พลังของเขา…
ขณะที่ซู่ซินและชิงหว่านก้าวเดินไปข้างหน้าแต่เจียงหลีกลับตกตะลึงในใจ
การฝึกบำเพ็ญของประมุขสำนักผู้นี้มิอาจหยั่งรู้ได้ราวกับว่ามีช่องว่างระหว่างเขา ต้องไม่ใช่หลิงจงแน่ๆ เช่นนั้นก็คือ…หลิงหวัง! เจียงหลีหรี่ตาทั้งคู่มีความเข้าใจที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของบุรุษรูปงามผู้นี้
“ถวายพระพรท่านประมุข”
“ถวายพระพรท่านประมุข”
เมื่อมาถึงที่ประทับ ซู่ซินผู้หยิ่งผยองและชิงหว่านผู้อ่อนโยนต่างก็สำรวมกิริยาของพวกนางและแสดงความเคารพต่อผู้เป็นประมุขของสำนักพรตเสวียนหมิง
ดวงตาของเจียงหลีที่ยืนอยู่ข้างสองคนนั้นวูบไหวเล็กน้อยแล้วแสดงความเคารพอย่างไม่เคร่งครัด
ทันใดนั้นนางก็ได้รับแววตาเฉียบแหลมราวกับคมมีดจากดวงตาสองดวงที่กำลังค่อยๆ กรีดเสื้อผ้าที่ตนสวมใส่ที่ละชั้นๆ
สายตาเช่นนี้ทำให้นางขุ่นเคืองและคิ้วกระตุกขึ้นเบาๆ
“เจ้าคือธิดาสวรรค์ผู้มาใหม่ใช่หรือไม่” น้ำเสียงบาดแก้วหูดังขึ้นอีกครั้ง
ด้วยคำถามนี้จึงทำให้ซู่ซินและชิงหว่านหันไปจ้องมองเจียงหลีพร้อมกัน เจียงหลีแลหางตามองซู่ซินแล้วรู้สึกถึงความเป็นปรปักษ์ในแววตาของนาง
“คงอย่างนั้นกระมัง” เจียงหลีนิ่งขรึมแล้วตอบคำถามออกไป
“คงอย่างนั้น? งั้นรึ” ท่านประมุขนึกขบขันขึ้นมา
เจียงหลีเงยหน้าสบตาเข้าอย่างไม่เกรงกลัวความตาย ใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยแป้งสีขาวซีดนั้นแม้จะทำให้ผู้คนตกใจแต่ยังไม่ทำให้นางตกใจถึงขั้นจริงจังได้
“ข้าลอยไปติดเกาะร้าง จู่ๆ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งปรากฏตัว บอกว่าข้าคือธิดาสวรรค์อะไรก็ไม่รู้ ข้าก็ไม่รู้ว่าตัวเองใช่หรือไม่ใช่” เจียงหลีเล่าเรื่องที่ผ่านมาด้วยท่าทีสงบ
ประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงไม่ตอบคำถาม เพียงแต่มองไปที่ชายในชุดคลุมนั้น
“ทิศทางถูกต้อง หันอวี้ตรวจสอบแล้วว่าบนเกาะไม่มีผู้อื่นอีกขอรับ” ชายในชุดคลุมเอ่ยตอบ น้ำเสียงของเขาแหบพร่าราวกับเคยเสียงแตก
ท่านประมุขถอนสายตากลับมามองเจียงหลีด้วยแววตาขบขัน “ตอนที่พวกนางทั้งสองถูกเลือกเป็นธิดาสวรรค์ต่างรู้สึกสำนึกในบุญคุณ แต่เหตุใดเจ้าถึงได้ใจเย็นเยี่ยงนี้ทั้งยังตั้งคำถามกับสถานะของตนอีกด้วย”
ในขณะที่พูดสายตาของเขายังคงมองตรงไปที่เจียงหลีอย่างเปิดเผย
สายตาราวกับกำลังสำรวจสินค้าเฉกเช่นนี้ทำให้เจียงหลีรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างไรก็ต้องเผชิญหน้ากับหลิงหวังให้จงได้ แม้กระทั่งโอกาสขัดขืนนางยังไม่มีเลย
“หึ เลียแข้งเลียขาสิไม่ว่า” ซู่ซินพึมพำเสียงเย็นเยียบ
เมื่อเผชิญหน้ากับเจียงหลีความเย่อหยิ่งของนางก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
เพี๊ยะ!
จากนั้นทันทีที่สิ้นเสียงของนางก็มีเสียงฝ่ามือดังกึกก้องไปทั่วทั้งวิหารหลวง
“ถึงคราวที่เจ้าต้องพูดต่อหน้าที่ประทับนี้แล้วหรือ” ถ้อยคำตำหนิติเตียนดังออกมาจากปากของผู้เป็นประมุข
เจียงหลีเหลือบมองซู่ซินก็เห็นเพียงแค่นางยกมือขึ้นกุมใบหน้าตัวเองโดยที่ศีรษะเอนเอียงไปอีกข้าง
“ขอประธานอภัยท่านประมุข ซู่ซินไม่กล้าแล้วเจ้าค่ะ” นางรีบคุกเข่าลงแล้วยอมรับผิดด้วยความระมัดระวัง
เจียงหลีตกตะลึง ประมุขสำนักทันลงไม้ลงมือตอนไหน นางมิสามารถหาร่องรอยใดได้เลย นี่คือความแตกต่างระหว่างหลิงจงและหลิงหวังใช่หรือไม่
“โง่เขลา” ประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงตำหนิเสียงเย็น เบนหน้าหนีจากซู่ซินที่กำลังตัวสั่นงันงกด้วยความตกใจกลัว จากนั้นเขาจึงกลับไปมองเจียงหลีอีกครั้ง
เจียงหลีรู้ว่าเขากำลังรอตนเองพูดอยู่
“เพราะข้าไม่ค่อยรู้แน่ชัดเกี่ยวกับธิดาสวรรค์ว่าสถานะนี้หมายถึงอะไร” เจียงหลีตอบไปตามจริง
ทันใดนั้นผู้เป็นประมุขก็เหยียดยิ้ม


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์