อินซุ่ย
แฮร่ๆๆๆๆ!
เสียงคำรามดังขึ้นเรื่อยๆ ไปทั่วสารทิศ ถาโถมเข้าใส่ทั้งสามคนราวกับกระแสน้ำ ความรู้สึกเช่นนั้นทำให้หนังหัวชาหนึบโดยไม่รู้ตัวเหมือนทั้งร่างตกสู่ถังน้ำแข็ง ความรู้สึกหวาดผวากำลังกลืนกินสติของพวกเขา
“อินซุ่ยพวกนี้คืออะไรกันเนี่ย!” ลู่เสวียนได้ยินเสียงพึมพำของเหวินเหรินชิ่งชิ่งอย่างชัดเจน
ทั้งสามขยับมาชิดกันแล้วจ้องมองศพเหล่านั้นที่กำลังปีนป่ายขึ้นมาอย่างไม่หยุดหย่อน
“อินซุ่ยคือไสยศาสตร์ชั่วร้ายแขนงหนึ่ง เป็นการเรียกคนที่ตายไปแล้วให้กลับมาและควบคุมเอาไว้ ศพเหล่านี้จะต้องถูกปลุกเสกขึ้นมาโดยเจ้าของสุสานเพื่อป้องกันไม่ให้ใครบุกเข้าไปในสุสานได้!” เหวินเหรินชิ่งชิ่งรีบอธิบาย
“แฮร่ๆๆ!”
เสียงคำรามดังมาจากทางข้างของลู่เสวียน
เขาตั้งรับโดยการปล่อยพลังวิญญาณเพื่อยับยั้งเอาไว้ เมื่อปล่อยพลังวิญญาณพุ่งเข้าใส่ศพเหล่านั้นก็ถูกโจมตีจนกระเด็นลอยออกไป แต่ยังไม่ทันที่ความตื่นตระหนกในดวงตาเขาจะจางหายไป ศพเหล่านั้นที่เขาได้โจมตีปีนกลับขึ้นมาอย่างรวดเร็วพุ่งเข้าหาเขาอีกครั้งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ทำไมถึงไม่เป็นอะไรสักนิดเลยล่ะ!” ลู่เสวียนหน้าถอดสี
เหวินเหรินชิ่งชิ่งหัวเราะเย้ยหยัน “พวกมันก็ตายไปแล้ว ไม่รู้สึกเจ็บหรอก โจมตีเยี่ยงนี้จะกำราบพวกมันได้อย่างไร”
แววตาของลู่เสวียนเฉียบคม เมื่อเขาลุกขึ้นแสงสีทองระเบิดออกมาจากด้านหลังของเขา กรงเล็บของวิญญาณยุทธ์หลอมรวมกับมือทั้งสองข้างของเขา เขาจับอินซุ่ยที่ดาหน้ากันเข้ามาเอาไว้และตะโกนเสียงดังลั่นพร้อมทั้งฉีกทึ้งพวกมันขาดเป็นสองท่อน
อินซุ่ยที่ฉีกขาดถูกเขาเหวี่ยงทิ้งไปสองด้าน เขาจึงเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าดุดัน “คราวนี้ได้ตายสมใจแล้วสิ!”
อินซุ่ยหลังจากที่ถูกเขาฉีกร่างก็ตกไปกองกับพื้น ถึงแม้พวกมันจะกลับมาสู้ไม่ได้อีก แต่ท่าทางที่พวกมันตะเกียกตะกายขึ้นมายังทำให้รู้สึกหนาวสั่นอยู่ในใจ
“ตอนนี้ก็จัดการกับพวกอินซุ่ยได้ไม่ยากแล้ว” ใบหน้าขาวซีดของลู่เสวียนยกยิ้มแข็งกร้าว
เหวินเหรินชิ่งชิ่งเอ่ยเตือนเขา “อันที่จริง แม้อินซุ่ยจะไม่ใช่สิ่งชั่วร้ายระดับสูง แต่เจ้าดูสิว่าในนี้มีจำนวนมากมายขนาดไหน”
แฮร่ๆๆ
สายตาขอเขามองอินซุ่ยที่มีไม่วันจบไม่สิ้น จึงทำให้ลู่เสวียนแค่นยิ้มค้างที่ใบหน้า ความหนักแน่นฉายชัดในแววตายิ่งขึ้น
“ฆ่าไปส่วนหนึ่งก่อนแล้วค่อยหาโอกาสหนีออกไป” เมื่อเจียงหลีพูดจบก็เปล่งแสงสีทองออกมาจากข้างหลังและกรงเล็บของเลี่ยเทียนซื่อก็ผนึกรวมเข้าบนมือของนางเช่นกัน
พลังวิญญาณที่ระเบิดขึ้นมากะทันหันทำให้เหวินเหรินชิ่งชิ่งตกใจมองสาวน้อยข้างกายอย่างสั่นสะท้าน นางแข็งแกร่งมาก! แม้จะไม่รู้ลึกรายละเอียดเกี่ยวกับอาณาเขต แต่พลังที่ระเบิดออกมาอย่างกะทันหันเช่นนี้ทำให้เหวินเหรินชิ่งชิ่งรู้สึกถึงความแข็งแกร่งมหาศาลได้
“อย่าให้อินซุ่ยพวกนี้ทำร้ายตนเองจนบาดเจ็บล่ะ แค่พวกมันข่วนหรือกัดจนบาดเจ็บก็จะถูกพลังชั่วร้ายเข้าสู้ร่างกายแล้วกลายเป็นอินซุ่ยเหมือนพวกมันได้” เมื่อเหวินเหรินชิ่งชิ่งเห็นเจียงหลีบุกเข้าไปจึงรีบเอ่ยเตือน
“หึ ยังมีเรื่องเช่นนี้อีกด้วย เมื่อครู่นี้ไม่เห็นเจ้าจะบอกข้าเลย!” เมื่อสิ้นเสียงของนางก็ได้ยินเสียงแปลกประหลาดน่ากลัวดังขึ้นมาจากข้างกายของนาง
เหวินเหรินชิ่งชิ่งกลอกตามองเขา เพื่อทำให้ความกลัวในใจสงบลงจึงปล่อยวิญญาณยุทธ์ออกไปเข่นฆ่าเช่นกัน
“กระต่ายน้อย” หลังจากลู่เสวียนเห็นวิญญาณยุทธ์ตัวแรกของเหวินเหรินชิ่งชิ่งก็เอ่ยพึมพำออกมา จากนั้นเค้าจึงค้นพบว่ากระต่ายที่สามารถกลายเป็นวิญญาณยุทธ์ได้ต้องไม่ใช่กระต่ายธรรมดาอย่างแน่นอน
ภายใต้การเพิ่มพลังจากวิญญาณยุทธ์ เหวินเหรินชิ่งชิ่งมีความรวดเร็วอย่างยิ่งราวกับกระแสไฟสีขาว อีกทั้งพลังการกระโดดยังแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย เมื่อมองจากระยะไกลๆ ลู่เสวียนจึงเห็นเพียงแค่จุดสีขาวที่กระโดดไปมาเพื่อฆ่ากองทัพอินซุ่ยเท่านั้น
ตู้ม!
วิญญาณยุทธ์ตัวที่สองของเหวินเหรินชิ่งชิ่งก็ถูกปลดปล่อยออกมาเช่นกัน
รูปลักษณ์ของมันคือนกชนิดหนึ่งเหมือนนกอินทรี เมื่อวิญญาณยุทธ์นี้ปล่อยออกมามันช่วยเสริมพลังโจมตีที่ขาดหายไปของวิญญาณยุทธ์ตัวแรกจึงทำให้การโจมตีของเหวินเหรินชิ่งชิ่งดุเดือดรุนแรงและรวดเร็วยิ่งขึ้น
“ไม่ธรรมดาจริงๆ!” ลู่เสวียนอุทานออกมา

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์