“ขอสงบศึกอย่างนั้นหรือ”
เจียงหลียิ้มขึ้นมาอย่างหยอกเย้า นางเอาจดหมายเจรจาเพื่อสันติที่ซีเฉียนส่งดูอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็โยนไว้บนโต๊ะ
เจียงเฮ่ายิ้มเล็กน้อย แล้วพูดว่า “เล่ากันว่าหลังจากที่ข่าวการแพ้อย่างย่อยยับของทหารซีเฉียนแพร่ไปถึงเมืองอู๋เขิ่น ฮ่องเต้แห่งซีเฉียนโมโหมาก จนฆ่าข้าราชบริพารไปหลายคน เดิมที่วางไว้คือส่งทหารมาบุกอีก แต่ว่าถูกคนขององค์ชายรองห้ามไว้ บอกว่าเพราะพวกเราอยู่ในชัยชนะ ต้องหลีกเลี่ยงการปะทะ ขอสงบศึกก่อน ทำให้ความกล้าหาญฮึกเหิมของพวกเรากลับคืนมา รอให้เตรียมการอย่างรอบคอบ หลังจากนั้นค่อยเปิดศึกอีกครั้ง”
ที่มาของข่าวคราว มาจากสายสืบของราชวงศ์จยาเซียนที่แทรกซึมอยู่ในประเทศซีเฉียน
เจียงหลียิ้มอย่างสดใสมากขึ้น เพียงแต่สายตาที่มีความเยาะเย้ยและความหยอกเย้ากลับยิ่งชัดเจนมากขึ้น “เช่นนั้นก็ให้พวกมันมาเถอะ”
“จะตอบรับการเจรจาเพื่อสันติจริงๆ รึ” เจียงเฮ่าขมวดคิ้ว
เจียงหลียิ้มแล้วพูดว่า “มีเรื่องหนึ่งที่ประเทศซีเฉียนพูดถูก นั่นก็คือตอนนี้ไม่ใช่เวลาสู้รบที่ดีที่สุด” แววตาที่ใสสะอาดของนาง เหมือนว่ามองทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง
ผู้บังคับบัญชาทหารซีฝางแห่งราชวงศ์จยาเซียนกลับมองนางด้วยความไม่เข้าใจ
เหมือนรับรู้ได้ว่าคนฝ่ายตนเองอยากรู้ เจียงหลีหรี่ตาทั้งสองข้างเล็กน้อย หุบยิ้มแล้วพูดว่า “การยกกำลังรับมือครั้งนี้ พวกเราก็ฉุกละหุก ไม่ทันได้ตั้งตัว ถ้าจะเปิดศึกจริงๆ พวกเราและซีเฉียนก็ล้วนแต่ไม่ได้เตรียมการอย่างรอบคอบ ยิ่งไปกว่านั้นในราชวงศ์ของข้า ยังมีคนที่อยากได้ราชบัลลังก์ของข้าอีกหรือ”
“เช่นนั้นการเจรจาเพื่อสันติคงจำเป็นแล้วใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” ผู้บังคับบัญชาทหารซีฝางถาม
เจียงหลีพยักหน้า “การเจรจาเพื่อสันติก็คือการเจรจาเพื่อสันติ แต่ว่าก็ดูถูกพวกเขาไม่ได้”
ผู้บัญชาการทหารซีฝางและเจียงเฮ่าสบตากัน เข้าใจว่าฝ่าบาทได้มีแผนการในใจแล้ว
…
ขบวนการเจรจาเพื่อสันติของซีเฉียนจะมาถึงนอกเมืองซู่หยวนในวันที่สิบที่ส่งจดหมายเจรจาเพื่อสันติมาถึง นอกจากขุนนางที่มาเจรจาแล้ว ห่างออกไปห้าลี้จากสถานที่เจรจาสงบศึก เป็นดินแดนของซีเฉียน มีกองกำลังทหารหนึ่งแสนคนอยู่
เจียงหลีรู้ว่านี่คือการกดดันนางของฮ่องเต้แห่งซีเฉียน
เหมือนว่า ถึงแม้ว่าซีเฉียนเป็นผู้ขอสงบศึกเอง แต่ก็ยังคงไม่ยอมก้มหัวที่สูงศักดิ์นั้นและคุกเข่าต่อหน้าราชวงศ์จยาเซียน
สถานที่เจรจาสงบศึก เลือกเป็นศาลาอำลาที่หนึ่งนอกเมืองซู่หยวน
ศาลานี้ต้องไปทางเหนือ แล้วเดินไปอีกหนึ่งลี้ ก็จะเป็นดินแดนของซีเฉียน พูดได้ว่าในหลายๆ ครั้ง ศาลามักถูกคนพื้นที่ เอามาเป็นสถานที่สุดท้ายของสุ่ยหัน เป็นสัญลักษณ์ว่าเข้าสู่ซีเฉียนแล้ว
เสียงลมหวีดหวิว ธงพลิ้วไสว
กองกำลังทหารของราชวงศ์จยาเซียน ตั้งขบวนอยู่ด้านนอกศาลาอำลาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ยาวเหยียดไม่ขาดตอน
ในตอนที่ขุนนางที่จะมาเจรจาสงบศึกนำกองกำลังทหารหนึ่งพันคนมาถึง ทันใดนั้นหน้าก็ซีดขึ้นมา ขาสั่นไปหมด
เขาได้ยินมาว่ากองกำลังทหารที่ถูกส่งมาก่อนหน้านี้ ไม่มีใครได้กลับไปสักคน!
จักรพรรดินีพระองค์ใหม่ที่ขึ้นครองราชย์นี้ไม่ควรมีเรื่องด้วย! เขาพูดในใจ ในขณะเดียวกัน ก็ด่าคนพวกนั้นที่ส่งเขามาเป็นคนที่รับงานนี้
“ใต้เท้าหลี่ ไม่ต้องกลัว” ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจดังขึ้นมาจากด้านหลัง ทำให้เขาใจสงบขึ้น
หลี่ชังมองไปคนที่พูดขึ้นมาอยู่ด้านหลังด้วยหางตา เผยรอยยิ้มที่สอพลอ แล้วก็พูดว่า “อีกเดี๋ยวก็เจรจาสงบศึกแล้ว จักรพรรดินีแห่งจยาเซียนต้องกลั่นแกล้งข้าเป็นแน่ ถึงเวลาคงต้องพึ่งท่านแล้ว” พูดจบ เขาที่สีหน้าเคร่งเครียดก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย หลังจากที่รู้ว่าจักรพรรดินีแห่งจยาเซียงเป็นหลิงไซว่ในกองกำลังครั้งนี้ ฮ่องเต้แห่งซีเฉียนตั้งใจส่งหลิงไซว่ขั้นสูงจากในวังมาเพื่อเสริมกำลังให้เขา


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์