ขณะที่เขาขยับตัวนั้นประดุจกับเมฆหมอกเลือนลาง และเมื่อเขานั่งลงกลับรู้สึกเหมือนเป็นราชาแห่งฟ้าดินที่ทำให้ทุกคนรู้สึกต่ำต้อย
ลู่เจี้ยนั่งอยู่บนที่นั่งด้วยดวงตาที่เกียจคร้านและปล่อยตัวตามสบาย เขามองไปที่ฮ่องเต้ซีเฉียนและไม่ใส่ใจกับการจ้องมองที่ก้าวร้าวจากดวงตาคู่นั้นแล้วกล่าวเสียงแผ่วเบา “ขอบพระทัยฝ่าบาทสำหรับการต้อนรับในครั้งนี้”
เขามาได้อย่างไร ไม่ได้บอกว่าจะจากไปแล้วหรือ เหตุใดฮ่องเต้ซีเฉียนถึงรู้ว่าเขาจะมา! และเตรียมที่นั่งไว้ให้ล่วงหน้าเช่นนี้! การปรากฏตัวของลู่เจี้ย ทำให้เจียงหลีสับสนในใจ
“ทำไมพี่ใหญ่ถึงมาที่นี่ได้” ลู่เสวียนพึมพำด้วยความงุนงง
นางไม่อยากให้ลู่เจี้ยต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้!
“ท่านทั้งหลายนั่งลงก่อนเถิด” ฮ่องเต้ซีเฉียนไม่ได้ใส่ใจเช่นกัน และใบหน้าอันยิ้มแย้มของเขากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่โดยมิอาจล่วงรู้ได้
“วันนี้ข้าอยากเลี้ยงฉลองให้แก่ผู้ถูกเลือกของสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียนและแสดงความยินดีกับนางที่ทำลายสถิติหลายรายการในการสอบวัดผลของทางสถาบัน เจ้ารู้หรือไม่ว่านางเป็นใคร” ฮ่องเต้ซีเฉียนตรัสตรงไปตรงมา
เขาไม่ต้องพูดอะไร เพราะเมื่อเขามองไปที่เจียงหลี ทุกคนล้วนมองไปที่เจียงหลีแล้ว ซึ่งแม้แต่ลู่เจี้ยเองก็มิได้ยกเว้น
เหล่าขุนนางแห่งซีเฉียนจดจ้องไปที่เจียงหลี ทั้งสำรวจและทั้งสงสัย
“ท่านทั้งหลายคงจะยังไม่รู้จักผู้ถูกเลือกคนนี้นัก นางคือองค์หญิงเสวียนเทียนจากอาณาจักรจยาเซียน” ฮ่องเต้ซีเฉียนตรัสเสริมอีกประโยค
อะไรนะ
จากอาณาจักรจยาเซียนหรือ!
ขุนนางซีเฉียนแสดงสีหน้าตกใจ
พวกเขารู้ผลการสอบวัดผลของทางสถาบันไป๋หยวน แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าเจียงหลีมาจากอาณาจักรจยาเซียน ดังนั้น พอฮ่องเต้ของพวกเขากล่าวเช่นนี้ ขุนนางเหล่านี้จึงถึงกับตกใจ
เจียงหลีเก็บความนึกคิดไว้ด้วยการใบหน้าขี้เล่น
นางไม่ได้ขัดจังหวะการพูดของฮ่องเต้ซีเฉียน แต่เฝ้าดูเขาการแสดงของเขาต่อไปด้วยรอยยิ้มที่มีความหมายลึกซึ้ง
“บังเอิญที่เมื่อสองวันก่อนข้าได้ทราบข่าวการมาเยือนของราชวงศ์จยาเซียน ดังนั้น วันนี้จึงมีแขกผู้มีเกียรติถึงสองท่าน”
คำพูดของฮ่องเต้ซีเฉียน ทำให้ดวงตาของเจียงหลีจดจ้องไปที่ลู่เจี้ยอีกครั้ง
ความงดงามของลู่เจี้ยเป็นที่รู้จักกันดีในดินแดนหนานฮวง
ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องแนะนำเขาอีก เพราะขุนนางซีเฉียนเหล่านี้สามารถคาดเดาสถานะของเขาได้อยู่แล้ว ซึ่งเวลาหนึ่งปีกว่าที่ลู่เจี้ยเป็นที่รู้จักไม่ใช่เพียงเรื่องความงดงามเท่านั้น
ผู้ที่ปกครองจยาเซียนก็ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้ มีความตื้นลึกหนาบางอะไรแฝงอยู่กันแน่
“องค์หญิงเสวียนเทียนรู้ก่อนหรือไม่ว่านายน้อยลู่จะเดินทางมาถึงซีเฉียนของข้า” ฮ่องเต้ซีเฉียนถามเจียงหลีกะทันหัน
เจียงหลีกำลังจะตอบ แต่กลับพบว่ามีแสงอันคลุมเครือซ่อนอยู่ในดวงตาของเขา ทำให้นางรู้สึกอึดอัด ทันใดนั้น นางก็นึกถึงสิ่งที่เฉียนลี่เคยเล่าว่าเสด็จพ่อของเขาพ่ายแพ้ให้กับชายหนุ่มและหญิงสาวรูปงาม!
ดวงตาของเจียงหลีหม่นหมอง แต่ใบหน้ากลับยิ้มแย้มและเอ่ย “ไม่รู้มาก่อนจริงๆ เพคะ”
“หากเป็นเช่นนั้น วันนี้ก็ถือว่าสร้างความประหลาดใจให้แก่องค์หญิงแล้ว” ฮ่องเต้ซีเฉียนตรัส
“เพคะ! เป็นเรื่องน่าประหลาดใจจริงๆ เพคะ” ดวงตาของเจียงหลีกวาดไปที่ลู่เจี้ย
หลังจากลู่เจี้ยปรากฏตัว โจวยวนได้บังคับตัวเองให้สงบสติอารมณ์และไม่หุนหันพลันแล่น แต่ความเกลียดชังในดวงตาคู่นั้น มิอาจเก็บซ่อนไว้ได้
และลู่เจี้ยเองก็สังเกตเห็นถึงความเกลียดชังนั้น จึงชายตามองด้วยแววตาสงบนิ่ง จากนั้นก็มิได้สนใจนางอีกเลย
ขณะที่โจวยวนหลังจากถูกลู่เจี้ยกวาดสายตามอง นางก็รู้สึกราวกับถูกจับให้เข้าไปอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง ทำให้ร่างกายสั่นสะท้านจากความหนาวเย็น แล้วนางก็มองไปที่ลู่เจี้ยด้วยความตกใจ และสำหรับความงดงามของชายผู้นี้ที่มิอาจสาธยายออกมาเป็นคำพูดได้ ก็ปรากฏความน่าหวาดกลัวอย่างต้านทานไม่ได้กะทันหัน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า…! ดี ทุกคนมากันพร้อมแล้ว เริ่มงานเลี้ยงได้” ฮ่องเต้ซีเฉียนยกมือขึ้นโบก นางรำที่รออยู่ด้านข้างนานแล้วจึงเดินออกมาทีละคนและร่ายรำกลางเวที
นางรำเหล่านี้ยังเด็กเกินไปและหนึ่งในนั้นเกรงว่าจะมีอายุเพียงสิบสองสิบสาม


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์