ดูเหมือนว่าตราบใดที่พวกเขายังปกป้องเจียงหลีอยู่ พวกเขาจะใช้กำลังโดยตรงจึง ‘เชิญ’ พวกเขาหลีกไป
“เจ้า!”
ลู่เสวียนขบกราม
เขาไม่อยากถอยแต่เจียงหลีกลับให้เขาถอย
ไม่สามารถถอยได้! จะถอยได้อย่างไร
ราวกับขาของลู่เสวียนถูกตอกตรึงไว้บนพื้นไม่เดินแม้แต่ก้าวเดียว เขาไม่ขยับ เหวินเหรินชิ่งชิ่งก็ไม่ขยับ เพียงแค่มองดูสาวกที่กำลังเดินมาหาพวกเขาอย่างมืดมน พลังวิญญาณในมือของเขาก็ออกมาอย่างเงียบๆ
เมื่อเห็นทั้งสองเป็นเช่นนี้ ไป๋เซี่ยงเลี่ยก็ขมวดคิ้วสบถเสียงเย็นสีหน้าพลันเย็นเยียบ
แต่เจียงหลีกลับแปลกใจเมื่อเห็นเงาหลังของเหวินเหรินชิ่งชิ่ง นางประหลาดใจลู่เสวียนปกป้องนางนี่เป็นเรื่องธรรมดา
แต่ทว่า เหตุใดเหวินเหรินชิ่งชิ่งจึงทำเช่นนี้
“องค์หญิง ท่านถอยไปเถอะ” เจียงหลีเอ่ยขึ้น
“ไม่! เรามาด้วยกันก็ต้องกลับไปด้วยกัน” เหวินเหรินชิ่งชิ่งเอ่ยปฏิเสธ
เจียงหลีอึ้ง ทันใดนั้นมองหลังนางแล้วยิ้ม ไม่พูดไม่ได้ว่านิสัยใจคอของแม่นางน้อยผู้นี้ช่างน่าเอ็นดูจริงๆและถูกชะตานาง
เมื่อถอนสายตากลับมาดวงตาเปล่งประกายของเจียงหลีพลันเย็นเฉียบ นางมองไป๋เซี่ยงเลี่ยอย่างเหยียดหยัน ทันใดนั้นจึงเอ่ยขึ้น “อยากได้ของที่ข้าเอาออกมาจากสุสานโบราณก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้ อยากมีเรื่องก็เข้ามาหยิบเอง!”
เมื่อกล่าวจบ นางก็ปล่อยท่าร่างชวนเสินอิ่นออกมาทันที จากนั้นเงาร่างก็หายไปจากที่เดิม
ไป๋เซี่ยงเลี่ยหรี่ตา สีหน้าเย่อหยิ่งเมื่อครู่นี้พลันแตกยับ
“อ้าก!”
เสียงร้องดังขึ้นทันใด เมื่อทุกคนหันไปมองก็เห็นเพียงวงที่ล้อมทั้งสามอยู่ที่เดิมถูกแหวกปากทาง ลูกศิษย์ตระกูลไป๋เซี่ยงเหล่านั้นคว่ำลงกับพื้น แขนของทุกคนมีเลือดไหลอาบเนื้อหนังถูกเปิดออก เมื่อดูที่บาดแผลก็จะเห็นได้ชัดว่าถูกแส้ฟาด
เมื่อมองไปตามช่องว่าง ร่างของเจียงหลีก็โผล่ออกมาไกลเสียแล้ว
“นางอยู่ตรงนั้น รีบตามไป!” ไป๋เซี่ยงเลี่ยสั่งให้ทุกคนวิ่งผ่านลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่งไป
นอกจากคนบาดเจ็บที่ไม่มีแรงตามทันแล้วยังมีคนอื่นที่เหลือจึงไล่ตามทิศทางที่เจียงหลีหนีไปทันที
แต่ลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งกลับถูกมองข้ามโดยสิ้นเชิง
“เร็ว อย่าให้นางหนีรอดไปได้!”
“นางไม่คิดชีวิตเยี่ยงนี้ ต้องได้ของดีมาแน่ๆ อย่าให้นางหนีไปได้เด็ดขาด!”
“ล้อมไว้ทั้งสองด้าน ปิดกั้นนางเอาไว้”
“…”
คนในตระกูลไป๋เซี่ยงตามหลังเจียงหลีไปราวกับกำลังล่าสัตว์ก็มิปาน ส่วนเจียงหลีก็เหมือนสัตว์ที่ถูกล่าในสายตาพวกเขา
“สมควรตาย!” ลู่เสวียนกัดฟันพูดอย่างเคียดแค้น
เขาอยากรีบตามไปแต่เหวินเหรินชิ่งชิ่งคว้าข้อมือเอาไว้ก่อน “เจ้าจะทำอะไร นางจงใจล่อคนไปทางนั้นให้เพราะไม่อยากให้เราเข้ามาเกี่ยวพันกับเรื่องนี้”
“เจ้าปล่อยมือ” ลู่เสวียนสะบัดมือเหวินเหรินชิ่งชิ่งออก สีหน้าเต็มไปด้วยความหงุดหงิด “เจ้าต้องการให้ข้าเห็นตระกูลไป๋เซี่ยงรุมล้อมนางหรืออย่างไร”
“เจ้าอย่าพึ่งวู่วาม เมื่อครู่นี้เจ้าก็เห็น ไป๋เซี่ยงเลี่ยไม่ได้เห็นเราอยู่ในสายตาเลย ต่อให้เราสองคนตามไปสมทบจะมีประโยชน์อะไร” เหวินเหรินชิ่งชิ่งกล่าวอย่างชัดเจน
เหตุผลข้อนี้ไม่ใช่ว่าลู่เสวียนไม่เข้าใจ เพียงแต่สถานะของเจียงหลีพิเศษเป็นอย่างยิ่ง นางไม่ได้เป็นเพียงราชินีแห่งราชวงศ์จยาเซียน สำหรับเขาก็เปรียบเสมือนคนในครอบครัว เขารู้ชัดเจนทุกอย่าง แต่ในเรื่องความรู้สึกเขาไม่สามารถทิ้งเจียงหลีไว้คนเดียว
“นางเก่งกว่าเราแล้วเป็นคนฉลาด ไม่ถูกคนในตระกูลไป๋เซี่ยงจับตัวได้ง่ายๆ หรอก สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้คือรีบออกไปจากที่นี่ เจ้าหาวิธีรีบไปบอกคนของเจ้าให้เร่งตามมา ยับยั้งการกระทำผิดของตระกูลไป๋เซี่ยง ส่วนข้าจะรีบกลับวังทันทีเพื่อทูลให้ฝ่าบาทออกหน้าแทน” เหวินเหรินชิ่งชิ่งเล่าถึงแผนการของนาง
“ไกลเกินไป…ไกลเกินไป” ลู่เสวียนส่ายหน้า
VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์