“ตกลงเจ้าเป็นใครกันแน่”
เว่ยจี๋มองเจียงหลีอย่างหวาดกลัว เห็นได้ชัดว่าฉากเมื่อครู่นี้ทำให้เขาตกตะลึงพรึงเพริด
“ข้า…” เจียงหลีก็อึ้งไปเหมือนกัน นางไม่สามารถตอบคำถามนี้ของเว่ยจี๋ได้ ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ได้ หรือว่า…เป็นเพราะวิญญาณจักรพรรดินั่น หรือว่าจะเป็น…
เจียงหลีขมวดคิ้วมุ่น และส่ายศีรษะ ไม่สามารถอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ได้
“นี่…”
เมื่อเห็นว่านางเอาแต่ส่ายหน้า แล้วก็เอาแต่ครุ่นคิดเงียบๆ เว่ยจี๋จึงตั้งสติแล้วขยับเข้ามาใกล้นาง
เจียงหลีเงยหน้ามองเว่ยจี๋ที่ขยับเข้าใกล้ แต่นางกลับถอยหนีไป
ยากนักที่จะเห็นท่าทางตกใจสั่นเหมือนลูกนกของเว่ยจี๋แบบนี้
“เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือว่ามันเกิดอะไรขึ้น” เว่ยจี๋ถามต่ออย่างไม่ท้อถอย
“ไม่รู้” เจียงหลีส่ายหน้า
ถึงจะไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่คิดเอาความอีก ถึงอย่างไรก็ไม่ได้เป็นอันตรายใดๆ ทันใดนั้นเจียงหลีก็หัวเราะขึ้นมา แล้วแกว่งไหสุราเปล่าในมือเล่นอย่างนึกสนุก “สงสัย เจ้าคงออกไปจากดิน นแดนผนึกมารกับข้าได้แล้วล่ะ”
“ข้าไม่ไป!” ดวงตาทั้งคู่ของเว่ยจี๋หดลง แล้วรีบถอยออกไปไกลอย่างรวดเร็ว
“เจ้าคิดว่าข้าต้องการคำยินยอมจากเจ้าหรือไร” รอยยิ้มของเจียงหลียิ่งยั่วยวนบาดใจมากขึ้น
“…” เว่ยจี๋ทำหน้าบูดบึ้ง แล้วจ้องไหสุราเปล่าที่อยู่ในมือเจียงหลี อันที่จริง เขาก็ไม่ได้คิดจะต่อต้านอยู่แล้ว
“จริงสิ เจ้าคิดว่า ข้าควรจะพาวิญญาณชั่วร้ายออกไปด้วยสักกี่ตัวดีล่ะ” อยู่ๆ เจียงหลีก็นึกขึ้นได้
เว่ยจี๋กลอกตาขาวใส่นาง แล้วพูดกระแนะกระแหนอย่างไรความปรานี “เจ้ารู้จักประมาณตนไหม ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าใช้มนต์ใดถึงยัดข้าลงไปในไหสุรา แต่นี่อาจเป็นอุบัติเหตุก็ได้ แล้วคงไม่เก กิดขึ้นอีก มิฉะนั้นดินแดนผนึกมารแห่งนี้ต้องวุ่นวายเป็นแน่”
“อย่างไรก็ต้องลองดูถึงจะรู้” เจียงหลีไม่ยอมถอดใจ
“เช่นนั้นเจ้าก็ลองดูสิ” เว่ยจี๋ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียงกับนางแล้ว ตอนนี้จิตใจเขาไม่สงบ ต้องการดื่มสุราสักหน่อย
เจียงหลีขมวดคิ้ว แล้วพูดกับตัวเอง “ข้าต้องลองอยู่แล้วล่ะน่า”
…
เจียงหลีออกมาจากห้องกลั่นสุราของเว่ยจี๋ แล้วกลับไปที่ห้องพักที่เรียบง่ายของนาง
จากนั้นวางไหสุราที่ดูดเว่ยจี๋เข้าไปเมื่อครู่นี้ลงบนโต๊ะหิน เจียงหลีจ้องไปที่ไหสุราลายดอกไม้สวยงามแล้วเข้าสู่ห้วงแห่งความคิด
เว่ยจี๋เล่าว่า กลองศิลาจารึกคือของวิเศษของเจ้าผู้สร้างจิ่วฮวงหรือดินแดนทั้งเก้า แต่ว่าตามตำนาน กล่าวว่าเพราะกลองศิลาจารึกหล่นลงมาจากฟ้า แล้วจึงทำให้ปฐพีแยกเป็นเก้าส่วนมิใ ใช่หรือ
ซือจุนยังเคยบอกอีกว่า จิ่วฮวงในปัจจุบัน ดำรงอยู่สามเผ่าพันธุ์ ปกครองดินแดนที่ต่างกัน หนึ่งในนี้จะมีส่วนที่เชื่อมโยงกันหรือไม่
อีกอย่าง เหตุใดข้าถึงสามารถพาเว่ยจี๋ออกไปได้
ข้าไม่ใช่ผู้ที่สร้างโลกใบนี้ขึ้นมาแน่นอน แล้วก็ไม่ใช่ภรรยาหรือบุตรธิดาของเขาด้วยนี่นา!
เจียงหลีขมวดคิ้วมุ่น เรื่องแบบนี้ต้องใช้สมองคิดเยอะๆ หน่อย ถึงอย่างไร การคิดแผนการชั่วร้ายไม่ใช่วิธีการที่เด็ดขาดของนาง หากให้วิเคราะห์และสรุปก็ไม่ใช่เรื่องที่นางโปรดปรานเ เช่นกัน
อยู่ๆ นางก็ยกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาตัวเอง สิ่งที่สามารถมีส่วนเกี่ยวข้องที่ยิ่งใหญ่พอๆ กับเทพเจ้าผู้สร้างโลกก็คือวิญญาณจักรพรรดิที่หลอมรวมอยู่ในร่างกายนาง และยังมี…รอยประท ทับพระชายาของเซ่าตี้!
“จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสิ่งนี้หรือไม่” เจียงหลีไม่แน่ใจเป็นอย่างยิ่ง
หลังจากครุ่นคิดอยู่นาน นางก็ยังไม่ได้ข้อสรุปที่เป็นประโยชน์ สุดท้ายนางก็เลิกคิด ทิ้งความสงสัยนี้ไปพร้อมกับความคิดที่จะใช้ทหารกั้นน้ำด้วยดิน
“ลองไปหาวิญญาณชั่วร้ายสักตนดีกว่า” เจียงหลีลุกยืนขึ้น แล้วหยิบไหสุราออกไปจากห้องสุสาน
…
เป็นดั่งที่เว่ยจี๋กล่าวเอาไว้ ไม่ว่าเจียงหลีจะทดลองกับวิญญาณชั่วร้ายที่สนิทด้วยไม่กี่คนอย่างไร ก็ไม่ปรากฏเหตุการณ์เหมือนดั่งเว่ยจี๋แบบนั้น


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์