“ลู่เจี้ยไม่ได้ขึ้นครองราชย์รึ”
หลังจากข่าวคราวด้านนอกพระราชวังไปถึงจวนหรง หรงจิ่งที่กำลังจิบชาอยู่ ใบหน้าที่สงบนิ่งเกิดความประหลาดใจขึ้นเล็กน้อย วางถ้วยชาในมือลง
“ขอรับ ลู่จ้านพูดเช่นนี้ หลังจากนี้สามวัน นายท่านตระกูลลู่ ลู่วั่งชวนจะขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้” อาเฉวียนยืนอยู่ตรงหน้าหรงจิ่งอย่างเคารพนอบน้อม นำข่าวที่ไปสืบ กลับมารายงาน
หรงจิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย วนนิ้วมือบนขอบถ้วยชาเบาๆ เขาพูดพึมพำกับตัวเองว่า “ลู่วั่งชวนก็แก่แล้ว ถึงจะมีพลังขั้นสูง แต่ก็เป็นคนแก่คนหนึ่ง ทำไมลู่เจี้ยถึงผลักดันเขา”
เดิมที่เขาคาดเดาไว้ตอนแรก คนที่จะขึ้นครองราชย์ต้องเป็นลู่เจี้ยเองอย่างแน่นอน!
แต่ทว่า แผนของลู่เจี้ยตอนนี้ กลับทำให้การคาดเดาของเขาผิดไป
“คุณชาย พวกเรา……” อาเฉวียนเงยหน้าขึ้น ถามอย่างระมัดระวัง
หรงจิ่งส่ายหัวช้าๆ “ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น”
“แต่ว่าฝั่งนายท่านนั้น……” อาเฉวียนมีความลังเลใจนิดหน่อย
มือที่เคลื่อนไหวของหรงจิ่งหยุดลง ในแววตาที่สดใสเหมือนมีความจำใจเล็กน้อย ท้ายที่สุดเขาถกแขนเสื้อ แล้วพูดกับอาเฉวียนว่า “ให้ท่านพ่อเตรียมเครื่องบรรณาการให้เรียบร้อย หลังจากนี้สามวันจะเข้าไปแสดงความยินดีกับฮ่องเต้พระองค์ใหม่ที่ขึ้นครองราชย์”
“ขอรับ!” อาเฉวียนรับคำสั่ง โค้งตัวแล้วถอยออกไป
……
ในพระราชวังอันสวยงามและเงียบสงบ เจียงหลีอมยิ้มอย่างซุกซน มองชายที่หมอบตัวเขียนหนังสืออยู่
เห็นเขาหยุดเขียน นางจึงพูดหยอกล้อว่า “ผู้เฒ่าลู่น่าจะเป็นฮ่องเต้ที่อายุเยอะที่สุดขณะที่ขึ้นครองราชย์ในประวัติศาสตร์แล้วกระมัง”
ลู่เจี้ยวางพู่กันลงไว้บนที่วาง เงยหน้ามองนาง “เจ้าควรเรียกท่านปู่ว่าท่านพ่อ หรือว่าท่านพ่อบุญธรรม”
เจียงหลีทำเสียงหัวเราะออกจมูก พูดอย่างหยอกล้อว่า “ท่านอยากจะเตือนข้าว่าท่านเป็นคนวางแผนเรื่องของข้ารึ” ให้นางเรียกลู่วั่งชวนว่าพ่อ ไม่มีทาง
ลู่เจี้ยเม้มปากหลุบตามองต่ำ ไม่ได้พูดอะไรต่อ
เห็นเขาเงียบไป เจียงหลียืนขึ้นมา เดินไปข้างหน้าโต๊ะแล้วมองตาเขา “ทำไมคนที่ขึ้นครองราชย์ถึงไม่เป็นท่าน หรือไม่ก็เป็นลู่เสวียนเจ้าเด็กหนุ่มนั่น”
ลู่เจี้ยตอบกลับอย่างสงบนิ่ง “ร่างกายของข้า ไม่สามารถทำงานหนักได้ เสี่ยวเสวียนก็ไม่มีคุณสมบัติพอจะขึ้นเป็นฮ่องเต้”
“เช่นนั้นตามที่ท่านพูด หลังจากรอให้ผู้เฒ่าอายุร้อยปี ราชวงศ์ที่ตระกูลลู่ของพวกท่านสร้างขึ้นมาจะไม่มีคนสืบทอด” เจียงหลีตั้งใจพูดโจมตีเขา
นางไม่ชอบมองเขาที่มองความเป็นความตายทะลุปรุโปร่งด้วยควาบสงบแบบนี้
“ไม่หรอก” ลู่เจี้ยตอบอย่างมั่นใจ
“……” เจียงหลีพูดมาออก เขาเอาอะไรมามั่นใจขนาดนี้
“มานี่” ทันใดนั้นลู่เจี้ยก็สั่งเจียงหลี
ได้ยินน้ำเสียงของเขา เจียงหลีพูดอย่างไม่สบายใจว่า “ตอนนี้ฐานะของข้าไม่เหมือนเดิมแล้ว ท่านต้องเคารพข้า”
ท่าทีที่เล่นแง่ของนาง ทำให้ลู่เจี้ยยิ้มเล็กน้อย ในแววตาปรากฏความเอ็นดูออกมา “ขอรับ ลู่เจี้ยขอเชิญท่านอามาดูนี่หน่อยขอรับ”
“นี่ยังถือว่าใช้ได้” เจียงหลีเชิดคางอย่างลำพองใจ
นางชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ๆ มองตัวหนังสือที่ลู่เจี้ยหมอบลงเขียนก่อนหน้านี้ “ราชวงศ์จยาเซียน?” นางเงยหน้ามองใบหน้าด้านข้างที่งดงามของชายผู้นี้อย่างงงัน
ใบหน้าด้านข้างที่สมบูรณ์แบบนั้น ทำให้คนหลงใหลจนตาลาย ทำให้คนอยากเข้าใกล้
เจียงหลีคิดแบบนี้ และก็ทำแบบที่คิด
จุ้บ!
แก้มที่ชุ่มชื้น ทำให้ลู่เจี้ยตัวแข็งทื่อ แววตาที่มืดครึ้มมองสาวน้อยคนนี้ที่ไม่มีความสำรวมเลยสักนิด
เจียงหลีกลับยิ้มจนตาทั้งสองข้างหยีลงคล้ายกับพระจันทร์เสี้ยว ยกมือขึ้นตบไหล่เขา “เด็กอย่างเจ้าช่างน่ารัก ผู้ใหญ่จูบก็เป็นเรื่องธรรมดามาก”
หางตาของลู่เจี้ยกระตุกเล็กน้อย เก็บสายตาลงอย่างช่วยไม่ได้


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์