“คณะทูตจากเป่ยโหรวหรือ” เจียงหลีเลิกคิ้วขึ้นอย่างประหลาดใจ
แม้ว่าทั้งสองแคว้นจะไม่ได้เป็นศัตรูกันโดยตรง แต่สถานการณ์ตึงเครียดมากเช่นนี้ พวกเขามาที่นี่เพื่อกระทำการสิ่งใด
อวี้ซูพยักหน้า “คาดการณ์ว่าอีกประมาณครึ่งเดือนจะเดินทางมาถึงเพคะ”
“หากเป็นเช่นนี้…พวกเขาออกเดินทางตั้งแต่ตอนที่อาณาจักรซีเฉียนยังไม่ได้ล่มสลาย” เจียงหลีคำนวณเวลาในใจ
“ฝ่าบาท เราต้องจัดเตรียมขบวนต้อนรับหรือไม่เพคะ” อวี้ซูถาม
เจียงหลีพยักหน้า “แน่นอน” นางหรี่ตาและยิ้มอย่างมีเลศนัย “ผู้มาเยือนคือแขก ราชวงศ์จยาเซียนของเราจะเสียมารยาทไม่ได้”
อวี้ซูพยักหน้าและถอยหลังออไป
หลังจากที่นางเดินออกไป เจียงหลีเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกครั้งและถอนหายใจในใจ นี่ท่านจะมาเมื่อไหร่
…
ณ ทะเลแห่งดวงดาวที่ไร้พรมแดน เสินอวี่และอวี้ฉีกำลังรอคอยอย่างประหม่าในวังเซ่าตี้ ที่ซึ่งใหญ่โตและกว้างใหญ่กว่าหนานฮวงรวมกันไม่รู้เท่าไหร่
ทั้งสองนิ่งเงียบและบรรยากาศแลดูน่าเบื่ออย่างมาก
ซึ่งไม่มีแม้แต่การประสานตากัน สถานที่ๆ พวกเขาเฝ้าอยู่นั่นคือ สถานที่ฝึกฝนขององค์จักรพรรดิเซ่าตี้
ครั้งที่แล้ว พวกเขาทั้งสองแอบตามเส้นทางขององค์จักรพรรดิและบังเอิญพบเจอกับสาเหตุของความผิดปกติขององค์จักรพรรดิในช่วงเวลานี้ แต่ก็ถูกเซ่าตี้จับได้เช่นกัน
สองวันต่อมาองค์จักรพรรดิเซ่าตี้ก็กลับมาตามสัญญา แต่ไม่ทันจะได้ลงโทษพวกเขา ก็ได้รีบไปเก็บตัวฝึกฝน และมีเพียงเหตุผลเดียวคือพลังนั้นเริ่มปรากฏขึ้นอีกครั้งแล้ว
หลังจากเฝ้ารออยู่นาน เสินอวี่ก็ขมวดคิ้ว ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล “รอบนี้ การกลับชาติมาเกิดขององค์จักรพรรดินานเกินไป”
“เป็นเพราะผู้หญิงคนนั้น” สีหน้าของอวี้ฉีตึงเครียดเช่นกัน
เสินอวี่ถอนหายใจเงียบๆ
“องค์จักรพรรดิกลับชาติมาเกิดเป็นเวลานานเพราะพลังนั้น และไม่สามารถล้มเหลวในช่วงสุดท้ายได้” อวี้ฉีกัดฟัน และดวงตาเป็นประกาย
เสินอวี่สัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าของเขาและเตือนว่า “เจ้าอย่าแม้แต่จะคิดนะ”
อวี้ฉีเงยหน้าขึ้นมองเขา เจตนาฆ่าในดวงตาค่อยๆ ดับลง
เสินอวี่เกลี้ยกล่อม “เจ้ากับข้าติดตามองค์จักรพรรดิมานานหลายหมื่นปี แต่เจ้าเคยเห็นองค์จักรพรรดิใส่ใจผู้หญิงเช่นนี้หรือไม่”
“เป่ยหงต้าเจ๋อผู้นั้น…”
“เวลานั้นผู้นั้นพูดติดตลก องค์จักรพรรดิยังไม่เคยคิดจริงจังเลย ทำไมเจ้าต้องพะวงใจตลอดเวลาด้วย” เสิ่นอวี่ขัดจังหวะเขา
มุมปากของอวี้ฉีกระตุกเบาๆ และกระซิบ “ข้าคิดว่ามีเพียงผู้นั้นที่คู่ควรกับองค์จักรพรรดิ” ผู้หญิงจากโลกจิ่วฮวงคนนั้นไม่มีอะไรเลย
“องค์จักรพรรดิมีทางเลือกของตัวเอง ข้ากับเจ้าไม่มีสิทธิเข้าไปยุ่งเกี่ยว สิ่งที่พวกเราต้องทำคือปฏิบัติตามคำสั่งขององค์จักรพรรดิ หากหญิงสาวผู้นั้นถูกลิขิตให้เป็นนายหญิงแห่งวังเซ่าตี้ พวกเราก็ทำได้เพียง ปฏิบัติต่อนางเช่นเดียวกับที่ปฏิบัติต่อองค์จักรพรรดิด้วยความเคารพ” เสินอวี่มองหน้าเขาอย่างจริงจัง
อวี้ฉีหายใจเข้าลึกๆ แล้วพยักหน้า “ข้าเข้าใจ” จากนั้นเขาก็กลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ “ต้องโทษที่ราชินีเฝ่ยเก็บตัวฝึกฝนไม่ประจวบเหมาะ พลาดโอกาสที่จะบ่มเพาะความรักกับองค์จักรพรรดิ และถูกคนฉวยโอกาสนี้ไป”
“อย่าพูดเหลวไหล” เสินอวี่เตือนอีกครั้ง
อวี้ฉีปิดปากแน่นและพยักหน้าให้กับเสินอวี่ เพื่อบ่งบอกว่าเขาจะไม่พูดเรื่องไร้สาระนี้อีก
แกร๊ก!
ทันทีที่ทั้งสองพูดจบ ประตูที่ปิดอยู่ก็ค่อยๆ เปิดออก
ร่างคนที่ผอมสูงเดินออกมาจากประตู และความน่าเกรงขามอันทรงพลังตกกระทบมาที่ร่างกายของพวกเขาทั้งสองในชั่วพริบตา
ทันใดนั้น สีหน้าของทั้งเสินอวี่และอวี้ฉีได้เปลี่ยนไป พวกเขาคุกเข่าลงกับพื้นพร้อมเพรียงกัน
“องค์จักรพรรดิยกโทษให้ข้าด้วย! ”
“องค์จักรพรรดิยกโทษให้ข้าด้วย! ”
“เจ้าทั้งสองช่างบังอาจเกินไปแล้ว” ใบหน้าของเซ่าตี้เย็นเยือก โดยรูปร่างหน้าตาที่สง่างามนั้นประดุจถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง
พวกเขาทั้งสองที่คุกเข่าอยู่กับพื้นสั่นสะท้านและสีหน้าดูขมขื่น
พวกเขารู้ว่ากำลังถูกซักถามเรื่องแอบตามนั่น


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์