การแสดงออกของเขาเหมือนท่านชายตระกูลสูงศักดิ์ที่พึ่งเคยออกมาเจอโลกกว้างดูเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นกับทุกสิ่ง แน่นอนว่ามันทำให้ดูออกว่าเขาไร้เดียงสา ไม่มีแผนการอะไร
คนแบบนี้ จะถูกคนที่มีเจตนาหลอกใช้ได้ง่ายที่สุด
ตอนนี้ท่าทางที่ลู่เสวียนแสดงออกมาเป็นสิ่งที่เขากับเจียงหลีปรึกษาและตกลงมาก่อนหน้านี้แล้ว
ในเมื่อลู่เสวียนสนใจเป่ยโหรวขนาดนี้ ก็ให้พวกเขาคิดว่าลู่เสวียนคนนี้รับมือได้ง่ายกว่าที่คิดไป
เข้าวังเพื่อร่วมงานเลี้ยง ลู่เสวียนไม่ได้พาคนไปมาก นอกจากเจียงหลีที่ปลอมเป็นเซ่าจวิน ก็มีองครักษ์อีกหกคนคอยคุ้มกัน การทำตัวให้ไม่เป็นจุดสนใจเช่นนี้ ทำให้ดูกระจอกนัก
ราวกับว่าลู่เสวียนหยวนหวังผู้นี้ในราชวงศ์จยาเซียนดูไร้ความสามารถสมคำล่ำลือ ถูกอำนาจการเมืองทำให้เป็นบุคคลที่ถูกลืม
งานเลี้ยงต้อนรับของพระราชวังเป่ยโหรว ไม่รู้ว่าจะได้เจอหรงจิ่งหรือไม่ บนรถ เจียงหลีนั่งหลับตาพักผ่อนอยู่ในมุม หากเจอหรงจิ่ง นางอาจจะสืบอะไรได้บ้าง
…
ณ พระราชวังเป่ยโหรว ฮ่องเต้เป่ยโหรวเป่ยเหมินเวยรออยู่ภายในตำหนัก สวมฉลองพระองค์เรียบง่าย ไม่ฉูดฉาด และมีใบหน้าคมคร้ามดั่งหยก ท่านชายที่งดงามอย่างรูปสลัก นั่งอยู่ตรงหน้าเขา ถือตัวหมากเพื่อแข่งกับเขา
เมื่อท่านชายที่ดูสันโดษวางหมากตัวสุดท้ายลง เขายิ้มเล็กน้อยด้วยสีหน้าดูนิ่งเฉยต่อเป่ยเมินเวยแล้วเอ่ย “ฝ่าบาท พระองค์ทรงแพ้แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เป่ยเหมินเวยไม่ได้ใส่ใจอะไร หัวเราะขึ้นมาเสียงดัง นำหมากที่อยู่ในมือโยนลงกล่อง “คุณชายจิ่งก็คือคุณชายจิ่ง ฝีมือเล่นหมากล้อมไม่มีใครเทียบได้ และก็ไม่ได้จงใจยอมแพ้ข้า”
หรงจิ่งยิ้มบางๆ “คนที่อยากยอมแพ้ฝ่าบาทมีมากมาย เกรงว่าฝ่าบาทอาจจะทรงเอือมระอา”
เป่ยเหมินเวยพยักหน้า “ใช่ ต่างเป็นพวกที่ชอบประจบประแจง จะเทียบกับคุณชายได้อย่างไร”
เมื่อฮ่องเต้เป่ยเหมินเวยเอ่ยคำชมซึ่งๆ หน้า หรงจิ่งไม่ได้แสดงท่าทีอะไร สีหน้ายังคงไม่เปลี่ยน
สายตาของเป่ยเหมินเวยเต็มไปด้วยความสงสัย ท่านชายที่โดดเด่นแต่สันโดษ ดูไม่ออกจริงๆ ว่าแบกความแค้นที่ญาติพี่น้องถูกฆ่าตายไว้ “คุณชายจิ่ง ท่านยินดีที่จะเป็นทหารใต้กองบัญชาข้าหรือไม่ หากไม่ยินดีจะเป็นขุนนางก็ย่อมได้ ช่างทำให้ข้าลำบากใจเสียจริง”
หรงจิ่งยิ้มเอ่ย “ฝ่าบาท ครั้งแรกที่พระองค์เห็นข้า หรงจิ่งได้แสดงถึงความตั้งใจจริงแล้ว ข้ามาเป่ยโหรว เพื่อชำระแค้นให้กับตระกูลข้า ตอนนี้ เมืองทางใต้ที่จะต่อกรกับอาณาจักรจยาเซียนได้ เห็นมีเพียงเป่ยโหรวแล้ว อย่างไรก็ตาม เรื่องชำระแค้นให้กับตระกูล หรงจิ่งยังต้องทำแต่เรื่องต่างๆ ก็เป็นไปตามเดิมไม่ว่าใครที่ไหน นอกจากโค่นล้มอาณาจักรจยาเซียน หรงจิ่งไม่สามารถที่จะให้คำแนะนำอื่นได้”
“ข้าเข้าใจ เพียงแต่ข้าเสียงดายความสามารถของเจ้า” เป่ยเหมินเวยขมวดคิ้วเอ่ย
หรงจิ่งยกสายตาขึ้นมาอย่างช้าๆ สบตากับเป่ยเมินเวยอย่างบริสุทธิ์ใจ “คนรอบกายของฝ่าบาท ล้อมรอบไปด้วยคนมีความสามารถ ขาดหรงจิ่งไปเพียงคนเดียวไม่ได้เป็นปัญหาอะไร ข้าเป็นคนสันโดษ ไม่ชอบการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน หากชำระแค้นได้แล้ว ข้าจะวางทุกอย่างลง ออกจากทางใต้ พเนจรไปทั่วทุกทิศ”
“ช่างเถิด ข้าไม่บังคับเจ้าแล้ว หากเจ้าเปลี่ยนใจ ประตูใหญ่ของเป่ยโหรวเปิดกว้างให้เจ้าเสมอ” เป่ยเหมินเวยเอ่ย
หรงจิ่งพยักหน้า “ขอบพระทัยฝ่าบาทสำหรับความเมตตาพ่ะย่ะค่ะ”
เป่ยเหมินเหวยยกมือขึ้นแกว่งอย่างไม่ตั้งใจ และเอ่ยถาม “จริงด้วย วันนี้ที่วังมีงานเลี้ยงต้อนรับ เจ้ายินดีที่จะมาร่วมงานนี้หรือไม่”
“ศัตรูมาเจอกัน อาจทำให้แผนการขอฝ่าบาทเสียได้ หรงจิ่งขอไม่ไปดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ” หรงจิ่งยืนขึ้น เตรียมตัวทูลลา
เป่ยเหมินเวยยืนขึ้นมาเช่นกัน ไม่ได้ฝืนใจ เดินไปส่งหรงจิ่งที่หน้าประตูด้วยตนเอง มองตามเงาด้านหลังของหรงจิ่งเดินลับหายไปในความมืด หัวหน้าขันทีที่อยู่ข้างกายเดินเข้ามาหาเขาอย่างเงียบๆ “ฝ่าบาทดูให้ความสำคัญกับท่านชายหรงจิ่งมากนะพะยะค่ะ”
เป่ยเหมินเหวยพยักหน้า “คุณชายผู้เป็นหนึ่งในใต้หล้า แต่ไม่ได้แสวงหาชื่อเสียงจอมปลอม มีเขาอยู่ จะช่วยได้มาก”
“แต่ทว่า เฉิงหวังยังมีความเคลือบแคลงใจในตัวเขานะพะยะค่ะ” หัวหน้าขันทีเอ่ย
เป่ยเหมินเวยหัวเราะอย่างไม่ใส่ใจ “เฉิงหวังระมัดระวังเกินไป หากคนในตระกูลเจ้า โดนศัตรูฆ่าทั้งตระกูล แต่เหลือเพียงเจ้าไว้ผู้เดียวให้หนีจากบ้านเกิดเมืองนอน เจ้ายังจะช่วยเหลือศัตรูเพื่อมาต่อกรกับคนอื่น หรือว่าจะจับมือกับศัตรูของศัตรู เพื่อชำระแค้นด้วยกันเล่า”
“นี่…ต้องเป็นอย่างหลังแน่นอนพะยะค่ะ” หัวหน้าขันทีโค้งตัวแล้วตอบ


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์