ลู่เจี้ยยังไม่มาถึง…
“อาหลี เจ้ากำลังมองอะไรอยู่” เจียงเฮ่าสังเกตุเห็นว่าดวงตาของเจียงหลีจ้องมองแต่ที่ทางเข้าจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้น
“ไม่มีอะไร” เจียงหลีหรี่ตาและตอบกลับอย่างไม่ได้ตั้งใจ หรือว่า…เขาจะไม่มา
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ เจียงหลีกัดริมฝีปากอย่างหนัก ลู่เจี้ย! ถ้าเจ้าไม่มาข้าจะลงโทษเจ้าอย่างรุนแรง!
“ผู้สอบวัดผลและคู่ของตนเข้าสู่การสอบวัดผล” ผู้จัดสอบตะโกนอีกครั้ง
“พี่เฮ่า เจียง…เอ้อ…พี่สะใภ้…”
ลู่เสวียนที่เดินเข้าไปหาพวกเขาทั้งสองหลังจากประสานสายตาอันดุดันของเจียงหลีแล้ว ก็รีบเปลี่ยนชื่อเรียกทันที
แน่นอนเจียงเฮ่าไม่ชอบชื่อเรียกนี้ แต่เมื่อเห็นน้องสาวยอมรับมันไว้ เขาก็พูดอะไรมากไม่ได้
“เข้าไปกันเถอะ” ลู่เสวียนพูดอย่างขมขื่น
“ไม่รีบ รอก่อน” เจียงหลีกล่าวและตัดสินใจรอ
ลู่เสวียนและเจียงเฮ่ามองหน้ากันอย่างสงสัยและถามในใจว่า รอก่อนรึ รอใครกัน
ข้างๆ พวกเขามีผู้เข้าสอบอยู่หลายคนที่กำลังเดินเข้าไปในวงกลมสีทองที่วาดอยู่ด้านหน้า ลูกศิษย์ของสถาบันไป๋หยวนเหล่านี้บางคนเหมือนเจียงเฮ่าและลู่เสวียนที่มากันเป็นคู่ และบางคนได้นำผู้มากฝีมือของตระกูลมาช่วยเหลือตนด้วย
กฎของการวัดผลนี้ค่อนข้างแปลกและไม่มีข้อกำหนดสำหรับระดับการฝึกฝนของผู้มาช่วยเหลือ
ลูกศิษย์บางคนจึงไม่พอใจและออกไปประท้วง และเมื่อได้รับคำตอบว่าในโลกแห่งความเป็นจริง เจ้าจะได้เผชิญกับคู่ต่อที่มีสถานะใกล้เคืองกันอย่างนั้นหรือ
เมื่อคำตอบเช่นนี้ เสียงคัดค้านก็ค่อยๆ เงียบลง
ส่วนสถานที่วัดผลนั้น ลึกลับยิ่งกว่า!
จนถึงตอนนี้ ทุกคนที่เข้าร่วมการวัดผลต่างไม่รู้ว่าการวัดผลอยู่แห่งหนใดและเนื้อหาของการวัดผลคืออะไร!
…
วงล้อของรถม้าที่หมุนแล่นอยู่บนถนนหลักนอกเมืองอู๋เฉิงอย่างรวดเร็ว รวดเร็วจนล้อแทบจะหลุดจากพื้นกรวดหิน คนขับรถม้าก็เหินลอยไป ถ่มน้ำลายไป และเสียงม้าก็ร้องลั่น
“เร็วเข้า!” เสียงเร่งเร้าอย่างหนักดังมาจากในรถม้า
สิ่งนี้ทำให้คนขับกัดฟันและยกแส้ขึ้นเหวี่ยงไปที่ม้าอีกครั้ง
ฟิ้ววว!
ม้ากำลังเจ็บปวดและยกกีบหน้าขึ้นแล้วส่งเสียงร้อง
บริเวณด้านหลังของรถม้าก็เริ่มแกว่งไปมา
“นายน้อยยย!”
ฉากนี้สร้างความหวาดกลัวให้กับทหารองครักษ์ที่ขี่ม้าตามหลังอย่างมาก พวกเขารีบไปข้างหน้าโดยใช้ร่างกายควบคุมรถม้าที่แกว่งไปมา
“ไอ้สัตว์เดรัจฉาน!”
หลังจากที่รถม้าทรงตัวได้แล้ว คนขับรถก็ชักมีดสั้นออกมาจากแขน กระโดดกลางอากาศและแทงกริชเข้าที่คอของม้าที่อยู่นอกเหนือการควบคุม
เสียง ฟึบ ดังขึ้น
กริชเข้าไปในเนื้อและเลือดอุ่นก็พ่นออกมา ทำให้ใบหน้าและลำตัวของคนขับเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด
เวลานี้ ร่างของชายผู้หนึ่งลอยมาจากระยะไกลอย่างรวดเร็วและยืนอยู่หน้ารถม้า เผยให้เห็นถึงรูปร่างที่แท้จริง “นายน้อย ท่านเป็นอะไรหรือไม่”
“ข้าไม่เป็นไร เดินทางกันต่อเถอะ” เสียงอันอ่อนแอของลู่เจี้ยดังมาจากในรถม้า
ดวงตาของเงาอึดอัดชั่วครู่ และรวบรวมความกล้าที่จะเกลี้ยกล่อมเขา “นายน้อยพักร่างกายของท่านก่อนเถิด ท่านมิสามารถรับแรงกระแทกเช่นนี้ได้อีกต่อไป”
ในช่วงหกเดือนที่ผ่านมา ความเจ็บปวดจากการขาดแคลนเนตรญาณหนึ่งดวงของลู่เจี้ยได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
เนตรญาณที่ขาดหายไปหนึ่งดวง ทำให้ร่างกายเขาไม่เสถียร ราวกับเครื่องประดับตกแต่งเครื่องปั้นดินเผาอันเปราะบาง เมื่อเกิดการกระทบกระทั้ง ก็อาจทำให้เกิดรอยร้าวได้
เมื่อเครื่องปั้นดินเผานี้เต็มไปด้วยรอยร้าว ก็ถึงเวลาที่เขาจะ…


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์