เขาโมโหตระกูลไป๋เซี่ยงเป็นอย่างมาก
เจียงหลียิ้มออกมา ด้วยสีหน้าภาคภูมิใจเล็กน้อย
“ฝ่าบาทนี่ช่างเก่งกาจจริงๆ เพิ่งจะมาถึงเป่ยโหรวได้ไม่นาน ก็สามารถปั่นหัวของฮ่องเต้แห่งเป่ยโหรวและตระกูลไป๋เซี่ยงได้ ข้าขอนับถือ” หรงจิ่งพูดชมเชย ดวงตาที่สดใสสะท้อนภาพหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า แววตาเปล่งประกายราวกับแสงดาวอย่างไรอย่างนั้น
“เก่งกาจที่ไหนกัน อ่อนหัดจะตาย” เจียงหลีพูดจาถ่อมตน แต่สีหน้ากลับแสดงความโอ้อวดออกมา
ในสายตาของหรงจิ่ง ความโอ้อวดนี้กลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกไม่ชอบ แต่กลับทำให้เขารู้สึกว่าน่ารักเสียด้วยซ้ำ นางเป็นถึงจักรพรรดินี เดิมทีก็ไม่จำเป็นต้องถ่อมตนอะไร
“อีกไม่กี่วัน ข้าก็จะออกเดินทางกลับแคว้นแล้ว” เจียงหลีเก็บสีหน้าที่โอ้อวด แล้วพูดกับหรงจิ่ง
จะไปแล้วหรือ
ขนตาที่งอนยาวของหรงจิ่งกะพริบเบาๆ ปิดบังความมืดมัวในแววตาของเขา เขาก้มหน้าลงดื่มชา ไม่ได้พูดอะไรต่อ
เจียงหลีพูดต่ออีกว่า “แท้จริงแล้วท่านวางแผนไว้อย่างไร ข้าจะช่วยเหลือท่านได้อย่างไร แล้วก็ท่านอยู่ที่เป่ยโหรวเพียงลำพัง ก็ถือว่าอันตราย ท่านหาจังหวะปลีกตัวออกมา ด้วยความสามารถของท่าน ถ้าหากท่านไม่ยินยอม ราชวงศ์เป่ยโหรวก็จับท่านไม่ได้”
“ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ข้าวางแผนทุกอย่างไว้หมดแล้ว หลังจากกลับไป ภายในครึ่งปี ท่านต้องได้รับจดหมายสั่งทหารบุกโจมตีเป่ยโหรวอย่างแน่นอน” หรงจิ่งวางถ้วยชาลง แววตากลับมาสดใสอีกครั้ง
“ครึ่งปีเชียวหรือ” เจียงหลีแปลกใจ เขาวางแผนอะไรไว้กันแน่ ทำไมถึงสามารถบอกเวลาได้แม่นยำเช่นนี้
“เดิมทีจะนานกว่านี้หน่อย แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับไม่กี่วันนี้ เพราะฝ่าบาทได้ทำลายความสัมพันธ์ของตระกูลไป๋เซี่ยงและราชวงศ์เป่ยโหรว ถึงได้ทำให้ระยะเวลาสั้นลงเป็นอย่างมาก” หรงจิ่งอธิบายอย่างช้าๆ
เจียงหลีมุมปากกระตุก นี่ไม่ใช่เรื่องที่นางสนใจ
“ท่านมั่นใจก็ดี เอาเป็นว่าท่านต้องดูแลตัวเองให้ดี แล้วกลับมาอย่างปลอดภัย” เจียงหลีมองเขาอย่างจริงจัง
หรงจิ่งเงยหน้าขึ้นมามองนาง “ฝ่าบาทเป็นห่วงข้าหรือ”
รู้สึกได้ถึงความคาดหวังในน้ำเสียงนี้ เจียงหลีถอนหายใจในใจ “คนทุกคนที่ต่อสู้เพื่อราชวงศ์จยาเซียน ข้าก็เป็นห่วงหมด และหวังให้พวกเขากลับมาอย่างปลอดภัย”
“เช่นนี้นี่เอง” หรงจิ่งก้มหน้าลงอีกครั้ง
“ใช่แล้ว ข้าจะพาเหวินเหรินชิ่งชิ่งไปด้วย” เจียงหลีรู้สึกว่าบรรยากาศน่าอึดอัด ก็เลยเปลี่ยนเรื่องคุย
หรงจิ่งพยักหน้า “เหวินเหรินชิ่งชิ่งไม่เหมาะที่จะอยู่ที่นี่จริงๆ”
เจียงหลีหรี่ตา แล้วถามด้วยเสียงเข้ม “ท่านไปรู้อะไรมาใช่หรือไม่”
หรงจิ่งยิ้มเล็กน้อย “ตอนที่สืบ ได้เจออะไรบางอย่าง”
“ท่านสืบเรื่องของเหวินเหรินชิ่งชิ่งด้วยหรือ” เจียงหลีพูดด้วยความแปลกใจ
หรงจิ่งกลับส่ายหัว “เปล่า ในตอนที่ข้าสืบเรื่องราวทั้งหมดของเป่ยเหมินเวย ได้รู้เรื่องราวในอดีตช่วงหนึ่งที่ไม่ควรรู้เข้า”
“ว่ามาสิ” ทันใดนั้น เจียงหลีก็รู้สึกว่าเรื่องราวในอดีตช่วงนี้อาจจะสามารถให้คำตอบกับความสงสัยของเหวินเหรินชิ่งชิ่งได้
หรงจิ่งยิ้ม “เรื่องราวไม่ได้ซับซ้อน เพียงแค่ฮ่องเต้จอมแผนการได้หลงรักหญิงสาวที่ไม่ควรรัก หลังจากที่ทนพิษไข้ใจไม่ไหว เขาก็วางแผนฆ่าสามีของผู้หญิงคนนั้น แล้วคิดว่าต่อมาหลังจากนั้น เขาจะได้รักกันกับนาง แต่กลับคิดไม่ถึงว่านางได้รับความเจ็บปวดเป็นอย่างมาก และได้ตายในตอนคลอดลูก เหลือทิ้งไว้เพียงลูกสาว ไม่ว่าจะด้วยความละอายใจก็ดี หรือด้วยความรำลึกถึงผู้หญิงคนนั้นก็ดี ลูกสาวคนนั้นถูกเอาตัวเข้าวัง และได้รับการเลี้ยงดูเป็นองค์หญิง”
“…” เจียงหลีฟังด้วยความตะลึง ที่แท้ก็เป็นเรื่องราวที่คาดไม่ถึงเช่นนี้
“เหวินเหรินชิ่งชิ่งไม่เหมาะที่จะเติบโตในวัง การไปจากที่นี่เป็นเรื่องดีสำหรับนาง” หรงจิ่งมองเจียงหลีแล้วพูด
เจียงหลีหายใจเข้าลึกๆ แล้วพยักหน้า “นางได้ตอบตกลงที่จะไปแล้ว ตอนนี้ก็ดูว่าจะทำอย่างไรให้เป่ยเหมินเวยปล่อยนางไปอย่างชอบด้วยเหตุผล”

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์