หลังออกมาจากวิหารหลวง สาวใช้ก็พาพวกนางกลับไปห้องโถงด้านข้างที่อาศัยอยู่
แต่เจียงหลีก็ยังเก็บความสงสัยมาเต็มกระบุง นางครุ่นคิดและเมื่อเห็นว่าซู่ซินเดินเข้าห้องไปแล้วนางจึงเดินตามชิงหว่านเข้าไปในห้อง
“เจ้า!” เจียงหลีที่เข้าห้องตามมาทำให้ชิงหว่านตกใจ
“อย่ากลัว ข้าแค่อยากถามอะไรเจ้าเล็กน้อยเท่านั้น” เจียงหลีเป็นฝ่ายเริ่มเอ่ยก่อน
ชิงหว่านค่อยๆ เบาใจลงมาบ้าง แต่สีหน้ายังคงซีดเผือดจนแทบดูไม่ได้
เจียงหลีสำรวจสีหน้าของนางครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยถาม “เจ้าไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ดูเหมือนหลังจากได้ยินคำว่า ‘ยันต์คงคาทมิฬ’ สีหน้าของชิงหว่านถึงได้แย่ลงเช่นนี้
ทั้งปฏิกิริยาของนางเมื่อครู่นี้เห็นได้ชัดว่ารู้เรื่องราวตื้นลึกหนาบางเป็นอย่างดี
ชิงหว่านเม้มริมฝีปากส่ายหน้า นางพยายามข่มความตื่นตระหนกในแววตาของนางให้สงบลงแต่กลับทำไม่สำเร็จเท่าใดนัก “เจ้าอยากถามอะไร ข้าก็แค่มาก่อนหน้าเจ้าไม่กี่วันเอง”
ท่าทางแสดงความบริสุทธิ์อย่างร้อนรนของนางทำให้เจียงหลีต้องขยับเข้าไปใกล้หนึ่งก้าวแล้วเอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “ไม่ต้องวิตกกังวล ข้าไม่ทำให้เจ้าลำบากเดือดร้อนหรอก”
ชิงหว่านกัดริมฝีปากและยังอยู่ในอาการตกอกตกใจ
เมื่อเห็นท่าทางประหม่าของนาง เจียงหลีจึงครุ่นนิดครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มเอ่ยถามจากคำถามที่ง่ายที่สุดก่อน “สำนักพรตเสวียนหมิงยอดเยี่ยมหรือไม่ กลุ่มอำนาจอยู่ในระดับไหนรึ”
ชิงหว่านเงยหน้าขึ้นอย่างตะลึงและมองนางด้วยความประหลาดใจ “เจ้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสำนักพรตเสวียนหมิงสักนิดเลยหรือ”
เจียงหลีส่ายหน้าด้วยความสัตย์จริง
คำถามนี้ไม่จำเป็นต้องปิดบัง ชิงหว่านค่อยๆ ผ่อนคลายลงบ้าง จากนั้นจึงอธิบายให้นางฟัง “สำนักพรตเสวียนหมิงมีอำนาจอยู่ในอันดับต้นๆ ของกลุ่มอำนาจระดับต่ำทางตอนใต้ของดินแดนซีฮวงและควบคุมทั้งห้าแคว้นเอาไว้”
กลุ่มกลุ่มอำนาจระดับต่ำ!
เจียงหลีตกตะลึง
ตั้งแต่เริ่มเข้ามายังสำนักพรตเสวียน ทุกอย่างที่แสดงออกมาให้เห็นนี้เป็นเพียงกลุ่มอำนาจระดับต่ำเท่านั้น! แค่กลุ่มอำนาจระดับต่ำกลุ่มเดียวยังสามารถควบคุมทรัพยากรของทั้งห้าแคว้นในซีฮวงได้ ทั้งยังมีหลิงหวังนั่งกุมบังเหียนอีกด้วย!
เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มอำนาจเหล่านี้ในซีฮวง ราชวงศ์จยาเซียนแห่งหนานฮวงของนางเทียบไม่ติดแม้แต่กลุ่มอำนาจระดับต่ำของซีฮวง!
“นี่ เจ้าเป็นอะไรไปรึเปล่า” เมื่อเห็นเจียงหลีพลันเปลี่ยนสีหน้า ชิงหว่านจึงเอ่ยถามอย่างสงสัย
เจียงหลีเก็บซ่อนความตกตะลึงไว้ในใจแล้วส่ายหน้า “เปล่า เพียงตกใจเล็กน้อย”
“แม้ว่าสำนักพรตเสวียนหมิงยังเป็นเพียงกลุ่มอำนาจระดับต่ำแต่ความแข็งแกร่งของกลุ่มอำนาจมีความเตรียมพร้อมอยู่ในระดับกลางแล้ว เพียงแค่รองานเลี้ยงเหล่าเซียนในอีกสิบปีให้หลัง หากท้าทายกลุ่มอำนาจระดับกลางสำเร็จก็จะสามารถขึ้นไปแทนที่ได้ ส่วนกลุ่มอำนาจระดับกลางผู้พ่ายแพ้ก็ต้องตกไปอยู่ในกลุ่มอำนาจระดับต่ำเช่นกัน” ชิงหว่านกล่าวอีกครั้ง
“งานเลี้ยงเหล่าเซียนอย่างนั้นหรือ” แลกเปลี่ยนกลุ่มอำนาจ…
จากคำบอกเล่าของชิงหว่านจึงทำให้เจียงหลีได้รวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์หลายประการเลยทีเดียว
ชิงหว่านพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ “แม้กระทั่งงานเลี้ยงของเหล่าเซียนเจ้าก็ยังไม่รู้หรือเนี่ย เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา”
เจียงหลีหัวเราะไม่ออกเสียง “ข้าเคยได้ยินแต่ปาฐกถาเจ้าครองนคร”
ชิงหว่านเบิกตาโตและเอ่ยขึ้นด้วยความตะลึง “นั่นคืองานมหกรรมที่กลุ่มอำนาจระดับกลางจะได้ท้าทายกลุ่มอำนาจระดับสูงนี่นา!”
เจียงหลีเข้าใจแล้วปาฐกถาเจ้าครองนครคือกลุ่มอำนาจระดับกลางท้าทายกลุ่มอำนาจระดับสูง ส่วนงานเลี้ยงเหล่าเซียนคือระดับต่ำท้าทายระดับกลาง
สำหรับกฎกติกานั้น…
ตอนนี้ยังไม่เกี่ยวของกับนาง นางก็ยังไม่ต้องกังวล
“อย่างไรก็ตามกลุ่มอำนาจผู้ชนะห้าอันดับแรกในงานเลี้ยงเหล่าเซียนก็จะสามารถไปท้าทายกลุ่มอำนาจระดับกลางได้ เมื่อท้าทายชนะแล้วก็จะกลายเป็นกลุ่มอำนาจระดับกลาง ส่วนกลุ่มอำนาจระดับกลางผู้พ่ายแพ้ก็ต้องตกไปอยู่ในกลุ่มอำนาจระดับต่ำ และผู้ที่กลายมาเป็นกลุ่มอำนาจระดับกลางก็จะมีคุณสมบัติเพียบพร้อมที่จะเข้าร่วมปาฐกถาเจ้าครองนคร เช่นเดียวกัน สามอันดับแรกสามารถท้าทายกลุ่มอำนาจระดับสูงได้” เมื่อชิงหว่านเห็นว่าเจียงหลีไม่ทราบจริงๆ นางจึงอธิบายให้ฟังหนึ่งรอบอย่างละเอียด
“เมื่อครู่นี้ที่เจ้าบอก งานเลี้ยงเหล่าเซียนในอีกสิบปีให้หลัง” เจียงหลีเอ่ยถาม
ชิงหว่านพยักหน้า
ดวงตาเจียงหลีเป็นประกาย หนานอู๋เฮิ่นเคยเล่าว่าอีกยี่สิบปีกว่าจะถึงงานปาฐกถาเจ้าครองนคร ซึ่งหมายความว่าสิบปีข้างหน้าจะถึงคราวงานเลี้ยงเหล่าเซียนแล้วรอไปอีกสิบปีจึงจะถึงคราวปาฐกถาเจ้าครองนคร



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์