ความประหลาดใจเกิดขึ้นในดวงตาของเจียงหลี ซึ่งแตกต่างอย่างมากกับท่าทีที่เจ็บปวดของลู่เจี้ย นางไม่รู้ว่าเขากำลังเผชิญกับอะไร ทำได้เพียงคาดเดา ความเจ็บปวดที่เขาต้องทนอยู่ในขณะนี้ ไม่สามารถอธิบายได้ ไม่เช่นนั้นคนที่ซ่อนงำความรู้สึกเก่งอย่างเขาจะแสดงอารมณ์เช่นนี้ได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม ยิ่งเขาเจ็บปวดมากเท่าไหร่ พลังที่แปลกประหลาดก็รั่วไหลมากขึ้น และถูกเจียงหลีดูดซับเข้าไปโดยตรง ร่างกายของนางฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อก็คลายตัวลงเช่นกัน เหมือนว่าถ้าดูดซับมากขึ้นอีกหน่อย มันก็จะเปิดออกให้ใช้การได้!
มากกว่านี้! มากกว่านี้อีก! เจียงหลีแอบสวดภาวนาด้วยความตื่นเต้นที่ซ่อนอยู่
ในเวลานั้น นางคาดหวังให้ลู่เจี้ยทนทุกข์ทรมานนานอีกหน่อย ด้วยวิธีนี้เสี่ยวหมีเจี้ยจื่อของนางจึงจะสามารถใช้การได้อย่างสมบูรณ์ เพื่อนางจะสามารถเข้าไปฝึกฝนได้
แต่นางก็สงสัยเช่นกันว่า ความลับอะไรที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของผู้ชายคนนี้
อ้าก! ลู่เจี้ยตะโกนขึ้นฉับพลัน
พลังอันแข็งแกร่งพุ่งออกมาจากร่างกายของเขาปะทะเข้ากับเจียงหลี เบื้องหน้านางมืดสนิทและเป็นลมฟุบลงบนหน้าอกของลู่เจี้ยทันที
พลังนั้นกลับไม่สลายหายไปเหมือนครั้งก่อนๆ ที่ลู่เจี้ยอาการกำเริบ แต่โอบล้อมทั้งสองคนและถูกเจียงหลีดูดซับไปอย่างหมดจด
บนเตียงแกะสลักขนาดใหญ่ในห้องมืด ชายรูปงามและหญิงสาวสกปรก คนหนึ่งนอนคว่ำและอีกคนนอนหงาย
ที่นี่ที่ไหน
เมื่อเจียงหลีได้สติ ปฏิกิริยาแรกของนางก็คือดูสถานการณ์ของตัวเอง
รอบสี่ทิศ เป็นความว่างเปล่าและความโกลาหล ไม่อยู่ในห้องมืดอันงดงามนั้นอีกต่อไป นางมองไปที่ร่างกายของตน มันกลายเป็นเพียงการรับรู้ที่ว่างเปล่า
ข้าอยู่ในจิตสำนึกของตัวเองหรือ เจียงหลีรู้สึกประหลาดใจ
หลังจากรู้ว่าตนอยู่ที่ไหน นางก็สงบลง ทันใดนั้น ตรงหน้านาง แสงสีทองที่สว่างวาบ และมีคำสี่คำปรากฏต่อหน้าต่อตานาง
‘เสี่ยวหมีเจี้ยจื่อ’
“เสี่ยวหมีเจี้ยจื่อนี่!” เจียงหลีรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
ก่อนที่จะตกอยู่ในอาการหมดสติ นางรู้สึกว่าเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อจะคลี่ออกแล้วบ้าง แต่ไม่คิดว่ามันจะเปิดออกมาได้จริงๆ
เจียงหลีเดินไปที่อักขระสีทองทั้งสี่ตัวและเมื่อเข้าไปใกล้ๆ ตัวอักษรก็เปลี่ยนไปกลายเป็นประตูสีทอง ประตูที่ปิดอยู่ค่อยๆ เปิดออก เผยให้เห็นช่องทางให้เจียงหลีเข้าไป
“ในที่สุดสนามฝึกพิเศษแห่งนี้ก็ได้เปิดขึ้นแล้ว” ดวงตาของเจียงหลีเป็นประกาย นางเดินเข้าไปอย่างตื่นเต้น ทันทีที่นางเข้าไปประตูจะปิดโดยอัตโนมัติ
และนางก็อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมที่ว่างเปล่านั้น
สนามที่มีขนาดใหญ่มาก ไม่อาจมองเห็นขอบเขต ส่วนบนว่างเปล่า
ทันใดนั้น อักขระสีทองแถวหนึ่งปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าสีเทา ผู้ที่เข้าสู่เสี่ยวหมีเจี้ยจื่อ ต้องยอมรับการท้าทาย ผู้ที่ผ่านการทดสอบจะได้รับรางวัลตามแต่โอกาส เมื่อไปถึงระดับหลิงเจี้ยง สามารถเลือกทำภารกิจให้สำเสร็จเพื่อแลกกับรางวัล…
นอกจากนี้ ผู้ที่ควบคุมเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อ จะต้องเป็นเนี่ยนซือ และฐานการฝึกฝนต้องบำเพ็ญจนบรรลุเป็นเนี่ยนไซว่ จึงจะสามารถเลื่อนระดับได้
“เนี่ยนซืออย่างนั้นหรือ” เจียงหลีขมวดคิ้ว
เนี่ยนซือคืออะไรกัน แตกต่างกับหลิงซืออย่างไร
“ต้องเป็นเนี่ยนซือก่อน จึงจะสามารถควบคุมเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อได้และต้องไปถึงระดับเนี่ยนไซว่ ถึงจะสามารถยกระดับเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อได้ เสี่ยวหมีเจี้ยจื่อก็มีการเลื่อนระดับขั้นกันด้วยหรือนี่” ดวงตาของเจียงหลีสว่างขึ้น และข้อมูลนี้ทำให้นางรู้สึกประหลาดใจอย่างที่ไม่คาดคิด
“เนี่ยนซืออะไรนี่ ค่อยว่ากันทีหลังแล้วกัน ตอนนี้เมื่อเข้ามาแล้ว จะลองดูสิว่าเสี่ยวหมีเจี้ยจื่อมีพลังวิเศษแค่ไหนเซียว” เจียงหลีพึมพำ
นางหายใจเข้าลึกๆ เพื่อปรับสภาพร่างกาย และตะโกนเข้าไปในพื้นที่ว่างนั้นว่า “ขอรับคำท้า”
ทันทีที่เสียงของนางเงียบลง ก็รู้สึกได้ถึงพลังที่มองไม่เห็น ได้พัดผ่านร่างกายของนางไป พลังนั้นมาจากด้านหลัง ทะลุร่างออกจากร่าง และหยุดอยู่ตรงหน้า
ทันใดนั้นเจียงหลีก็เบิกตากว้าง เมื่อมองไปยังพื้นที่ที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงสิบหลา ตรงหน้านางมีเงาร่างมนุษย์ที่ย่อออกมา
รอให้เงาของคนนั้นปรากฏชัดเจนแล้ว เจียงหลีก็จ้องมองไปสถานที่นั้นด้วยอาการตะลึง
ผู้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั้น เหมือนนางจริงๆ
ยังไม่ทันที่นางจะหายตกใจ ตัวเองที่อยู่ตรงหน้าก็พุ่งเข้าหานาง
เจียงหลีหรี่ตาลงทันที และนางก็เข้าสู่สภาวะต่อสู้ทันที
ตูม!
ในสายลม เจียงหลีทั้งสองได้ต่อสู้กันอย่างดุเดือด


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์