รู้สึกเช่นไร
หรงจิ่งแอบเลิกคิ้วกับประโยคนี้ที่ดูเหมือนยั่วยุเล็กน้อย ลู่เจี้ยต้องการทำอะไรกันแน่ เขายิ้มเล็กน้อยและพูดเสียงเรียบ “นายน้อยเป็นผู้เก่งกาจมากจริงๆ และเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่หรงจิ่งมิอาจเอาชนะท่านได้”
ความถ่อมตนของเขา กลับมิได้ทำให้ลู่เจี้ยภาคภูมิใจ
ลู่เจี้ยมองไปที่เขาด้วยแววตาลุ่มลึกเล็กน้อย ทำให้ไม่สามารถคาดเดาได้
ภายใต้การจ้องมองของเขา จิตใจที่เงียบสงบของหรงจิ่งกลับร้อนรน
“ข้าได้ยินมาว่าห้องของคุณชายจิ่งมีรูปวาดขององค์หญิงเสวียนเทียนจริงหรือไม่”
การสอบถามกะทันหันเช่นนี้ ทำให้รอยยิ้มของหรงจิ่งแข็งทื่อและถึงกับ ‘สะดุ้ง’ ในใจ และในขณะนั้นเองเขาดูเหมือนรู้สึกอับอายหลังจากทำความผิดแล้วถูกจับได้
อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นหรงจิ่งก็กลับมาสงบนิ่งเช่นเดิม “นายน้อยลู่รู้ทุกการจัดวางในห้องของข้าดีจริงๆ”
ประโยคนี้เป็นการตอบคำถามของลู่เจี้ยอย่างอ้อมๆ โดยไม่ต้องสงสัย
ภายในห้องของเขาแขวนรูปวาดที่วาดเจียงหลีด้วยตัวเองไว้จริงๆ
ทำไมถึงวาดรูปนั้นได้ หรงจิ่งก็ไม่ทราบสาเหตุเช่นกัน ราวกับว่าหลังจากที่ได้พูดคุยกับลู่เจี้ยครั้งที่แล้ว อีกฝ่ายได้เอ่ยถึงเจียงหลี ทำให้เขานึกถึงเรื่องรางต่างๆ ของหญิงสาวผู้นี้ หลังจากกลับมาถึงบ้าน เขารู้สึกไม่สบายใจเพราะเขาฝันถึงใบหน้าอันเล็กๆ และความยืนหยัดไม่ยอมจำนนนั้นในตอนกลางดึก ซึ่งความทรงจำเหล่านี้ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น
ในที่สุดเขาก็หยิบพู่กันและวาดรูปนางอย่างเงียบๆ
“องค์หญิงเสวียนเทียนงดงาม ทำให้คุณชายจิ่งผู้มีชื่อเสียงเกรียงไกรปฏิบัติต่อนางพิเศษเช่นนี้ ย่อมเป็นเรื่องปกติ” ลู่เจี้ยด้วยรอยยิ้ม
คำพูดของเขาทำให้ความสับสนผุดขึ้นในดวงตาของหรงจิ่ง
ความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงระหว่างเจียงหลีและลู่เจี้ยนั้น เขาพูดได้เลยว่าชัดเจนที่สุด และตกใจกับความรักอันลึกซึ้งระหว่างคนทั้งสองที่มองเห็นกับตาตัวเอง
จนบางครั้งเขาก็สงสัยว่าเป็นเพราะเขาอิจฉาลู่เจี้ยที่มีคนคอยปกป้องอย่างสุดหัวใจอยู่เคียงข้าง จึงทำให้เขาปรากฏความรู้สึกบางอย่างต่อเจียงหลีอย่างสาธยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้
นี่หรือที่เรียกกันว่าความสัมพันธ์ระหว่างอากับหลาน…
เขาไม่คิดว่าลู่เจี้ยจะเป็นคนที่ปฏิบัติตามกฎระเบียบเหล่านั้น
แต่ทว่า ลู่เจี้ยพูดคำเหล่านี้ออกมาได้อย่างชัดเจนเช่นนี้ มันหมายความว่าอย่างไร
หรงจิ่งเป็นคนใจกว้าง แม้ความลับในใจจะถูกเปิดเผย เขาก็ไม่ปกปิดต่อไป “องค์หญิงเสวียนเทียนเป็นผู้หญิงที่แปลกและเป็นผู้หญิงที่ดี”
“ใช่ แต่น่าเสียดายนัก เจ้าไม่มีทางได้ใจนาง” ลู่เจี้ยโค้งมุมปากขึ้น ซึ่งรอยยิ้มนั้นแฝงไปด้วยความชั่วร้าย
หรงจิ่งขมวดคิ้วและครุ่นคิดความหมายของคำพูดลู่เจี้ย
ลู่เจี้ยพูดต่อ “ใจของนางอยู่กับข้า เจ้าก็รู้ ข้ามีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ถึงแม้ข้าจะจากไป ก็จะนำหัวใจของนางไปด้วย”
หรงจิ่งขมวดคิ้วหนักเข้าไปอีก
ทันใดนั้น เขาก็พูดด้วยเสียงดุดัน “ลู่เจี้ย เจ้าไม่ใช่คนเห็นแก่ตัวเช่นนั้น”
“ข้าใช่” ลู่เจี้ยยิ้มบางๆ ซึ่งรอยยิ้มนั้นทำให้หรงจิ่งมองไม่ออกว่าจริงหรือปลอม
หรงจิงลุกขึ้นดัง ฉึบ อย่างรวดเร็ว และนี่เป็นครั้งแรกที่ทำตัวไม่สงบนิ่งต่อหน้าลู่เจี้ย เขาด่าทอลู่เจี้ย “เจ้ายอมให้นางอยู่คนเดียวและมีชีวิตอยู่ด้วยความคิดถึงอย่างนั้นหรือ ให้นางโดดเดี่ยวเดียวดาย เหมือนตายทั้งเป็นอย่างนั้นหรือ เจ้าเห็นแก่ตัวถึงขั้นให้นางรักใครไม่ได้อีกเลย!”
เจียงหลีรักใครไม่สำคัญ ผู้หญิงดีเช่นนี้ หรงจิ่งรู้สึกเพียงว่านางควรได้พบเจอกับรักดีๆ
“เจ้าสงสารรึ” ลู่เจี้ยถามอย่างติดตลก

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์