พลังวิญญาณสลายไป ภายใต้ความตกตะลึงของฝูงชนถึงแม้มู่หว่านโหรวจะพยายามรักษากิริยาสูงส่งของตนเองแต่ถึงอย่างไรก็ปกปิดความอับอายไม่มิด
นางถูกคนที่เคยดูแคลนบีบบังคับจนมุมเยี่ยงนี้
มู่หว่านโหรวมีสีหน้าเย็นชาพุ่งสายตาอย่างเย็นเยียบ “เจียงหลี เจ้าควรรู้ว่าเจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่”
โกรธแล้ว! โกรธแล้ว!
หลังจากที่มู่หว่านโหรวเอ่ยคำนี้ออกไปจึงทำให้หลายคนใจสั่นไหว
พวกเขาต่างก็มองออกว่าการต่อสู้เมื่อครู่นี้หากมู่หว่านโหรวไร้ซึ่งหงส์สองเศียรคุ้มครองตนเองเกรงว่าอาจจะช้ำในได้
ในขณะเดียวกันผู้คนในสนามแห่งนี้รู้จักเจียงหลีลึกซึ้งมากขึ้นเช่นกัน
อาจจะกล่าวได้ว่าคนที่รู้จักนางมีมุมมองต่อนางเปลี่ยนไปอีกครั้ง ส่วนคนที่ไม่รู้จักนางในที่สุดก็ได้รู้จักแล้วว่าหลิงเจี้ยงสาวอายุสิบสามผู้นี้มีนามว่าเจียงหลี
เมื่อเผชิญหน้ากับความโกรธของมู่หว่านโหรวเจียงหลีกลับยิ้มออกมา รอยยิ้มของนางแฝงไปด้วยความกำเริบเสิบสานประเภทไม่กลัวฟ้ากลัวดินท่าทางหยิ่งทะนงตน
ทันใดนั้นนางก็หุบยิ้มแล้วถามกลับเสียงก้อง “มู่หว่านโหรว ท่านก็น่าจะรู้ว่าท่านกำลังทำสิ่งใดอยู่”
อารมณ์ที่เปลี่ยนไปกะทันหันด้วยท่าทีน่าเกรงขามมากขึ้นซึ่งกดดันมู่หวานโหรวไว้มั่นคงอย่างคาดไม่ถึง
บนลานล่าสัตว์เข้าสู่ความวังเวง
หรงจิ่งที่อยู่ไกลเจือรอยิ้มจ้องไปในดวงตาของเจียงหลีเพื่อค้นหา
ฉินเทียนอียิ้มกว้าดวงตาหงส์เรียววาบวับราวกับว่ากำลังเจอเรื่องสนุกก็มิปาน
จิ่งเยี่ยตกใจ ในใจกลับนึกโกรธ เขาไม่รู้ว่าระหว่างเจียงหลีและมู่หว่านโหรวมีสิ่งใดเกิดขึ้น
แต่เขารู้สึกว่าเจียงหลีถูกถามเยี่ยงนี้ไม่ได้รับความเป็นธรรม
มู่หว่านโหรวรังแกน้องสาวสุดที่รักของเขา!
ไอหนาวเย็นแผ่ออกมาจากร่างกายของเขา มู่ชิงเหยียนตกตะลึงอยู่ที่แห่งไกลมองสีหน้าที่เปลี่ยนไปของจิ่งเยี่ยทั้งรู้สึกตกใจและเจ็บปวด เขาเป็นห่วงนางจริงๆ หรือเพราะนางต้องเอาชนะ นางถึงจะได้เข้าไปอยู่ในสายตาเขาใช่หรือไม่
ไป๋หลี่เฟิ่งยังคงยืนอยู่ที่มุมเพียงลำพัง แสงมืดมนของเขาอยู่ภายใต้เทียนเจียวที่โดดเด่นเปล่งประกายเหล่านี้ เขามองไปยังเจียงหลีด้วยสีหน้าซับซ้อน ทั้งสองต่างมาจากเมืองซูหนานเฉกเช่นกันแต่ระยะเวลาสั้นๆ ไม่กี่เดือนนางกลับเปล่งประกายแสงของตนเองได้
ส่วนเขา…ดวงตาของไป๋หลี่เฟิ่งหม่นลง เดิมทีคิดว่าหลังจากเข้าสู่ขั้นหลิงเจี้ยงเขาจะมีปัญญาต่อสู้กับเจียงหลีอีกครั้ง
แต่ดูท่าวันนี้การต่อสู้อีกครั้งเขาก็ยังไม่สามารถประลองกับนาง
ยังไม่แข็งแกร่งพอ ต้องฝึกฝนต่อไป เปลวไฟแห่งการต่อสู้ลุกโชนในดวงตาของไป๋หลี่เฟิ่ง เขาไม่อยู่ต่อแล้วหันหลังกลับออกไปจากเวทีที่โดดเด่นแห่งนี้
เขาต้องการกลับไปที่สถาบันไป๋หยวนเพื่อเก็บตัวฝึกฝน เขาต้องเข้มงวดกับตนเองเพื่อวันหนึ่งสามารถต่อกรกับเจียงหลีโดยเร็ววัน
ไม่มีใครตกใจกับการจากไปของไป๋หลี่เฟิ่ง แม้กระทั่งมู่หว่านโหรวที่เคยสนใจเขาแต่ตอนนี้กลับทุ่มเทความสนใจทั้งหมดไปที่เจียงหลี
“เจ้ากำลังแก้แค้นเรื่องตระกูลลู่ในวันนั้น” มู่หว่านโหรวมิใช่คนโง่เขลา ความขัดแย้งระหว่างนางกับเจียงหลีมีเพียงอย่างเดียวคือวันที่นางไปขอถอนหมั้น
เกิดความวุ่นวายในฝูงชนเมื่อได้ยินนางเอ่ยถึงตระกูลลู่
ลู่เสวียนขมวดคิ้วเดินออกมายืนข้างเจียงหลีแล้วเอ่ยถาม “นางทำอะไรกับตระกูลลู่หรือ”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า ถอยไป” เจียงหลีกลับพูดขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ลู่เสวียนเบะปาก
ถ้าหากจำไม่ผิดแล้วล่ะก็เขาต่างหากที่เป็นเจ้านายอีกทั้งถูกเด็กสาวที่อายุน้อยกว่าตนเองบอกให้ ‘ถอยไป’ มันน่าขายขี้หน้าจริงๆ
แต่เขาไม่ต่อล้อต่อเถียงกับเจียงหลีแล้วซมซานกลับไปยืนที่เดิม
เมื่อลู่เสวียนถอยกลับไปเจียงหลีก็กระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา สีหน้าเช่นนั้นไม่เหมาะสมกับวัยของนางเลยสักนิด “องค์หญิงความจำเป็นเลิศจริงๆ วันนั้นท่านดูหมิ่นนายน้อยของข้า วันนี้รสชาติของการที่ถูกข้าดูหมิ่นเป็นเยี่ยงไรบ้างเล่า”
ซี๊ดดด!
ฝูงชนต่างพากันสูดอากาศเข้าปาก


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์