ข้ายอมแพ้!
คำพูดสามพยางค์ของเฉียนจวิ้นนี้ค่อนข้างมีพลัง
บางที อาจเป็นเพราะวันนี้เขาประสบกับเหตุการณ์ต่างๆ มากมายจนทำให้เขาปล่อยวาง สำหรับเขาแล้วมันไม่สำคัญว่าซีเฉียนจะตกเป็นของใคร แต่สิ่งที่สำคัญคือเขาจะลากบิดาอันเป็นที่รักและน้องชายที่แสนดีลงนรกไปด้วยกัน
เจียงหลีหันไปมองเขาด้วยแววตาที่ชื่นชมอย่างเปิดเผย “หากตอนที่เราทั้งสองรู้จักกัน เจ้าเป็นเช่นนี้ บางทีเราอาจจะเป็นเพื่อนกันก็เป็นได้”
เฉียนลี่ชะงักและมองไปที่ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของนางด้วยอารมณ์ที่สับสนในใจ
“เจียงหลี! อย่าฆ่าข้า! ได้โปรด อย่าฆ่าข้า! ข้าไม่อยากตาย ข้าไม่ต้องการบัลลังก์แล้ว! ขอเพียงแค่เจ้าไว้ชีวิตข้า” ทันใดนั้น เฉียนจวิ้นคุกเข่าลงกับพื้นด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมากและร้องขอชีวิตจากเจียงหลี
เขาเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าดีและตอนนี้เขาไม่สามารถพลิกกลับมาชนะ หากอยากมีชีวิตรอด ก็ต้องขอร้องเจียงหลีเท่านั้น
เจียงหลี จ้องมองไปที่เฉียนจวิ้นและพูดอย่างดูแคลนว่า “เป็นองค์ชายเหมือนกัน แต่เจ้าดูห่างชั้นจากเขานัก”
“เฉียนจวิ้น!” โจวยวนตะโกนเสียงแหลม
เขาจะมาคุกเข่าร้องขอความเมตตาได้อย่างไร!
ยิ่งไปกว่านั้นคือมาขอร้องศัตรูของนาง
หลังจากนั้น เสียงของนางทำให้เฉียนจวิ้นรู้สึกตัว ชี้ไปที่นางและพูดกับเจียงหลีว่า “นางมีความแค้นกับพวกเจ้า แต่ข้าไม่มี”
เฉียนจวิ้นหวาดกลัว!
เขายอมรับแล้ว ยอมรับแล้วว่าเขากลัวเจียงหลี เขาทั้งอิจฉาและหวาดกลัวเจียงหลี ณ สนามสอบวัดผล เจียงหลีออกอาวุธประโคมใส่เขาสองครั้ง ทำให้ขณะที่เขาเคียดแค้นนางในใจอยู่นั้น ก็มีความหวาดกลัวอย่างมากรวมอยู่ด้วย
โจวยวนมองหน้าชายผู้อ่อนแอที่นั่งคุกเข่าด้วยความตกใจ นี่คือชายที่นางฝากความหวังว่าจะช่วยนางล้างแค้นให้กับแคว้นของนางหรอกหรือ
เจียงหลีส่ายหน้าช้าๆ และดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นชา
นางมองไปที่ฮ่องเต้ซีเฉียนและยิ้มอย่างสดใส “ฮ่องเต้ซีเฉียน พูดกันตามตรง ข้าอยากถามท่านจริงๆ ว่าตอนนี้ท่านรู้สึกอย่างไร แต่ข้ามีเวลาจำกัด ข้าไม่อยากรอต่อไปแล้ว”
พอนางพูดจบ นางหุบยิ้มและสั่งการกับกลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังว่า “ฆ่า…! ไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว!”
…
ณ พระราชวังซีเฉียน การเข่นฆ่าได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
แต่ครั้งนี้ไม่ใช่การต่อสู้จากหลายฝ่าย แต่เป็นการสังหารหมู่จากฝ่ายเดียว ขณะเดียวกัน กองทัพของอาณาจักรจยาเซียนที่อยู่นอกเมืองอู๋อิ๋นประดุจทหารของเทพเจ้าก็กระโจนเข้าสู่ความโกลาหลนั้น
มีดแหลมคมของเจียงหลีทิ่มแทงเข้าหัวใจและทำลายล้างทั้งอาณาจักรซีเฉียน
ในวังหลวงแห่งนี้ ไม่มีใครขัดขวางการสังหารหมู่นี้
ลู่เสวียนยืนอยู่ตรงข้ามโจวยวนด้วยสีหน้าเย็นชา
โจวยวนยิ้มอย่างประชดประชัน “นึกไม่ถึง สุดท้ายแล้วข้าก็พ่ายแพ้”
“ในเมื่อเจ้าหนีออกไปได้แล้ว ก็ไม่ควรเข้ามาพัวพันกับเรื่องพวกนี้อีก” ลู่เสวียนพูดช้าๆ
“ไม่ควรหรือ” รอยยิ้มบนใบหน้าของโจวยวนยิ่งอยู่ยิ่งปรากฏความประชดประชัน “หากเจ้าเป็นข้า อยู่ในตำแหน่งเดียวกับข้า เจ้าจะทำเช่นไร ลู่เสวียน สิ่งที่ข้าไม่เสียใจที่สุดคือชอบเจ้า แต่ความผิดพลาดอันยิ่งใหญ่ของข้าก็คือการชอบเจ้าเช่นกัน! ”
ลู่เสวียนส่ายหัวช้าๆ “ความเกลียดชังทำให้เจ้าตาบอด”
“หยุดพูดจาด้วยคำพูดสวยหรูเหล่านี้! ตอนเจ้าสังหารสมาชิกเชื้อพระวงศ์ของซั่งตู เจ้าเองก็ถูกความเกลียดชังบังตามิใช่หรือ” โจวยวนโต้กลับเสียงดัง
“…” ลู่เสวียนพูดไม่ออก
เขามิอาจไม่ยอมรับคำพูดของเจียงหลี มันไม่ง่ายเลยที่จะตัดสินความถูกผิด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความแค้นที่ถูกทำลายล้างบ้านเกิดเมืองนอน ตกลงใครกันแน่ที่ทำผิดต่อกันก่อน ใครกันแน่ที่ปลุกปั่นทุกอย่าง ก็มิอาจพูดได้ชัดเจนแล้ว
เขารู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดจากการสูญเสียคนรัก ดังนั้นจึงเข้าใจความรู้สึกของโจวยวน
“หากเป็นเช่นนี้ เราทั้งสองต่อสู้กันสักตั้งเถิด” ลู่เสวียนยกมือขึ้น แสงสีทองที่อยู่ด้านหลังส่องประกาย
โจวยวนยิ้ม โดยรอยยิ้มนั้นไม่มีความเศร้าหมองปนอยู่เลย “ไม่เลว เราทั้งสองควรต่อสู้กันนานแล้ว ข้าฆ่าเจ้าเพื่อล้างแค้นให้กับท่านแม่ เจ้าฆ่าข้า ข้าจะได้หลุดพ้น”
คำพูดของนาง ทำให้ดวงตาของลู่เสวียนกระตุก
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์