เรื่องที่เคยสัญญากับลู่เจี้ยเจียงหลีไม่คืนคำ
เมื่อนางกลับมาถึงลู่เสวียนที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมถึงได้รู้ว่านางเขียนชื่อตัวเองลงไปในใบสมัครเรียบร้อยแล้ว
“เจ้าไม่กลัวพี่ชายข้าจะ…”
เจียงหลียักไหล่ไม่ยี่หระแล้วเอ่ยกับลู่เสวียนที่ทำหน้าตกใจ “ข้าเคยสัญญากับพี่ชายเจ้าว่าต้องดูแลเจ้าทุกกระเบียดนิ้ว ในเมื่อเจ้าอยากไปข้าก็ทำได้เพียงตามไปด้วยกันกับเจ้าหรือต่อให้พี่ชายเจ้าโกรธก็ยังมีเจ้าคอยรับหน้าแทนให้”
เอ่อ…
ลู่เสวียนกระตุกมุมปากตอนนี้รู้สึกผิวหนังตึงไปหมดโดยเฉพาะบริเวณก้น
“อีกสามวันต้องออกเดินทางแล้ว สองวันนี้เจ้าก็เตรียมตัวให้ดีก็แล้วกัน” เจียงหลีเอ่ยเตือน
ลู่เสวียนพยักหน้าหงึกหงักกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “คราวนี้ไม่ได้มีเพียงคนจากสถาบันไป๋หยวนของเราเท่านั้นยังมีพวกของสำนักหลิงอู่ไปด้วย เจ้าจำไว้ อย่าคลาดสายตากับข้าเด็ดขาด ข้าจะปกป้องเจ้าเอง”
“เหอะๆ” เจียงหลีหัวเราะเย้ยหยันเหมือนดูถูกเขาเล็กน้อย
เมื่อลู่เสวียนถูกกระตุ้นต่อมโมโหเขาจึงกำหมัดแน่น “อย่าลืมล่ะว่าข้าคือทายาทของจวนลู่อ๋อง”
ประโยคนี้ของเขาทำให้เจียงหลีรู้ซึ้งเป็นอย่างดี ลู่เสวียนเป็นห่วงว่านางจะถูกรังแกซึ่งจำต้องใช้สถานะของตนเองมาปกป้องนาง
เมื่อเข้าใจถึงเจตนารมณ์ของเขาเจียงหลีจึงมอบรอยยิ้มหวานให้ “ขอบใจนะ”
ลู่เสวียนเบะปาก เขามีสีหน้าเก้อเขินเล็กน้อย “ไม่ต้องขอบใจ เจ้าไม่กลัวถูกพี่ใหญ่ข้าตำหนิ ยอมไปเป่ยฝางเป็นเพื่อนข้า ข้าต้องปกป้องเจ้าเป็นธรรมดา”
…
ในขณะเดียวกันเมืองหลวงซั่งตูที่ยังคงเจริญรุ่งเรืองมีความมืดมนคืบคลานเข้ามารอบด้าน
บรรดาลูกศิษย์จากทั้งสำนักหลิงอู่และสถาบันไป๋หยวนต่างเร่งรีบรวมพลมุ่งสู่เป่ยฝาง อย่างไรเสียนี่คือพระราชโองการจากฮ่องเต้มิสามารถฝ่าฝืนได้
ที่แตกต่างกันก็คือสำนักหลิงอู่ใช้วิธีการคัดเลือกคนไป ส่วนทางสถาบันไป๋หยวนเปิดรับคนที่มาสมัครด้วยตนเอง
ณ จวนตระกูลหรง หลังจากหรงจิ่งฝึกฝนวรยุทธ์เสร็จแล้วบริเวณหน้าอกยังคงรู้สึกเจ็บแปลบเล็กน้อย ตอนนั้นพลังหมัดของเจียงหลีไม่เบาเลยจริงๆ
หรงจิ่งยกมือขึ้นกุมหน้าอกแล้วอมยิ้มกล่าวกับตนเอง “แรงของเด็กคนนี้เอาเรื่องจริงๆ”
ขณะนี้มีเงาร่างคนวูบไหวอยู่นอกประตูเขาจึงเอามือลงดวงตาจดจ่อ “มีเรื่องอะไร”
เงาคนผู้นั้นคุกเข่าลงหนึ่งข้างน้ำเสียงเคารพยำเกรงดังลอดมาจากด้านอกประตู “คุณชายขอรับ นายท่านถามว่าท่านจะมุ่งหน้าไปเป่ยฝางหรือไม่ขอรับ”
“ไม่ไป” หรงจิ่งปฏิเสธอย่างไม่คิด
คนที่คุกเข่าไม่เอ่ยอะไรอีกและกำลังรีบลุกถอยกลับไปบอกคำตอบ
แต่เมื่อเขากำลังจะขยับหรงจิ่งก็พูดขึ้นมาเสียก่อน “รอเดี๋ยว”
“คุณชายมีคำสั่งอะไรหรือขอรับ” คนที่อยู่นอกประตูหันมาและโค้งคำนับมือทั้งสองข้างกำหมัด
“ลู่เจี้ยอยู่ที่ไหน” หรงจิ่งถามเมื่อมีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมา
ผู้คนที่อยู่นอกประตูเงยหน้าขึ้นมองร่างดั่งหิมะขาวโพลนในห้อง “ตอนนี้ไม่ทราบขอรับ ผู้ที่รับผิดชอบจับตามองคนในจวนตระกูลลู่บอกว่าไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา ดูเหมือนว่า…” เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งถึงเอ่ยต่อ “ไม่อยู่ในจวนขอรับ”
หลังจากได้รับคำตอบนี้ดวงตาทั้งคู่ของหรงจิ่งหรี่ลงเล็กน้อย
เมื่อเขาไม่พูดคนที่อยู่ด้านนอกประตูไม่กล้าออกไปได้แต่โค้งคำนับรอคำสั่งจากเขา


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์