นางไม่คิดว่าเพิ่งจะเริ่มต้น ก็ต้องใช้หินวิญญาณจำนวนมากมายเพียงนี้ ยิ่งไปกว่านั้นตัวนางเองรู้สึกว่าในเวลาที่ดูดซับมันมีพลังจางๆ ในการกลืนกิน
“ต้องคิดวิธีเพื่อหาหินวิญญาณให้เจออีก” การฝึกฝนถูกยุติลงอย่างกะทันหันเนื่องจากมีหินวิญญาณไม่เพียงพอ ทำให้เจียงหลีรำคาญใจเล็กน้อย
ทันใดนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นและมองไปที่หน้าต่างบานเล็กและเห็นร่างที่อยู่นอกหน้าต่างบานเล็กนั้น รอยยิ้มแปลกๆ ได้ผุดขึ้นจากแก้มของเจียงหลี
อย่างไรก็ตามลู่จ้านที่ยืนอยู่นอกหน้าต่างบานเล็กนั้น รู้สึกขนลุกเล็กน้อยเพราะรอยยิ้มของนาง
อันตราย ต้องหนีก่อน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา สัญชาตญาณระหว่างความเป็นและความตายได้พัฒนาขึ้น ทำให้ลู่จ้านมีสัญชาตญาณในการรับรู้ หากในใจของเขาปรากฏความรู้สึก ‘ต้องหนี’ เขาจะไม่ลังเลและหันหลังกลับทันที
…
“ใต้เท้าลู่จ้าน”
แน่นอนว่าเสียงตะโกนนี่ทำให้เขา ‘ขนลุก’ และทำให้ขาของเขาต้องยืนอยู่กับที่
ลู่จ้านยิ้มอย่างขมขื่น เขาทำได้แต่หันกลับไปและถามด้วยใบหน้าที่เย็นชาว่า “มีอะไรหรือ”
ทั้งที่รู้แต่ก็ยังจะถาม! เจียงหลีนึกกลอกตาในใจ
ทำไมนางถึงไม่เชื่อว่าลู่จ้านผ่านมาทางนี้โดยบังเอิญ เห็นได้ชัดว่าเขามาที่นี่โดยมีเจตนาและมายืนอยู่ที่นี่มานานแล้วเขาต้องเห็นอย่างชัดเจนถึงกระบวนการดูดซับพลังวิญญาณของนางแล้ว ด้วยระดับของเขาต้องรู้แน่ว่าหินวิญญาณเหล่านั้นยังไม่เพียงพอ
“ใต้เท้าลู่จ้าน ท่านมีหินวิญญาณหรือไม่” เจียงหลีถามด้วยรอยยิ้ม
มุมปากของลู่จ้านกระตุกเบาๆ
เจ้าเด็กคนนี้ ตั้งแต่ที่เข้าสู่ถ้ำเก้าปีศาจไม่เคยเรียกเขาว่าใต้เท้าลู่จ้านและมักจะเรียกโดยที่ไม่ระบุยศตำแหน่ง มาวันนี่กลับสุภาพและเคารพขึ้นมาในทันใด เป็นเพราะมีแผนการอื่นเป็นแน่
อย่างไรก็ตามความเร็วและปริมาณการดูดซับของนางนั้นแปลกจริงๆ ลู่จ้านคิดในใจ เขาเดินไปข้างหน้าและหยุดอยู่ข้างหน้าต่าง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนส่วนใหญ่เริ่มการฝึกดูดซับพลังวิญญาณ หินวิญญาณหนึ่งแผ่นก็เพียงพอที่จะดูดซับสามวัน”
และนางเพิ่งดูดซับหินวิญญาณทั้งหมดในมือของนางในคืนเดียว หินวิญญาณเหล่านั้นถูกส่งมอบโดยเขารวมทั้งสิ้นมีสิบสองชิ้น
เจียงหลีตกใจ
ปรากฏว่าการดูดซับของตนนั้นแตกต่างจากคนอื่นแน่ นางสงบสติอารมณ์และตอบด้วยรอยยิ้มว่า “นี่แสดงว่าข้าไม่ใช่คนธรรมดาน่ะสิ”
เหอะๆ
ลู่จ้านหัวเราะในใจอย่างเยือกเย็น นางไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ คนที่มีเนตรญาณเก้าดวงจะธรรมดาได้อย่างไร
“คนธรรมดาที่ฝึกฝนและดูดซับหินวิญญาณสิบก้อนใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือน พวกเขาสามารถบรรลุระดับเต็มและผสานเข้ากับวิญญาณยุทธ์ตัวแรก ตอนนี้เจ้าอยู่ในระดับแรกและยังไม่เต็มระดับ แต่เจ้ากลับสูบหินวิญญาณในจำนวนมากไปแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าเมื่อไปถึงช่วงท้ายเจ้าจะต้องการหินวิญญาณมากขึ้นเรื่อยๆ” ลู่จ้านกล่าวอีกครั้ง
เจียงหลีขมวดคิ้วเมื่อนางได้ยินและน้ำเสียงของนางก็เย็นลง “ใต้เท้าลู่จ้าน ถ้าท่านไม่ต้องการให้ข้ายืมหินวิญญาณก็ไม่เป็นไร ทำไมต้องมาพูดมากมายเพียงนี้ด้วย ไม่คาดคิดเลยว่าลู่จ้านจะเป็นคนตระหนี่”
ฮึ่มมม ลู่จ้านตะคอกอย่างเย็นชา “พูดจาประชดประชันไปใย หินวิญญาณข้าจะให้แก่เจ้าแน่ นายน้อยสั่งการมาว่าภายในสามเดือนให้ฝึกฝนระดับเจ้าให้ขึ้นมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ข้าจะไม่ฝ่าฝืนคำสั่งของนายน้อย แต่เจ้าต้องเข้าใจว่าตระกูลลู่และนายน้อยให้ความสำคัญแก่เจ้าอย่างไร และใช้ทรัพยากรการฝึกอบรมจำนวนมากเพื่อเจ้า ในอนาคตเจ้าอย่าทำให้เจ้านายน้อยผิดหวัง”
สิ่งที่ลู่จ้านกลัวก็คือการใช้ทรัพยากรเพื่อเลี้ยงดูผู้ที่ไร้มนุษยธรรม

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์