“เจียงหลี! กว่าข้าหาตัวเจ้าเจอ!”
เสียงดังฟังชัดและโอหังลอยลงมาจากฟากฟ้า ดึงดูดเจียงหลีและคนอื่น ๆ ให้เงยหน้าขึ้นมอง
ที่นี่คือพื้นที่ของสถาบันไป๋หยวน นอกจากผู้เข้าสอบแล้ว บริเวณโดยรอบยังมีลูกศิษย์และคณาจารย์อีกมากมายที่ไม่ได้เข้าร่วมการสอบวัดผลในครั้งนี้
ประโยคนี้ดูเหมือนจะมีความหมายสำหรับศัตรูที่ต้องการแก้แค้น ทำให้คณาจารย์ของสถาบันไป๋หยวนระมัดระวังตัวอย่างลับๆ ขึ้นมาทันที
เจียงหลี นับตั้งแต่ฆ่าคนต่อหน้าเจียงซย่า ชื่อของนางก็เป็นที่รู้จักไปทั่วสถาบันไป๋หยวน
แต่ทว่า ไม่ว่าใครจะมา ‘ชำระแค้น’ ก็ตาม ขอเพียงเจียงหลียังเป็นลูกศิษย์ของสถาบันไป๋หยวน จะไม่ยอมให้คนอื่นมาหยามเกียรติกันถึงที่นี่เป็นอันขาด
เมื่อเทียบกับความตื่นตัวหรือความประหลาดใจของคนอื่นแล้ว เมื่อเจียงหลีได้ยินประโยคนั้น ร่างกายของนางราวจะระเบิดออกมาและสมองของนางก็เปลี่ยนเป็นว่างเปล่า ตูมมม ราวกับว่าขณะนั้นความแข็งแกร่งและพละกำลังทั้งหมดที่มีรวมอยู่ในดวงตาทั้งสอง แล้วจ้องมองไปที่เปลวไฟสีแดงที่ตกลงมาจากท้องฟ้า
“ฮึ เจียงหลีนี่ปัญหาเยอะเสียจริง…” โจวยวนพึมพำอย่างมีความสุข
หลังจากนั้น เมื่อนางเห็นเงาสีแดงร่วงมาเบาๆ นางถึงกับตะลึง ความประหลาดใจผุดออกมาจากดวงตาของนาง
“รูปงามอะไรเยี่ยงนี้!” เฉียนจวิ้นที่ยืนอยู่ข้างๆ อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
ชุดสีแดงพลิ้วไสวดุจดวงตะวันดั่งแสงเปลวไฟ
ซึ่งแม้แต่สีสันอันสดใสก็ไม่สามารถปกปิดความสง่างามที่มิอาจมีใครมาเทียบได้ ใบหน้าอันงดงามดวงตาที่คมชัด ดุจความงามแห่งไฟก็ไม่ปาน มีเสน่ห์และแพรวพราวนัก ผู้คนไม่สามารถเพิกเฉยและยอมจำนนต่อความงดงามนี้ไปได้เลย
ช่างสง่างามเหลือเกิน!
ช่างเป็นคนที่มากความสามารถยิ่งนัก!
ช่าง…เสียเหลือเกิน
เพียงชั่วครู่ ทุกคนต่างดื่มด่ำไปกับเสน่ห์อันเบ่งบานของเขา และคำพูดที่อธิบายถึงความงามในโลกนี้ก็ดูจืดจางและไร้พลังอำนาจลงไปเลย
ลูกศิษย์ทั้งหลายของสถาบันไป๋หยวนต่างรู้สึกประทับใจกับสีสันอันน่าตื่นตาตื่นใจนี้
ขณะที่ บรรดาคณาจารย์ของสถาบันไป๋หยวนกลับรู้สึกประหลาดใจและเหมือนมีมรสุมพายุพัดแรงผุดขึ้นในใจ พวกเขาไม่รู้สึกถึงพลังวิญญาณที่ผันผวนของผู้ที่จะมาเยือน แต่กลับรู้สึกถึงความแข็งแกร่งที่สุดกำลังเดินทางมา
ราวกับว่าต่อหน้าเขา ทุกอย่างบนโลกเหมือนสุนัขและมดก็ไม่ปาน
หากผู้มาเยือนแข็งแกร่งจริงๆ พวกเขาสถาบันไป๋หยวนจะรับมืออย่างไร
เจียงหลีผู้สร้างปัญหาเก่งจริงๆ ด้วย!
นึกไม่ถึงว่าคณาจารย์ของสถาบันไป๋หยวนจะตำหนิเจียงหลีในใจ
“ชิง…ชิงเกอ…” เจียงหลีงุนงงอยู่กับที่และพึมพำอย่างเหลือเชื่อ สายตาของนางจ้องมองไปตามร่างสีแดงนั้น และเฝ้ามองจนเขาค่อยๆ เข้าใกล้ตัวเอง “ข้าฝันไปใช่หรือไม่”
เมื่อได้ยินความไม่แน่ใจของนางเพียงเท่านี้ ริมฝีปากของมู่ชิงเกอก็โก่งโค้งขึ้นเล็กน้อยและเจตนาหยอกล้อนาง “ใช่แล้ว ดูสิว่าเจ้าอยากเจอข้ามากสักเพียงใด กลางวันแสกๆ เช่นนี้ยังฝันถึงข้าได้”
หลังจากพูดจบ นางก็ยื่นมือออกไปบีบจมูกเล็กๆ ของเจียงหลี
การกระทำนี้ถือว่าแปลกมากสำหรับมู่ชิงเกอในความทรงจำของเจียงหลี อย่างไรก็ตาม นางกลับมองทะลุจนเห็นถึงความจนปัญญาและความทุกข์ใจในดวงตาของมู่ชิงเกออย่างชัดเจน
“มู่! ชิง! เกอ!”
ทันใดนั้นเจียงหลีซึ่งกำลังเซื่องซึมคว้ามือของมู่ชิงเกอที่ยังไม่ทันได้ชักกลับและตะโกนเรียกชื่อที่ค้างคาในใจมาหลายปี
“ข้าเอง” รอยยิ้มที่มุมปากของมู่ชิงเกอแพร่กระจายไปยังดวงตาอันสดใสของนาง นางมองไปที่เจียงหลีอย่างสนใจและพูดล้อเลียน “ร่างปัจจุบันของเจ้าคือ…เอ่อะ…”
ก่อนที่จะพูดจบ เจียงหลีรู้สึกถึงการเหยียดหยามที่ซ่อนอยู่
นางหัวเราะเยาะและมองหน้าเขาอย่างขมขื่น “เจ้าก็ไม่คิดบ้างเลยหรือว่าที่ข้ากลายเป็นแบบนี้เพื่อใครกัน!”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์