“เลี่ยฉางเหล่า นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร” เจียงหลียกยิ้มมุมปาก ดวงตาเต็มไปด้วยแววเย้ยหยัน
ไป๋เซี่ยงเลี่ยขมวดคิ้ว ให้นางทาสติดตามเข้าไปในสุสานก็ทำให้พวกเขาเหล่าตระกูลไป๋เซี่ยงโกรธอยู่แล้ว ตอนนี้คิดไม่ถึงว่าจะให้นางมาพูดจาฉอดๆ กับเขาเยี่ยงนี้
“หึ เจ้ากล้าแตะต้องของในสุสานโบราณจึงทำให้มันถล่มลงมา ทั้งยังทำร้ายลูกศิษย์ตระกูลไป๋เซี่ยงของข้าอีก ตอนนี้ให้เจ้าเอาของออกมาย่อมมีเหตุผลอยู่แล้ว” ไป๋เซี่ยงเลี่ยปฏิบัติต่อเจียงหลีไม่สุภาพเหมือนปฏิบัติต่อเหวินเหรินชิ่งชิ่ง
เหวินเหรินชิ่งชิ่งขมวดคิ้ว “เลี่ยฉางเหล่า เจ้าจักฟังความเพียงข้างเดียวได้เยี่ยงไรล่ะ”
ไป๋เซี่ยงเลี่ยหันมามองนาง จากนั้นยกยิ้มแสร้งทำเป็นใจดี “องค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน อย่ายื่นมือเข้าแทรกจะดีกว่า เรื่องเกี่ยวกับความเป็นความตายของศิษย์ตระกูลไป๋เซี่ยงของกระหม่อม ในฐานะที่หระหม่อมเป็นผู้อาวุโสของตระกูลจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ชัดพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้า!” เหวินเหรินชิ่งชิ่งพลันมีสีหน้าเย็นชาดวงตาเฉียบคม “พวกเขาเป็นพระราชอาคันตุกะของฝ่าบาท แล้วก็เป็นประชาชนของเป่ยโหรว เลี่ยฉางเล่าอย่าพึ่งวู่วาม ถึงอย่างไรสุสานถล่มด้วยสาเหตุใดจะระบุได้อย่างไรว่าเกี่ยวข้องกับเซ่าจวิน หากบอกว่าเป็นเพราะฉกฉวยเอาของมาถึงทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราที่เข้าไปเกือบทุกคนที่แตะต้องของในสุสาน คนในตระกูลไป๋เซี่ยงของท่านก็หาสมบัติในสุสานมาไม่น้อย ใครจะไปรู้ว่าผู้ใดแตะต้องอะไรที่เป็นสาเหตุทำให้สุสานถล่ม”
คำพูดของนางทำให้สีหน้าของไป๋เซี่ยงเลี่ยมัวหม่น แววตาของคนในตระกูลไป๋เซี่ยงคนอื่นต่างเยือกเย็น ลู่เสวียนและเจียงหลีหันไปมองนาง ลู่เสวียนพึมพำ แม่นางน้อยผู้นี้นับว่ามีน้ำใจ ส่วนเจียงหลีเองก็ประทับใจในตัวเหวินเหรินชิ่งชิ่งยิ่งกว่าเดิม
อย่างน้อยเมื่อเผชิญความขัดแย้งดังกล่าว นางก็ไม่ได้เห็นแก่ตัว
ไป๋เซี่ยงเลี่ยกลับยิ้มเย็นเยียบ “องค์หญิงต้องการแอบอ้างถึงฝ่าบาทเพื่อกดดันกระหม่อมหรือพ่ะย่ะค่ะ ตระกูลไป๋เซี่ยงไม่ได้หมายถึงหยวนหวัง แต่นางทาสผู้นี้จำเป็นต้องนำของที่เอามาจากสุสานโบราณออกมา จากนั้นกักตัวที่จวนไป๋เซี่ยงชั่วคราวก่อน รอจนกว่าพวกเราจะตรวจสอบแน่ชัดแล้ว หากทำให้แม่นางผู้นี้ขุ่นข้องหมองใจ พวกเราจะคืนของตามจำนวนที่นางได้มาให้พ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่ได้ พวกเจ้าจะมาพาตัวนางกำนัลของข้าไปได้อย่างไร” ลู่เสวียนปฏิเสธออกไปโดยไม่ทันคิด
แม้ไป่เซี่ยงเลี่ยกำลังยิ้มให้อยู่แต่สายตากลับเต็มไปด้วยความเยือกเย็น “หยวนหวัง ที่นี่คือเป่ยโหรวมิใช่ราชวงศ์จยาเซียน ถึงอย่างไรพวกเราก็ไม่ทำอะไรนางกำนัลของท่านหรอก หากท่านไม่สบายใจจริงๆ ก็เตือนให้นางส่งของในมือออกมา ตระกูลไป๋เซี่ยงของเราเห็นแก่หน้าของหยวนหวังและฝ่าบาทก็จะไม่ถือสาเอาความนางอีกแล้วปล่อยนางกลับไปกับท่าน”
“ไม่ได้!” ลู่เสวียนปฏิเสธอีกครั้งด้วยท่าทีหนักแน่น
เขาจะให้คนในตระกูลไป๋เซี่ยงจับตัวเจียงหลีไปได้อย่างไร
“หึ! เจ้าคนพวกนี้ การฝึกประสบการณ์ครั้งนี้เดิมที่เป็นการฝึกภายในตระกูลไป๋เซี่ยงของข้า เหยียดหยามตระกูลไป๋เซี่ยงของข้า พวกท่านหาว่าพวกข้าใส่ร้ายนาง เพราะหลังนางปรากฏตัวสุสานถึงได้พังถล่มมิใช่หรือไง ไม่ต้องคิดให้รกสมอง ต้องเป็นเพราะนางฉวยเอาของบางสิ่งออกมาเป็นแน่ อีกอย่างของนั้นตอนนี้ต้องอยู่ในกระเป๋าของนางแน่!”
ผู้มีความสามารถคนหนึ่งในตระกูลไป๋เซี่ยงที่หนีออกมาจากสุสานได้ตะโกนอย่างมั่นหน้ามั่นใจ
คราวนี้ไป๋เซี่ยงเลี่ยยืนข้างอย่างภูมิใจ แววตาเรียบนิ่งไม่ตั้งใจหยุดเขาเลย
“ตลกดี! ข้ามาที่นี่เพราะได้รับเชิญจากฮ่องเต้เป่ยโหรวของพวกเจ้า ในสุสานโบราณไม่ใช่เพราะคนในตระกูลไป๋เซี่ยงต่อสู้กับเราเพื่ออะไรบางอย่างหรอกหรือ พวกเจ้าจะเอาไปฝ่ายเดียวโดยที่คนอื่นเอาไปไม่ได้ด้วยหรือ สุสานโบราณถล่มลงมาแล้ว พวกข้ายังพูดอยู่เลยว่าเป็นเพราะพวกเจ้าไปโดนกลไกอะไรโดยไม่ทันระวังหรือไม่ถึงทำให้สุสานถล่มล่ะ” ลู่เสวียนตะโกนกลับไปเช่นกัน
เหวินเหรินชิ่งชิ่งมองพวกเขากลับไปอย่างเย็นชาเช่นกัน ถึงแม้จะไม่ได้พูดแต่กลับแสดงท่าทีออกมา
เมื่อฟังถึงตรงนี้เจียงหลีถึงได้รู้ว่าหลังจากที่พวกเขาแยกกัน ดูเหมือนลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่งจะปะทะกับพวกตระกูลไป๋เซี่ยงอย่างแรง
มิน่าล่ะตอนนี้เหวินเหรินชิ่งชิ่งมองตระกูลไป๋เซี่ยงอย่างไม่พอใจนัก
“ฮ่าๆๆๆ…”
จู่ๆ เจียงหลีก็หัวเราะร่วน เสียงหัวเราะของนางทำให้คนอื่นหันมามองนางเป็นตาเดียว เมื่อถูกสายตาทุกคนจับจ้องเจียงหลีกลับไม่เกรงกลัวสักนิดแล้วแสยะยิ้ม “เห็นได้ชัดว่าพวกเจ้าโลภเอาของๆ ข้า ทั้งยังพูดอย่างสง่าผ่าเผยเยี่ยงนี้ ที่แท้ตระกูลไป๋เซี่ยงล้วนเป็นพวกหน้าซื่อใจคดเองหรือ”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์