรสาวของเจียงหลินเฟิงหัวหน้าผู้ตรวจการแผ่นดินท่านก่อน ก็ชื่อเจียงหลีเช่นกัน แต่เมื่อได้พบกันในวันนี้ ข้ากลับรู้สึกว่าเจ้าไม่เหมือนกับแม่นางเจียงที่ไม่สามารถฝึกฝนบำเพ็ญได้แต่มีความจำเป็นเลิศในตำนานผู้นั้นสักเท่าไร”
พูดจบ เขาก็ก้มศีรษะให้ แล้วหันกลับเดินจากไปอย่างอิสระ
เจียงหลีจ้องเบื้องหลังของเขา ในใจก็ครุ่นคิดถึงคำพูดนี้ของเขาว่าหมายความว่าอย่างไร
“หลีเอ๋อร์ อย่าได้ล่วงเกินคนผู้นี้” เมื่อหรงจิ่งหายไปจากสายตาของเจียงหลีแล้ว เสียงของลู่เจี้ยก็ดังขึ้นจากด้านหลังของนาง
เจียงหลีพยักหน้าเห็นด้วย “ไม่ธรรมดาจริงๆ”
คำวิจารณ์ประโยคนี้กลับทำให้ลู่เจี้ยยกตาขึ้น ในดวงตาดั่งแก้วนั้นก็เปลี่ยนไปอย่างกระทันหัน เขากล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “น้อยนักจะได้ยินหลีเอ๋อร์ประเมินคนสูงเช่นนี้”
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์