“แผนการของเจ้า ปู่ไม่เคยเป็นกังวลเลย” ลู่วั่งชวนทั้งเอ็นดูทั้งปลื้มใจ
เขาเดินมาข้างหน้า ยกมือขึ้นมาตบเบาๆ ที่ไหล่ของหลานชายคนโตสองที “เจี้ยเอ๋อร์ ปู่เสียลูกชายและลูกสะใภ้ไปแล้ว เพื่อตระกูลลู่ เพื่อปู่ หรือว่าเพื่อเด็กผู้หญิงคนนั้น เจ้าต้องรักษาสุขภาพของตัวเองให้ดี ปู่จะหาวิธีช่วยเจ้าแน่นอน!”
“ขอบคุณมากขอรับท่านปู่ หลานทราบแล้วขอรับ” ลู่เจี้ยพยักหน้ามองต่ำ สีหน้ายังคงเย็นชา
ลู่วั่งชวนจากไป เขารู้ว่าลู่เจี้ยรักสงบ ก็เลยไม่ค่อยมารบกวน หลายปีมานี้ เขาที่เป็นนายท่านแห่งตระกูลลู่ กล่าวคือกำลังบำเพ็ญเพื่อเข้าสู่ขั้นหลิงจง
แต่ใครจะรู้ว่าเขาเป็นหลิงจงตั้งแต่หลายปีก่อนแล้ว หลายปีมานี้ก็ไม่ได้บำเพ็ญ แต่ว่าทัศนาจรอยู่ด้านนอก หาวิธีที่ดีมารักษาลู่เจี้ย
ในที่สุดเขาก็มีหวัง ผู้มีฝีมือในการรักษาขั้นหลิงหวังอาจจะสามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตเขาได้!
ถ้าหากครั้งนี้ไม่ใช่วิกฤตของตระกูลลู่ เขาจะไปหาหลิงหวังด้วยตัวเอง แต่ว่าทุกวันนี้ เขาไม่ได้รับจดหมายของหลานชาย ก็เลยจำเป็นต้องรีบกลับมาช่วยหลานชาย เรื่องของการตามหาคน ทำได้เพียงส่งต่อให้ผู้อาวุโสอีกสองท่านในตระกูล
ในจวน เงียบลงอีกครั้ง
ลู่เจี้ยหยิบหยกที่สวยงามออกมาจากเสื้อ หยกนี้ถูกแกะสลักอย่างงดงามมาก เขาใช้เนี่ยนลี่เป็นมีดเพื่อแกะสลักมันออกมา
โอ้ย ลู่เจี้ยกำหยกไว้ในมือแน่น ทันใดนั้นก็ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บ
พลังที่ทำร้ายร่างกายของเขานั้น เหมือนดังพายุอย่างไรอย่างนั้น กระทบกับร่างกายของเขา ถูกหยกในมือของเขาดูดไปหมด ขั้นตอนนี้เป็นอะไรที่เจ็บปวดมาก
ลู่เจี้ยอดทนเอาไว้อย่างแน่วแน่ ไม่ได้ส่งเสียงร้องอะไรออกมา เขาหลับตาหยี เหงื่อท่วมเต็มตัวไปหมด สีผิวซีดเซียวจนเป็นสีขาว กระดูกทั้งตัวมีเสียงสั่นดังออกมา
ถ้าหากว่ามีคนอยู่ข้างๆ แล้วมีความใส่ใจพอ ก็จะเห็นผมขาวท่ามกลางผมดำของเขา นี่เป็นสภาวะการหมดไปของอายุขัยอย่างรวดเร็ว
……
เจียงหลีตามลู่จ้านอยู่ มาถึงหน้าจวนที่ตั้งอยู่เดี่ยวๆ
ยังไม่เข้าไป ก็ได้ยินเสียงการฝึกฝนทักษะการต่อสู้ดังมากจากด้านใน
ลู่จ้านมองนาง แล้วก็ถอยออกมาลำพัง ภายใต้ความสงสัยของเจียงหลี ดันประตูแล้วเดินเข้าไป ก็เห็นร่างคนที่สูงใหญ่คนหนึ่ง
“พี่ใหญ่!” เมื่อมองเห็นใบหน้านั้นชัดแล้ว เจียงหลีพูดด้วยความดีใจ
นั่นคือใบหน้าของเจียงเฮ่า ไม่ใช่ใบหน้าของจิ่งเยี่ยอีกแล้ว
ทันทีที่ได้ยินเสียงของน้องสาว เจียงเฮ่าก็สงวนท่าที แล้วก็วิ่งมาหาน้องสาวด้วยความดีใจเช่นกัน “อาหลี! ในที่สุดเจ้ากลับมา!”
“เจ้ามาอยู่นี่ได้อย่างไร” อารมณ์ของเจียงหลีในตอนนี้ยังเป็นอารมณ์ที่ทั้งดีใจและประหลาดใจ
ตอนนี้นางเห็นเจียงเฮ่าเป็นพี่ชายแท้ๆ แล้ว
หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของเจียงเฮ่า เจียงหลีถึงได้รู้ว่าตอนที่อยู่เป่ยฝาง ลู่เจี้ยหาเจียงเฮ่าเจอจริงๆ และรู้ว่าเขาปลอมเป็นเป็นจิ่งเยี่ยตั้งนานแล้ว รู้ว่าเจียงเฮ่าเป็นพี่ชายของนาง ดังนั้นจึงพาเขากลับมาที่ตระกูลลู่เมืองซูหนาน
“เรื่องของตระกูลลู่ ข้ารู้แล้ว อาหลี เจ้ามีแผนอย่างไรบ้าง”
สองพี่น้องต่างเล่าเรื่องที่ตัวได้เจอมา เจียงเฮ่าถามนางด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เจียงหลียิ้มอย่างเย็นชา “ลู่เจี้ยหาหนทางให้ข้าแล้ว อยากให้ข้าและลู่เซวี่ยนไปจากโฮ่วจิ้น แล้วไปฝึกฝนต่อที่สถาบันไป๋หยวนเมืองซีเฉียน ข้าเดาว่าเขาดูออกว่าข้าจะยังไม่ไปจากตระกูลลู่ตอนนี้ ดังนั้นหลังจากที่เจอกันเมื่อกี้ ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้”
“เจ้าวางแผนจะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับตระกูลลู่รึ” เจียงเฮ่ารู้ความหมายในคำพูดของนาง
เจียงหลีพยักหน้า ไม่มีความลังเลเลยสักนิด
แววตาของเจียงเฮ่ามีความสับสนขึ้นมา เขามองนางนานมาก แม้แต่เจียงหลีก็ดูออกมาว่าเขามีอะไรในใจ ในขณะที่กำลังรอ ก็ต่างถามกันว่า “ช่างเถอะ ตระกูลลู่จะเอาชีวิตของฮ่องเต้สารเลวนั่น ข้าก็จะเอาชีวิตเขา ในเมื่อเจ้าตัดสินใจอยู่ที่นี่ต่อ ข้าก็อยู่ต่อด้วย ไปซั่งตูกับตระกูลลู่ด้วย เพื่อแก้แค้นให้กับตระกูลเจียง”
“ตระกูลลู่ยกกำลังทหารมารึยัง” ข้อมูลที่เจียงเฮ่าเปิดเผยออกมา ทำให้เจียงหลีล้มเลิกที่จะถามเรื่องอะไรในใจไปชั่วขณะ
เจียงเฮ่ายิ้มเล็กน้อย มองนางด้วยสายตาที่รักและเอ็นดู “ตามที่บอก เพียงแค่รอจังหวะอยู่”
จังหวะ?
เจียงหลีหรี่ตาทั้งสองข้าง เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์