เปลวไฟแห่งการปฏิวัติเริ่มลุกไหม้จากเป่ยฝาง ลุกลามไปถึงเขตการป้องกันทั้งสี่ทิศของโฮ่วจิ้น
จนมาถึงตอนนี้ มู่เจิ้งเฟิงที่นั่งอยู่บนที่นั่งพิเศษเพิ่งจะมีท่าทีโต้ตอบ เดิมเขาคิดว่านายทหารชั้นสูงที่ป้องกันพรมแดนจะจงรักภักดีต่อเขา ตอนนี้ได้ย้ายไปอยู่ข้างตระกูลลู่อย่างไม่รู้สึกรู้สา
“ตระกูลลู่! เจ้ามีความทะเยอทะยานสูงมากจริงๆ เสียด้วย!” ในพระราชวัง มู่เจิ้งเฟิงที่ได้ข่าวการก่อกบฏจากทั้งสี่ทิศ โกรธมากจนเป็นลมไป
เป็นอย่างที่หรงจิ่งพูดไว้ เมื่อลมมา ท้องฟ้าของราชวงศ์โฮ่วจิ้นเปลี่ยนไป
เป็นเพราะการกระทำของมู่เจิ้งเฟิง อะไรที่ต้องเกิดขึ้นในราชวงศ์โฮ่วจิ้นก็ต้องเกิด หลีกหนีไม่พ้นแล้ว
จนกระทั่งตอนนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่าศัตรูจริงๆ ของเขาคือใคร! เขาคิดว่าฆ่าลู่ซิ่งเฉาแล้ว ก็เท่ากับกำจัดตระกูลลู่ได้แล้ว แต่กลับไม่รู้มาก่อนเลยว่าคนที่ล้อมหมากของเขาไว้ ไม่ใช่ลู่ซิ่งเฉามาตั้งแต่ไหนแต่ไร!
มู่เจิ้งเฟิงไม่รู้ คนในใต้หล้าก็ไม่รู้เหมือนกัน
มีเพียงองค์ชายจิ่งผู้ไม่เป็นสองรองใครเท่านั้น ดวงตาใสแจ๋วคู่นั้นมองทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง
“นี่เป็นเหตุการณ์ที่น่าสนุก หรงจิ่งเตรียมเหล้าอย่างดีเพื่อรอชม อาเฉวียน ไปบอกนายท่าน ตระกูลหรงก็เอาด้วย แต่ไปยึดหน้าที่หลักไม่ได้” หรงจิ่งนั่งอยู่ในจวนที่โดดเดี่ยวของตัวเองอย่างอารมณ์ดีสุดๆ ดื่มเหล้าชมวิว ท่าทีที่สง่าผ่าเผยและสบายอกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“ขอรับ คุณชาย” อาเฉวียนรับคำสั่งแล้วจากไป ในใจนับถือองค์ชายของตัวเองเป็นอย่างมาก ในโลกนี้จะมีสักกี่คนที่สามารถทำได้เหมือนองค์ชายของเขา ตัวอยู่ที่โลกมนุษย์ แต่ใจอยู่ข้างนอก
……
เขตซูหนาน เมืองซูหนาน
“กษัตริย์ที่ไม่มีความเมตตา คนทั้งใต้หล้าต้องประณาม!”
“กษัตริย์ที่ไม่มีความเมตตา คนทั้งใต้หล้าต้องประณาม!”
เสียงคำขวัญดังเข้าไปในจวนท่านเจ้าเมือง เฮ่อเหลียนเฟิงสีหน้าไม่สู้ดีนัก ทำได้เพียงเผยรอยยิ้มที่น่าเกลียดกว่าร้องไห้ให้กับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
“ท่านเจ้าเมืองเฮ่อเหลียน การถูกใส่ร้ายของตระกูลลู่ต้องใช้เลือดล้างความผิด ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าท่านอยากจะใช้เลือดของตนเองและครอบครัว หรือว่าเลือดของราชนิกุลมาชำระล้าง” ลู่เจี้ยบรรจงนั่งลงบนที่นั่งของท่านเจ้าเมือง ราวกับฮ่องเต้อย่างไรอย่างนั้น
เขายังคงสวมชุดขาวทั้งตัว และยังผูกหม่อนและป่านไว้ที่เอว มันสวยที่สุดในใต้หล้า แต่เฮ่อเหลียนเฟิงกลับเห็นวิญญาณอาฆาตของตระกูลลู่ที่ลอยอยู่ด้านหลังเขา
มองซ้ายมองขวา
นายพลที่จวนท่านผู้ว่าราชการส่งมา ล้วนแต่ถูกมือดีของตระกูลลู่เอาชนะในกระบวนท่าเดียว ถ้าหากว่าเขาไม่ยอม เขาน่าจะรู้ดีว่าจุดจบของเขาจะเป็นอย่างไร
เขาไม่อยากเอาชีวิตของตัวเองไปเซ่นไหว้วิญญาณวีรบุษของตระกูลลู่
เฮ่อเหลียนเฟิงกัดฟัน ก้มหน้า คุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น พูดกับลู่เจี้ยว่า “กษัตริย์ไม่มีเมตตา คนทั้งใต้หล้าต้องประณาม เฮ่อเหลียนเฟิงยอมออกจากโลกมืดเข้าสู่โลกสว่าง ติดตามตระกูลลู่ เชื่อฟังคำสั่งของนายน้อย โค่นล้มโฮ่วจิ้นที่โหดเหี้ยมอำมหิต!”
ลู่เจี้ยยิ้มเล็กน้อย “ผู้รู้สถานการณ์เป็นผู้ที่มีสติปัญญาเป็นเลิศ ท่านเจ้าเมืองเฮ่อเหลียน อีกไม่นาน ท่านก็จะภูมิใจกับการเลือกของท่านในวันนี้”
เฮ่อเหลียนเฟิงกล้ำกลืนความขมขื่นในใจ ไม่รู้ว่าจะพูดตอบอย่างไร
ตระกูลลู่สามารถล้มเจ้าเมืองซูหนานได้อย่างง่ายดายโดยไม่สูญเสียพลทหารหรือม้ารบใดๆ และทำให้คนรู้ว่าการยึดอำนาจหลายปีมานี้ของตระกูลลู่ ไม่ใช่ว่าราชสำนักบอกให้จัดการก็จะสามารถจัดการได้
เมื่อได้ยินว่าข่าวคราว เฮ่อเหลียนเฟิงเป็นคนส่งสาส์นกราบทูลกลับไปที่ซั่งตู
สาส์นกราบทูลนั้น เหมือนกับเขียนใบรับรองให้ตระกูลลู่อย่างไรอย่างนั้น ทำให้มู่เจิ้งเฟิงโกรธจนกระอักเลือด
กระทั่งไม่สนการก่อกบฏจากทั้งสี่ทิศ จะรวมกำลังทหารเพื่อต่อต้านกบฏ เคลื่อนทัพตรงไปยังเขตซูหนานเพื่อเปิดศึกประจันหน้ากับตระกูลลู่เลย
……
ณ ราชสำนักซั่งตู บรรยากาศอึมครึมโกลาหลไปหมด
เมื่อมีคนนำ เสียงของการต่อต้านจากทุกที่ก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น แล้วก็คหบดี ต่างค่อยๆ โผล่ออกมาทีละคน
แต่ว่า ตระกูลลู่ที่สั่งทหารด้วยเหตุด้วยผลที่สุด หลังจากควบคุมเขตซูหนานได้ ทันใดนั้นก็เงียบไป
……
คำสั่งของลู่เจี้ย เจียงหลีไม่มีส่วนร่วม
สำหรับนางแล้ว ราชวงศ์โฮ่วจิ้นจะล่มสลาย แต่นางสนใจเพียงแค่การฆ่าคน ความเป็นอยู่ของลู่เจี้ย ถึงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์