เดือนที่สามของการสถาปนาราชวงศ์จยาเซียน มีเพียงลู่เจี้ยเท่านั้นที่มิได้รับยศถาบรรดาศักดิ์ นี่มิเพียงแต่สร้างความสงบสุขให้แก่ราษฎร แต่ยังยึดครองรัฐฉู่ให้อยู่ในอาณัติได้อีกด้วย
ครึ่งปีหลังจากการสถาปนาราชวงศ์จยาเซียน ลู่เจี้ยต้องทำศึกสงครามกับราชวงศ์ต้าฉินและรบชนะตลอดทางภายในระยะเวลาเพียงสองเดือนเท่านั้น ก็สามารถโจมตีจากเป่ยฝางเข้าสู่เมืองหลวงของราชวงศ์ต้าฉินได้แล้ว
นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ณ ดินแดนแห่งหนานฮวง ไม่มีรัฐฉู่และอาณาจักรต้าฉินอีกต่อไป และอาณาเขตของจยาเซียนได้แผ่ไพศาลไปอย่างรวดเร็ว
เพียงชั่วพริบตา ก็มาถึงช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วงแล้ว และหลังจากนั้นเพียงเดือนกว่าก็จะเข้าสู่ช่วงต้นฤดูหนาว
ดูเหมือนจะเหนื่อยล้าหรืออาจมีแผนการอื่นรออยู่ การปล้นสะดมของราชวงศ์จยาเซียนจึงหยุดชะงักลง และมีข่าวลือเล็ดลอดออกมาว่าราชวงศ์จยาเซียนจะหยุดโจมตีเพราะ…ลู่เจี้ยล้มป่วย
ณ พระราชวังซั่งตูแห่งราชวงศ์จยาเซียน
ปลายฤดูใบไม้ร่วงหนาวเย็นและทุกอย่างแลดูหดหู่
ภายในตำหนักที่ไกลโพ้นและเงียบสงบนั้น มีเสียงไอดังขึ้นเป็นระยะๆ
ลู่วั่งชวนยืนอยู่นอกประตูของห้องโถงด้านใน และถอนหายใจอย่างต่อเนื่อง ความเศร้าโศกของเขาทำให้ดูแก่และซีดเซียวขึ้นเล็กน้อย
“เจี้ยเอ๋อร์ หากเจ้าเปลี่ยนใจ ข้าจะไปเชิญหลิงหวังกลับมา” ลู่วั่งชวนจำไม่ได้แล้วว่าเขาพูดเช่นเดียวกันนี้ไปกี่รอบแล้ว
แต่ทว่า ภายในห้องโถงด้านใน คำตอบของลู่เจี้ยนั้นก็หนักแน่นดังเดิม “ท่านปู่ได้โปรดยกโทษให้หลานชายที่อกตัญญูด้วย”
ลู่วั่งชวนเงยหน้าขึ้นและถอนหายใจ แล้วเดินจากไปอย่างจนปัญญา
ขณะนี้ ภายในห้องโถงด้านในนั้นร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ เตาให้ความร้อนในเรือนลุกไหม้ที่มุมทั้งสี่ของห้องโถง
แม้จะยังไม่ถึงช่วงฤดูหนาว แต่ลู่เจี้ยได้จัดเตรียมของใช้สำหรับป้องกันความหนาวเย็นไว้ล่วงหน้าแล้ว ซึ่งแม้แต่ตาข่ายกั้นลมก็ถูกแทนที่ด้วยผ้าสำลีแบบหนา
การปิดกั้นลมในฤดูใบไม้ร่วงนี้ กลับทำให้แสงสว่างในห้องโถงมืดสนิทลงไปมาก
ห้องโถงด้านในไม่มีคนนอก มีเพียงลู่เจี้ยที่สวมเสื้อคลุม เผยผิวซีดขาวและราศีอันอ่อนแอ นอกจากนั้นก็ยังมีคนถือถ้วยยา ซึ่งใบหน้าธรรมดาๆ นั้นเต็มไปด้วยความเศร้าโศกของเงารวมอยู่ด้วย
“นายน้อย สู้ไปรับองค์หญิงเสวียนเทียนกลับมาจะดีกว่าหรือไม่” เงาทนไม่ได้ที่เห็นลู่เจี้ยฝืนกลั้นความคิดของตัวเองไว้
ลู่เจี้ยส่ายศีรษะอย่างช้าๆ “อย่าไปรบกวนนาง”
“นั่น…จดหมายจากองค์หญิงเสวียนเทียน…” เงาเตือนสติอีกครั้ง
ลู่เจี้ยนิ่งเงียบ
ครึ่งเดือนก่อน เจียงหลีส่งจดหมายมาหนึ่งฉบับ
จดหมายระบุไว้ว่าไม่เกินสามเดือนจากนี้จะเป็นช่วงการสอบประจำปีของสถาบันไป๋หยวนซีเฉียน และการสอบครั้งนี้อนุญาตให้ญาติและเพื่อนฝูงมาสังเกตการณ์ได้ รวมถึงสามารถจัดกลุ่มและทำภารกิจของการสอบครั้งนี้ร่วมกันได้อีกด้วย
เจียงหลีหมายความว่าต้องการให้เขามาและเป็นคู่หูของนาง
ลู่เจี้ยปกปิดสภาพร่างกายของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยมมาโดยตลอด และมิอยากให้เจียงหลีรับรู้ แต่หากเขาเดินทางไปที่นั่น อาการป่วยของเขาคงเก็บซ่อนไว้ไม่อยู่เป็นแน่แท้ และหากไม่ไป ก็จะทำให้นางต้องผิดหวังเช่นกัน
“ไปเตรียมตัวเร็ว พรุ่งนี้พวกเราจะออกเดินทางไปซีเฉียนกัน” ลู่เจี้ยกล่าวอย่างช้าๆ หลังจากนิ่งเงียบไป
เงาอ้าปากค้างและอยากจะบอกว่าร่างกายของลู่เจี้ย มิสามารถต้านทานต่อความเร่งรีบเช่นนี้ได้
แต่เขารู้ดีว่าเมื่อเจ้านายของเขาตัดสินใจแล้ว จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
ทันใดนั้น เงาก็รู้สึกว่าเขาถามคำถามที่โง่มากออกไป การเคลื่อนไหวของราชวงศ์จยาเซียนหยุดชะงักอย่างกะทันหัน ซึ่งประจวบเหมาะกับช่วงเวลาที่จดหมายถูกส่งมาถึงแล้ว
ข้ากลัวว่านายน้อยได้ตัดสินใจไปตั้งแต่เวลานั้นแล้ว
เขาทนไม่ได้ที่จะทำให้นางผิดหวัง!
และไม่มีใครรู้ว่าการโจมตีของราชวงศ์จยาเซียนนั้นเกิดจากคนๆ เดียว ซึ่งมิใช่ลู่เจี้ย แต่เป็นเจียงหลี
ราชินี องค์หญิงเสวียนเทียนแห่งราชวงศ์จยาเซียนของพวกเขา!
“นายน้อย ท่านชายจิ่งมาขอรับ” บ่าวรับใช้รายงานจากด้านนอกห้องโถง ขัดจังหวะการถอนหายใจของเงา
ลู่เจี้ยค่อยๆ เงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ และพูดอย่างใจเย็น “ให้เขาไปรอในห้องอุ่น”
“ขอรับ” บ่าวรับใช้ก้าวถอยหลังออกไป
ลู่เจี้ยลุกขึ้นยืนและบอกกับเงาว่า “เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้าที”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์