ท่ามกลางเสียงหัวเราะของเฟิงสิงอวิ๋นกลับซ่อนคำเตือนและเจตนาฆ่ารวมอยู่ด้วย ทำให้แววตาขององค์ชายรองหม่นหมองลง
น่าเสียดายที่เขามิสามารถปลดปล่อยอาวุธ ณ ที่แห่งนี้ได้
เพราะสถานที่แห่งนี้คือสถานบันไป๋หยวน!
แม้ว่าเขาจะเป็นมียศถาบรรดาศักดิ์เป็นถึงองค์ชาย มาถึงที่แห่งนี้ก็ไม่สามารถนำทหารองครักษ์เข้ามาได้
การปรากฏตัวของเฟิงสิงอวิ๋น ทำให้สีหน้าของโจวยวนตึงเครียดทันที
นางไม่รู้จักเฟิงสิงอวิ๋นมาก่อน แต่นางรู้ว่าเพราะการปรากฏตัวของเขาอย่างกะทันหัน ทำให้แผนการของนางล้มเหลว การได้พบเจอกับลู่เสวียนและคนอื่นๆ เป็นเรื่องบังเอิญ และนางก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่าลู่เสวียนและคนอื่นๆ จะมาที่ซีเฉียน
แน่นอนว่าขณะที่เผชิญหน้ากัน เปลวไฟแห่งความอยากแก้แค้นในใจของนางก็เริ่มลุกโหมขึ้นมาอย่างรุนแรง เดิมทีนางต้องการยั่วยุความขัดแย้งระหว่างลู่เสวียนและคนอื่นๆ ในสถาบัน แต่การปรากฏตัวขององค์ชายรอง ทำให้นางรู้สึกว่าทั้งสามคนนี้อาจจะตายอย่างอนาถกว่าเดิมเสียอีก เพียงแต่มิได้คาดคิดว่าทุกอย่างจะหยุดชะงักไป เพราะการปรากฏตัวของเฟิงสิงอวิ๋นก่อกวนจนนางต้องเปลี่ยนแผน
“มาล้อมวงอะไรกันตรงนี้ ว่างกันมากเลยหรือ” อาจารย์จากสถาบันไป๋หยวนซีเฉียนที่มาพร้อมกับเฟิงสิงอวิ๋นมองไปทางทุกคนและกล่าวเตือน
ฝูงชนแยกย้ายอย่างรวดเร็วจากสถานที่แห่งนี้
องค์ชายรองและโจวยวนต่างมิได้เดินจากไป ทั้งสองจ้องมองไปที่พวกเจียงหลีทั้งสามซึ่งอยู่ตรงข้ามด้วยแววตาเป็นประกายไฟอย่างต่อเนื่อง
ทันใดนั้น อาจารย์ที่เอ่ยปากเตือนยืนขวางอยู่ตรงกลางระหว่างคนทั้งสองฝ่ายได้ปิดกั้นการมองเห็นของพวกเขา “พวกเขามีความแค้นอะไรส่วนตัว ข้าไม่สนใจ แต่ ณ สถาบันไป๋หยวนทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎของสถาบันแห่งนี้ มิเช่นนั้น…ฮึ” เสียงเย็นเยือกที่เต็มไปด้วยคำเตือนอันหนักแน่น ทำให้ในดวงตาอันหม่นหมองขององค์ชายรองสงบลง
เขายิ้มให้เจียงหลีโดยไม่ทราบสาเหตุและจับมือของโจวยวนแล้วหันหลังเดินจากไป “ยวนเอ๋อร์ ไปกันเถอะ”
โจวยวนมองไปที่ลู่เสวียนอย่างไม่เต็มใจ จากนั้นก็หันหลังจากไปพร้อมกับองค์ชายรอง
ทันทีที่พวกเขาเดินจากไป อาจารย์จากสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียนก็พยักหน้าให้แก่เฟิงสิงอวิ๋น และเดินก้าวยาวจากไปเช่นกัน
เวลานี้ เจียงหลีจึงได้โอกาสเอ่ยถาม “ท่านอาจารย์หนานเป็นห่วงพวกเราหรือ”
“ใช่” เฟิงสิงอวิ๋นพยักหน้า “เจ้าเป็นลูกศิษย์หัวแก้วหันแหวนของพี่ใหญ่ของข้า พอพวกเราได้รับข่าวว่าโจวยวนมาที่สถาบันไป๋หยวนและสนิทสนมกับองค์ชายยรอง พี่ชายใหญ่กลัวว่าจะมีคนมาหาเรื่องเจ้า จึงให้ข้ามาปกป้องเจ้าเป็นพิเศษ
เจียงหลีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“พอแล้ว ไม่ต้องแปลกใจ ไปกันเถอะ ข้าจะพาพวกเจ้าไปดูที่พัก” เฟิงสิงอวิ๋นนำพัดเคาะไปที่มวยผมของเจียงหลีและหันหลังนำทาง
ศิษย์พี่ที่นำทางมา ไม่รู้หายไปไหนเสียแล้ว
เกรงว่าจะเดินหายไปท่ามกลางความวุ่นวายนั้น
…
เจียงหลีกำลังฝึกฝนอยู่ที่ห้องพักในเวลากลางคืน
ช่วงเวลานี้ นางได้ฝึกฝนในเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อโดยตลอด ดูเหมือนว่านางจะรีบเร่งฝึกฝนในทุกช่วงเวลาจนติดเป็นนิสัยไปเสียแล้ว
ทันใดนั้น ขณะที่นางฝึกฝนอยู่ ก็รู้สึกจุกเสียดจากภายในร่างกาย
ความรู้สึกที่แหลกสลายในจิตใจ ทำให้นางกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และถูกบังคับให้ยุติการฝึกฝน แล้วล้มลงกับเตียง
“บัดซบ! ข้าเกือบจะบรรลุแล้วเชียว! ” เจียงหลีขดตัวแล้วจับผ้าห่ม เหงื่อไหลซึมออกมาจากผิวหนัง
นี่คือผลกระทบตามมาของการกลืนร่างวิญญาณ!
ช่วงหลายเดือนมานี้ นางฝึกฝนเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อ โดยกาลเวลาได้ไหลเร็วไปมาก แต่ก็ไม่เกิดกระทบใด นึกไม่ถึงว่าวันนี้นางเพิ่งออกฝึกฝน ก็เกิดผลข้างเคียงนี้ขึ้นอย่างคาดไม่ถึง
เจ็บ! เจ็บมาก! แต่ลู่เจี้ยกลับไม่อยู่ที่นี่! เจียงหลีสบถในใจ
ต่อมา พลังที่คุ้นเคยได้พุ่งออกมาจากลำคอของนางทันที และห่อหุ้มร่างกายของนางไว้ หลังจากที่ร่างกายดูดซับพลังงานนี้ไว้แล้ว ความรู้สึกเจ็บปวดที่ไม่ต้องการให้เกิดก็บรรเทาลงอย่างรวดเร็ว
“นี่มัน…” เจียงหลีฟื้นตัวเล็กน้อยและรีบหยิบจี้หยกที่คอออกมา ลู่เจี้ยมอบให้นางก่อนที่นางจะออกเดินทางและกำชับให้นางสวมใส่มันไว้ตลอดเวลา


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์