เห็นแต่ทหารจำนวนมากมายถือโล่เดินออกมาจากประตูเมือง
ขณะนั้นเองได้เสียงกีบเหล็กจากที่ไกลเดินอย่างเป็นระเบียบเป็นจำนวนที่ยากจะคาดเดา เห็นพายุทรายลูกคลื่นเชื่อมติดกับขอบฟ้า
แยกไม่ออกว่าเป็นเพราะเสียงฝีเท้าของกองทัพทหารที่อยู่ในกำแพงหรือเป็นเพราะกองทัพทหารม้าของศัตรูกันแน่ที่ทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน
เมื่อควันสลายไป คลื่นพายุทรายสงบลง เห็นทหารม้าชุดเกราะสีดำที่ทอดยาวไปถึงขอบฟ้าปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน
ทหารม้าที่ดูทะมึนไม่มีที่สิ้นสุดเสมือนทหารมารที่หลั่งไหลออกมาจากนรกดั่งก้อนเมฆดำที่ขยับเข้าใกล้แนวหน้าเป่ยฝางของโฮ่วจิ้น
ท่าทางกระเ**้ยนกระหือรือทำให้เหล่าเทียนเจียวที่อยู่นอกสนามทนไม่ไหวจนถอยหลังไปก้าว เกิดความคิดจะถดถอย
พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าสนามรบจะน่ากลัวเช่นนี่
พลังอานุภาพของทหารหนึ่งกองทัพเพียงพอที่จะทำลายความเย่อหยิ่งของพวกเขา จนถึงตอนนี้พวกเขาถึงจะเข้าใจว่าพรสวรรค์ทางทหารที่ตนภูมิใจนักภูมิใจหนา เมื่อเทียบกับกองทัพทหารแล้วมันช่างไม่มีค่าอะไรให้กล่าวถึงเลย
นอกเสียจากว่าวันหนึ่งพวกเขากลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่สามารถใช้กระบวนหนึ่งท่าทำลายเมืองเมืองได้ เมื่ออยู่ต่อหน้ากองทัพทหารถึงจะไม่มีความกลัว
หึบ หะ หึบ หะ
เสียงร้องสั่นสะเทือนฟ้าดังมาจากใต้กำแพง ดึงดูดให้เหล่าเทียนเจียวทั้งหลายก้มหัวมองตามเสียง
ขณะนี้ที่นอกกำแพงเมืองทหารเป่ยฝางตั้งขบวนรบเสร็จ รอการมาถึงของทหารของต้าฉิน ส่วนทหารรบสองฝ่ายที่เข่นฆ่ากันอยู่ เพราะสงครามได้ขยายตัว จึงแยกย้ายกลับค่ายของตน กลายเป็นหน่วยรบแนวหน้า
เล็กน้อย! ช่างเล็กน้อยเหลือเกิน!
แววตาเจียงหลีเปี่ยมไปด้วยความอึ้งทึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นชาติก่อนหรือชาตินี้ เป็นครั้งแรกที่นางได้เจอสงครามใหญ่เช่นนี่ กองทัพทหารสองแคว้นรวมกันมีถึงล้านกว่าคน
หน่วยทหารต่างจัดแบ่งตามหน้าที่และประเภทอาวุธ ร่วมมือกันอย่างดีเพื่อชัยชนะอันสูงส่ง
พวกเขายืนอยู่บนกำแพงเมืองเฝ้าดูการประจันหน้าของกองทัพทั้งสอง ด้านหลังทหารม้าต้าฉินตามมาด้วยพายุทรายคลื่นฝุ่นทำให้ลดระยะห่างของทั้งสองกองทัพอย่างรวดเร็ว
ศึกใหญ่ ดูท่าจะเริ่มต้นแล้ว
“ต้าฉินเชี่ยวชาญด้านขี่ม้าส่วนโฮ่วจิ้นเชี่ยวชาญด้านตั้งขบวน การปะทะกันของทั้งสองฝ่ายหากต้าฉินใช้ความเร็วบุกโจมตีขบวนที่ตั้งไว้ จะทำให้ทหารฝั่งเราพ่ายแพ้ หากว่าทหารฝั่งเราสามารถใช้ขบวนถ่วงทหารม้าต้าฉินได้ เมื่อนั้นชัยชนะก็จะมาอยู่ฝั่งเรา” ลู่เสวียนที่ไม่รู้ขยับเข้าใกล้เจียงหลีตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาไม่ได้สังเกตเห็นจิ่งเยี่ยที่ยื่นข้างๆ เจียงหลี เพียงแต่จ้องมองสนามรบอย่างใจจดใจจ่อพลันพูดด้วยน้ำเสียงตึงเครียด
เจียงหลีและจิ่งเยี่ยหันสายตามองเขาพร้อมกัน เห็นภายใต้แววตาลึกนั้นมีความกังวลซ่อนอยู่
ทหารม้าต้าฉินมาอย่างท่าทางที่ดุดันเหิมเกริม พลังเช่นนี้แม้แต่ลู่เสวียนยังห่วงเลยว่าทหารชายแดนภาคเหนือจะสามารถต้านทานได้หรือไม่
เจียงหลีหันสายตามองกลับไปที่สนามรบ
อันที่จริงพลังของทหารม้าต้าฉินดูจะดุดันว่ากองทัพทหารโฮ่วจิ้น
เจียงหลีก็หันสายตามองไปลู่ซิ่งเฉาที่อยู่บนแท่นสั่งการ แม้ว่าจะมองไม่เห็นสีหน้าอารมณ์ แต่ว่ายังคงสัมผัสถึงความสงบที่ถ่ายทอดออกมาจากตัวเขา
สงบ!
แผงอกกลายเป็นดั่งต้นไผ่
ความสงบของเขาดูเหมือนทำให้กองทัพสงบลงด้วยแม้จะเผชิญหน้ากับทหารม้าต้าฉินที่ดุดันเหิม
เกริม พวกเขาก็ไม่ได้แสดงความตื่นตระหนกตกใจออกมา
ความนิ่งสงบเยี่ยงนี้ ต้องผ่านการฝึกฝนที่อันตรายถึงชีวิตมาเท่าไหร่กันถึงทำจะได้ เจียงหลีถอนหายใจ
การสู้แบบตัวต่อตัว ต่างจากการเข่นฆ่าในสนามรบอย่างสิ้นเชิง


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์