วันนี้เป็นวันที่เจียงหลีไม่จัดการงานบ้านเมืองและก็ไม่ได้ฝึกฝนแต่ออกจากวังไปลำพัง เพื่อไปที่หลุมฝังศพของหรงจิ่ง
“ฝ่าบาท” อาเฉวียนทำความเคารพเจียงหลีอย่างนอบน้อม
เจียงหลีพยักหน้าให้เขา “ลำบากแย่เลย”
อาเฉวียนส่ายหัว “ข้าน้อยดูแลคุณชายมาตั้งแต่ข้าน้อยยังเด็กๆ วันนี้ได้มาเป็นคนเฝ้าสุสานให้คุณชาย ข้าน้อยพอใจมากแล้วขอรับ”
เจียงหลีมองบ้านที่สร้างจากหญ้าฟางด้านหลังเขา ตั้งอยู่หน้าสุสานของหรงจิ่ง หรงจิ่งคงไม่เหงาแล้ว
“ข้าจะไปเยี่ยมเขา” เจียงหลีพูดแล้วเดินไปยังสุสานของหรงจิ่ง
อาเฉวียนรีบไปเตรียมของเซ่นไหว้
ในตอนที่เขาไปเอาของมาแล้วรีบตามไป เจียงหลีก็ได้ยืนเอามือไขว้หลังอยู่หน้าสุสานของหรงจิ่ง
“เจ้าทำความสะอาดได้เอี่ยมอ่องมาก” เจียงหลีพูดกับอาเฉวียน
อาเฉวียนยิ้มแล้วก้มหน้าจัดเรียงของเซ่นไหว้ “คุณชายชอบความสะอาด ชอบของที่เรียบง่าย ดังนั้นข้าน้อยจึงมาทำความสะอาดที่นี่วันละสามครั้ง ไม่ให้ฝุ่นจับสุสาน”
จริงสิ! หรงจิ่งก็ไม่เหมือนคนทั่วไปมาตั้งแต่ไหนแต่ไร นิสัยที่เย็นชาของเขานั้น เหมือนกับเทพที่อิสระที่ไม่ได้อาศัยอยู่บนโลกมนุษย์ ไม่จำเป็นต้องแก่งแย่งชิงดีอะไร แต่กลับบังเอิญมาเจอลู่เจี้ย แล้วก็บังเอิญมาเจอกับข้า เจียงหลีเงียบไม่พูดอะไรแต่คิดเงียบๆ อยู่ในใจ
ความที่จู่ๆ นางก็เงียบ ทำให้อาเฉวียนหยุดการกระทำในมือ ค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วหันไปมองนาง ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วถึงพูดว่า “ฝ่าบาท คุณชายเคยบอกไว้ว่าความงามที่งามที่สุดโลก ที่ทำให้ใจของเขาหวั่นไหวมากที่สุด ได้ถูกเขาเอาเก็บไว้ในใจ การตัดสินในวันนี้ ก็เป็นสิ่งที่เขาเลือกเอง เขาได้ตายอย่างมีค่าแล้ว”
ตายอย่างมีค่า
เจียงหลียิ้มออกมา ในรอยยิ้มนั้นกลับมีความโกรธเล็กๆ ใครๆ ก็เป็นเช่นนี้รึ หรงจิ่ง เจ้านี่ช่างโง่เขลายิ่งนัก! เจ้าเพิ่งจะได้เห็นโลกกว้างแค่เท่าไหร่กันเชียว เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าในที่ใดสักที่หนึ่งบนโลกนี้จะไม่มีผู้หญิงที่ทุ่มเทให้เจ้าอย่างหมดหัวใจเล่า
เจียงหลีหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดกับอาเฉวียนว่า “ข้าไปก่อนนะ เจ้าก็ดูแลเขาดีๆ ถ้าหากว่าต้องการอะไรก็เข้าวังไปหาอวี้ซูหรือไม่ก็ลู่จ้าน”
อาเฉวียนพยักหน้า หลังจากที่จุดธูปไหว้หรงจิ่งแล้วก็เดินจากไป
ในที่สุดหนานฮวงก็เป็นหนึ่งเดียว หนึ่งปีครึ่งต่อมาหลังจากที่ยึดครองเป่ยโหรวได้ สถานการณ์ในหนานฮวงก็ค่อยๆ มั่นคงขึ้น บนดินแดนอันกว้างใหญ่ของหนานฮวง มีเพียงแค่แคว้นเดียว นั่นก็คือราชวงศ์
จยาเซียน
และจักรพรรดิของราชวงศ์จยาเซียนก็คือจักรพรรดินีที่มีอายุเพียงสิบเก้าปี…เจียงหลี
เสียงระฆังยามดังขึ้น ยามกลางคืนได้ผ่านพ้นไป
ประกาศล่าสุดของราชสำนักแปะอยู่ในที่ๆ เห็นได้ชัดบนกำแพงเมืองแต่ละเมือง
ในประกาศราชสำนัก…
อวี้ซู ขุนนางหญิงข้างกายจักรพรรดินีได้รับบรรดาศักดิ์ให้เป็นอัครเสนาบดีหญิง เพื่อดูแลการบ้านเมือง
ลู่จ้านได้รับบรรดาศักดิ์ให้เป็นเจิ่นกั๋วกงควบคุมดูแลอำนาจทางทหารทั้งใต้หล้า
ส่วนเงา เจียงหลีได้มอบสกุลลู่และมอบบรรดาศักดิ์ให้เป็นผู้ตรวจตรา ตรวจตราทั้งแคว้น ผู้ที่กระทำผิดกฎหมายและสมรู้ร่วมคิดกันต่อต้านราชวงศ์ เขาได้รับอำนาจจากจักรพรรดินีให้สามารถประหารก่อนได้เลยแล้วค่อยกราบทูล
เซียวเซียวและอีกทั้งสิบหกกลับสู่ร่มเงาของตระกูลลู่ เพื่อตรวจตราทั้งแคว้น
สามยอดปราญ์แห่งสถาบันไป๋หยวนตั้งมั่นปกป้องพระราชวัง อุทิศตนเพื่อราชวงศ์
พระอัยกา[1]ลู่หวังชวนปกครองแคว้น
คำสั่งแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ประกาศออกมาติดๆ กัน ทำให้ผู้คนส่งเสียงดังเกรียวกราว จักรพรรดินีพระองค์นี้จัดการทุกอย่างได้อย่างเหมาะสม มอบหมายหน้าที่ให้คนอื่นหมด แล้วตัวเองก็จะไม่ทำอะไรเลยอย่างนั้นเลยหรือ
มีคนบอกว่าจักรพรรดินีทำแบบนี้เพราะต้องตั้งใจฝึกฝน รีบบรรลุขั้นหลิงจงโดยเร็ว เพื่อเป็นที่สุดของแผ่นดิน ถึงเวลานั้น จะยังมีผู้ใดกล้ามาหาเรื่องจักรพรรดินีอีกหรือ
สรุปแล้วในตอนที่ว่ากันไปต่างๆ นานา เจียงหลีและหนานอู๋เฮิ่นกลับได้ขึ้นเรือมุ่งไปสู่ซีฮวงอันแสนไกลแล้ว

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์