เรื่องของตระกูลหรงยังไม่ทันได้เกิดขึ้น ลู่เจี้ยก็ได้จัดการทุกอย่างไว้หมดแล้ว เจียงหลีเลยมิได้ครุ่นคิดเรื่องนี้ต่อ
นางลุกขึ้นเดินอออกจากตำหนักฉางเซิงและเดินไปยังตำหนักของฮ่องเต้แห่งอาณาจักรจยาเซียนลู่วั่งชวน
“เงาส่งคนไปที่ซีเฉียนเพื่อพาลู่เสวียนกลับมา” เจียงหลีสั่งการระหว่างทาง
เงาไม่ได้ปรากฏตัว แต่นางรู้ว่าเขาจะทำตามที่นางสั่ง
ข่าวการเสียชีวิตของลู่เจี้ยกำลังถูกส่งไปยังซีเฉียนอย่างรวดเร็ว ลู่เสวียนผู้ซึ่งเป็นหยวนอ๋องคงจะต้องเผชิญกับภัยอันตรายอย่างแน่นอนและอาณาจักรซีเฉียนต้องปรากฏความเคลื่อนไหวใหม่ๆ ในไม่ช้า
ดังนั้น ให้ลู่เสวียนกลับอาณาจักรโดยเร็วที่สุดจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ
ณ พระราชวัง ไม่ว่าจะเดินผ่านที่แห่งใดล้วนมองเห็นแต่ผ้าไว้ทุกข์สีขาว เจียงหลีจึงหายใจเข้าลึกๆ และพยายามสงบสติอารมณ์
ลู่เจี้ยจะต้องกลับมา! จะต้องกลับมาอีกแน่นอน! นางเอาแต่พูดกับตัวเองในใจ
เมื่อนางเดินทางมาถึงตำหนักของลู่วั่งชวนและผลักประตูบานใหญ่นั้น บรรยากาศโศกเศร้าวังเวงได้พุ่งตรงเข้ามาหานาง
“เจ้ามาแล้วหรือ” เสียงของลู่วั่งชวนดังมาจากด้านใน
ชายชราผู้นี้…
เจียงหลีก้าวเข้ามายังห้องโถงที่มืดสนิทและการตกแต่งอย่างเรียบง่าย โดยไม่มีความหรูหราของราชวงศ์เลย “ข้ามาแล้ว”
เสียงของเจียงหลีเบาลงโดยไม่รู้ตัว
นางมองไปที่ชายชราซึ่งนั่งอยู่ในตำแหน่งบนสุด โดยที่เขาสวมใส่ชุดธรรมดา ไม่ได้สวมชุดมังกร และใครจะเชื่อว่าชายชราผู้นี้คือฮ่องเต้แห่งอาณาจักรจยาเซียน
หนึ่งปีกว่าที่ผ่านมา เขาสูญเสียลูกชายเพียงคนเดียวกับลูกสะใภ้ไป ตอนนี้สูญเสียหลานชายคนโตไปอีกคน แม้ว่าเขาจะเป็นหลิงจงอันทรงพลังก็ตาม ตอนนี้ก็ซูบผอมและแก่ลงเล็กน้อยแล้ว
ผลกระทบจากความเป็นและความตายเป็นเรื่องที่ทรหดที่สุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งให้คนผมขาวส่งคนผมดำ
เจียงหลีหยุดอยู่ตรงหน้าลู่วั่งชวน แล้วเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ชายชราซึ่งนั่งอยู่ที่นั่งนั้น การเสียชีวิตของลู่เจี้ยแม้ว่าเขาจะทำใจไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว แต่ก็ยังคงได้รับผลกระทบมากอยู่ดี
และแม้ว่านางจะใช้นามขององค์หญิงใหญ่ และมีสถานะเป็นบุตรบุญธรรมของตระกูลลู่ก็ตาม นางกลับไม่เคยเรียกเขาว่า เสด็จพ่อ
เมื่อมองไปที่ชายชรา เจียงหลีก็อ้าปากเรียกไม่ได้
ลู่วั่งชวนดูเหมือนจะรับรู้ถึงความลำบากใจของนาง จึงโบกมือว่า “เรียกข้าว่าเสด็จปู่ตามเจี้ยเอ๋อร์เถิด”
เจียงหลีหายใจเข้าลึกๆ และตะโกนออกไปอย่างง่ายดายว่า “เสด็จปู่”
“เด็กดี” ลู่หวังฉวนยิ้ม
เจียงหลีอยู่ในอารมณ์ที่สับสนมาก นางอยากจะพูดปลอบลู่วั่งชวน แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี สุดท้ายก็พูดได้แค่ว่า “เสด็จปู่อย่าได้เศร้าใจมากเช่นนี้เลย ลู่เจี้ยจะต้องกลับมา”
ดวงตาของลู่วั่งชวนขยับเบาๆ และสบตานาง “เจ้าแน่ใจหรือ”
เจียงหลีพยักหน้าโดยไม่ลังเล “เขาสัญญากับข้าไว้ และข้าก็เชื่อเขา! “
“ดี! ดี! ดี!” ลู่วั่งชวนตะลึงไปชั่วขณะ และพูดคำว่าดีต่อกันถึงสามครั้งทันที ขณะที่เจียงหลีไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร
หลังจากนั้น ลู่วั่งชวนก็พูดขึ้น “ได้รับพระราชโองการแล้วหรือไม่”
เจียงหลีผงะเมื่อรู้ว่าเขากำลังพูดถึงอะไร นางจึงพยักหน้า “การจัดเตรียมของเจี้ยเอ๋อร์ เจ้ายินดีจะรับมันไว้หรือไม่”
ดวงตาของเจียงหลีเป็นประกายและถาม “หากข้ายอมรับแล้วอย่างไร ไม่ยอมรับแล้วอย่างไร”
หลังจากฟังนางพูดจบ ลู่วั่งชวนก็เงยหน้าขึ้นยิ้ม หลังจากยิ้มเสร็จ เขาก็ผายมือและมองไปที่เจียงหลี “เจ้าก็เห็นแล้ว ตระกูลลู่เรานอกจากลู่เจี้ยแล้วก็ไม่มีใครเหมาะสมที่จะเป็นฮ่องเต้ เขามอบอาณาจักรจยาเซียนให้กับเจ้า ก็ต้องเชื่อในตัวเจ้าอยู่แล้ว เกรงว่าตอนนี้เจ้าคงจะคาดเดาออกแล้วว่าตอนนั้นที่ให้ข้ารับเจ้าเป็นบุตรบุญธรรมก็เพื่อมอบสถานะที่มีน้ำหนักมากเพียงพอนี้ให้กับเจ้า และไม่ได้รีบร้อนให้เจ้าขึ้นครองราชย์ แต่กลับให้ข้ามารับหน้าแทน ก็เพื่อช่วยเจ้าจัดการกับอุปสรรคทั้งหมดให้มากที่สุด ให้เวลาเจ้าเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก่อนจนสามารถปราบมารสี่ทิศได้”
ดวงตาของเจียงหลีหรี่ลงและหม่นหมอง
นางรู้ว่า “มารสี่ทิศ” จากปากของลู่วั่งชวน หมายถึงวิญญาณสัมภเวสีที่ไม่พอใจกับสภาพที่เป็นอยู่


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์