“ลู่เจี้ยไอ้คนบ้า!” เจียงหลีคว้าเก้าอี้ที่ขาหักขว้างไปที่ประตูอย่างแรง
น่าเสียดาย ขณะที่เก้าอี้กระแทกกับตาข่ายป้องกันหน้าประตูกลับระเบิดเป็นเสี่ยงๆ และกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น โดยมิอาจทำร้ายลู่เจี้ยได้เลย
“หลีเอ๋อร์ เด็กดี” ลู่เจี้ยเกลี้ยกล่อมเสียงทุ้มต่ำ
ยิ่งทำให้เจียงหลีโกรธมากขึ้น นางด่าทอว่า “ท่านให้ข้าเชื่อท่าน ข้าก็เชื่อแล้ว ท่านล่ะ กลับโกหกข้า!”
แต่ลู่เจี้ยกลับค่อยๆ ยิ้ม “หากเป็นเช่นนั้น ก็เกลียดข้าเถิด”
ในขณะที่เขาพูด เขาค่อยๆ หันหลังให้นางและก้าวออกไป “การฝึกฝนเนี่ยนซือของเจ้าสู้ข้าไม่ได้ เลยทำลายตาข่ายป้องกันนี้ไม่ได้ และการฝึกฝนหลิงซือของเจ้าก็อ่อนแอเกินไป ทำลายมันไม่ได้เช่นกัน หลีเอ๋อร์ หนทางที่เจ้าต้องก้าวเดินยังอีกยาวไกล ความอ่อนแอนอกจากจะทำให้ตัวเจ้าเป็นผู้ถูกกระทำแล้ว ก็จะทำให้เจ้าสูญเสียสิ่งต่างๆ มากมาย หลีเอ๋อร์ แข็งแกร่งขึ้นเถิด! “
“ก่อนที่เจ้าจะกลับ ยังไม่ลืมที่จะสั่งสอนข้าอีกหรือ!” เจียงหลีตะโกน
นางทั้งโมโหและทั้งปวดใจ
การอดกลั้นของลู่เจี้ย ความนิ่งเงียบของลู่เจี้ย ความทุ่มเทของลู่เจี้ย ทำให้นางแทบบ้าคลั่ง นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าชายคนนี้กำลังบอกกับนางว่าการมีชีวิตอยู่นั้นโหดร้ายและโชคชะตาก็โหดร้ายด้วยเช่นกัน
แม้ว่าเขาจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับนางได้ แต่หากนางไม่เข้มแข็งพอ นางก็ต้องอดทนต่อการถูกบีบบังคับ
ลู่เจี้ยหยุดเดินและไม่ได้หันกลับไปมอง
ริมฝีปากของเขาขยับเล็กน้อยและไม่ได้พูดต่อ
สุดท้ายแล้ว เขาก็ก้าวเท้าออกไป และเดินทีละก้าวจนพ้นสายตาของเจียงหลี หลีเอ๋อร์ ปล่อยให้ข้าเห็นแก่ตัวอีกครั้งเถิด ร่างกายของข้าเริ่มแตกสลายแล้ว ข้าไม่อยากให้เจ้ามาเฝ้าข้า และมองดูข้าล้มลงและตายไปในที่สุด ปล่อยให้ร่างข้าตอนนี้ได้อยู่ในใจของเจ้าเถิด หลีเอ๋อร์ เจ้าต้องมีความสุข การจากลาครั้งนี้ อาจต้องรอถึงชาติหน้าถึงจะได้พบกันใหม่ ข้าเชื่อมั่นว่าชาติหน้ามีจริง เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะต้องอยู่เคียงข้างเจ้าไม่ไปไหนชั่วชีวิต
ในที่สุดเงาของลู่เจี้ย ก็ได้หายไปจากสายตาของเจียงหลี
นางจ้องมองไปทางที่เขาเดินจากไปอย่างสุขุมและตะโกนว่า “ลู่เจี้ยยย!” ความเสียใจในใจของนาง ทำให้น้ำตารินไหลออกมาจากดวงตาอันสดใสและไหลหยดลงตามมุมตาและแก้มของนางอย่างเงียบๆ
นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าครั้งนี้อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เจอหน้ากันในชาตินี้
“ข้ามีเรื่องจะพูดมากมายที่ยังไม่ทันได้บอกท่าน ทำไมท่านถึงใจร้ายกับข้าได้ถึงเพียงนี้” เจียงหลีพึมพำหัวใจของนางเหมือนถูกฉีกเป็นชิ้นๆ
…
ลู่เจี้ยจากไปโดยมิได้พักค้าง
เขากลัว กลัวว่าหากตนยิ่งอยู่นาน ก็จะเสียใจในภายหลัง และจะพาเจียงหลีกลับไปโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใดเลย
ก่อนที่จะจากไป เสียงกรีดร้องเหมือนใจจะขาดของเจียงหลี ทำให้หัวใจของเขาแตกสลายเช่นเดียวกันทำให้เขาแทบจะต้องอาศัยการหนี ถึงจะเดินออกจากสถาบันไป๋หยวนได้
รถม้าขับแล่นออกจากเมืองอู๋อิ๋นอย่างเงียบๆ และยิ่งขับยิ่งไกลออกไป ยิ่งขับยิ่งไกลออกไป…
บนรถม้า สีหน้าของลู่เจี้ยค่อนข้างเฉื่อยชาราวกับว่าเขากำลังนึกย้อนบางสิ่งอยู่ และวิญญาณในร่างกายของเขาดูเหมือนจะถูกพรากไปครึ่งหนึ่งในเพียงชั่วครู่ ทำให้หัวใจของเงาหวาดกลัว กลัวว่าเขาจะจากไปได้ทุกที่ทุกเวลา
หากไม่ใช่เพราะมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของลู่เจี้ยเป็นครั้งคราว เงาคงคิดว่าเขา…
ห้ามขยับ! หากขยับอีกอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ! คนรูปงามอย่างเจ้า ข้ามิอาจทำลายได้หรอก!
นั่นเป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบเจอกัน นางออกกลอุบายและลากเขาลงน้ำ แล้วพยายามหาทางหลบหนี
โชคดีที่ตอนนั้นมิได้หลง ‘เล่ห์เหลี่ยม’ จนทำให้นางหลบหนีสำเร็จ!
ลู่เจี้ยอมยิ้มเล็กน้อย ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลประการใดสมองของเขาถึงเต็มไปด้วยเรื่องราวของเขากับเจียงหลีหลังจากที่ได้พบเจอกัน
เจ้าไม่ใช่เจียงหลี เจ้าเป็นใครกันแน่
หากข้าบอกว่าข้าเป็นราชินี เจ้าจะเชื่อหรือไม่
ดวงตาที่สดใส รอยยิ้มที่มั่นใจ ความเย่อหยิ่งที่มิอาจดูหมิ่น และความสูงศักดิ์แต่กำเนิดชัดเจนในความทรงจำของเขาจนเขาไม่สามารถลืมมันได้ แม้ว่าเขาจะอยากลืมมันก็ตาม
ลู่เจี้ย นับจากนี้ไป ข้าจะปกป้องท่านเอง
การแสดงออกที่เย่อหยิ่งเช่นนี้ ทำไมเขาถึงคิดว่าน่ารักและรู้สึกชอบไปได้ เขาชอบที่จะได้รับการปกป้องและรักโดยเอาอกเอาใจเต็มที่ได้อย่างเผด็จการและรุนแรงเช่นนี้
เรียกท่านอาเร็ว!
คิ คิ! บนรถม้า จู่ๆ ลู่เจี้ยก็หัวเราะขึ้นมา ดวงตาสีเขียวครามที่ค่อนข้างมืดมนคู่นั้นเต็มไปด้วยความรักหมดใจ


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์