ฆ่ามู่หว่านโหรวอย่างนั้นหรือ
วันนี้เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
หากฆ่านางตายจริงๆ ทางราชสำนักจักต้องหมายหัวตระกูลลู่เป็นแน่ นางไม่สามารถทำลายโอกาสของฮ่องเต้ที่รอมานานได้
วันนี้เจียงหลีแค่ต้องการแสดงเจตนารมณ์เพียงเท่านั้น
ถึงแม้คนทั้งโลกจะทอดทิ้งลู่เจี้ย ถึงแม้จะไม่มีใครสนใจเขา เขาก็ยังมีนางที่คอยปกป้อง นางไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนมาดูหมิ่นเหยียดหยามเขาได้
ไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่ที่นางเห็นลู่เจี้ยต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวแล้วรู้สึกสงสารเขาในใจ
“วันนี้ฆ่าไม่ตายก็ฆ่าวันหน้า หากวันหน้าฆ่าไม่ตายมันต้องมีสักวันที่ข้าจะฆ่าให้ตายอย่างหมดจด ขอแค่ข้ายังมีชีวิตอยู่คำสาบานนี้ไม่มีวันดับสูญ”
ประโยคนี้ทำให้ทุกคนรับรู้เจตนารมณ์ของเจียงหลีอย่างชัดเจน
บางทีอาจทำให้นายน้อยตระกูลลู่ที่ไม่ได้มางานวสันต์ฤดูล่าสัตว์อย่างลู่เจี้ยตกเป็นที่ฮือฮาได้
“ลู่เจี้ยเอ๋ยลู่เจี้ย จู่ๆ ข้าก็นึกอิจฉาเจ้าขึ้นมา” หรงจิ่งสายตาจดจ้องไปที่เจียงหลีจากระยะห่างไกลพร้อมทั้งพึมพำเสียงเบา
ตู้ม!
เจียงหลีปล่อยวิญญาณยุทธ์ของตัวเองออกมา
วิญญาณยุทธ์แรกคือเลี่ยเทียนซื่อตัวแทนพลังทำลายล้างที่บ้าคลั่งดุเดือด ส่วนตัวที่สอง…
เมื่อเสวียนกังกุยปรากฏกายออกมา ผู้ที่เคยรู้จักมันต่างอุทานด้วยความตะลึง “เป็นเสวียนกังกุย ก่อนหน้านี้ทั่วหนานฮวงแคว้นแข็งแกร่งไม่น้อยกำลังตามหาหญิงสาวที่มีวิญญาณยุทธ์เป็นเสวียนกังกุย หรือว่าคนที่พวกเขาตามหาจะเป็นนาง”
เจียงหลีกลับไม่รู้ถึงเหตุนี้ ตอนที่เกิดเรื่องนางผสานร่างกับเสวียนกังกุย ถึงแม้ลู่เจี้ยจะให้ลู่จ้านปิดบังข้อมูลนี้เอาไว้แต่ว่าเจียงหลีปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ต่อหน้าสาธารณชนก็เท่ากับว่าได้ทำลายความลับนี้ไปเสียแล้ว
โชคดีมีเพียงคนผู้เดียวที่อุทานออกมาและเสียงของเขาถูกเสียงความวุ่นวายของฝูงชนกลบเกลื่อนอย่างรวดเร็ว
แต่ทว่าแววตาอาฆาตของจิ่งเยี่ยยังคงจดจ้องแน่นิ่งภายในกลุ่มคน
“โอ้โห! เป็นวิญญาณยุทธ์ชั้นหนึ่งเหมือนกันเสียด้วย วันนี้วิญญาณยุทธ์ชั้นหนึ่งกลายเป็นว่ามีมากมายเยี่ยงนี้เลยหรือ องค์หญิงมีไม่ว่า แม้กระทั่งนางทาสคนหนึ่งก็มีเหมือนกัน ตระกูลลู่ช่างมีบารมียิ่งใหญ่นัก”
“ต่อไปนี้มีงิ้วสนุกๆ ให้ได้ดูกันแล้ว”
“…”
“เฟิงเหลย!” หมูหว่านโหรวตะโกนลั่นเรียกใช้ทักษะพรสวรรค์ในวิญญาณยุทธ์ของตน
เจียงหลีเองก็มิได้หยุดหย่อน นางตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เกราะเสวียนกัง!”
ทันใดนั้นเงาลวงตาของเสวียนกังกุยปกคลุมร่างของเจียงหลีกลายเป็นเกราะกระดองกำบังภายนอกร่างกายของนาง ส่วนภาพมายาของเลี่ยเทียนซื่อทะยานสู่ท้องฟ้าตามนางขึ้นไปแล้วพุ่งเข้าใส่มู่หว่านโหรวที่ใช้พรสวรรค์ด้านวรยุทธ์พุ่งเข้าหาเช่นกัน
“สิ่งหนึ่งคือวิญญาณยุทธ์โจมตีส่วนอีกสิ่งหนึ่งคือวิญญาณยุทธ์ป้องกัน เจียงหลีผู้นี้คิดกระทำการป้องกันและโจมตีพร้อมกันหรือ”
“เช่นนี้แม้จะดูรอบคอบแต่มันจะทำให้ต่างฝ่ายต่างอ่อนกำลังลงน่ะสิ”
“ช่างอัจฉริยะจริงๆ ลงมือพร้อมกันได้”
“…”
เจียงหลีทะยานสู่ท้องฟ้าเผชิญหน้าต่อสู้กับมู่หว่านโหรว
ในขณะที่กำลังปะทะกันอย่างดุเดือด แสงพลังวิญญาณทิ่มแทงบดบังสายตาผู้คน พวกเขาจึงเห็นเพียงสีหน้าดุดันของมู่หว่านโหรวและเจียงหลีที่ถูกแสงสว่างปกคลุมไปทั่วร่าง
จบแล้ว!
“ความสามารถขององค์หญิงไม่ได้มีแค่ลมปาก ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้ต่อสู้เอาจริงเอาจัง พอถึงตอนนี้เอาจริงขึ้นมาแล้วเจียงหลีจะเผชิญหน้าต่อสู้ได้เยี่ยงไร”
“ใช้ทักษะพรสวรรค์สู้กันซึ่งๆ หน้า แพ้ราบคาบแน่นอน!”
“ก็ใช่น่ะสิ”
“…”
ฝูงชนต่างคิดว่าเจียงหลีพ่ายแพ้แล้ว
คนที่ไม่เชื่อเกรงว่าจะเหลือเพียงจิ่งเยี่ยกับลู่เสวียนกระมัง
จากนั้นเมื่อแสงสลายไปแล้ผู้คนกลับตกตะลึงเห็นเจียงหลีปรากฏตรงหน้ามู่หว่านโหรวโดยไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด เกราะบนร่างนางส่องแสงประกายสี่ทิศอย่างกล้าหาญชาญชัย
“พรสวรรค์ด้านวรยุทธ์ของท่านยอดเยี่ยมความว่องไวเป็นเลิศแต่น่าเสียดายกลับทลายเกราะป้องกันของข้ามิได้ ฉะนั้นจึงไร้ผล” เจียงหลียิ้มมุมปากภายใต้สีหน้าตกตะลึงของมู่หว่านโหรว



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์