เสื้อผ้าที่สตรีทั้งสามสวมใส่ช่างเหมือนกันราวกับแกะ แม้แต่ลวดลายที่ปักด้วยดิ้นทองตรงมุมกระโปรงก็ยังเหมือนกัน เจียงหลีไม่ทันได้คิดว่านี่มันเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่เดินผ่ากลางระหว่างแม่นางทั้งสองอย่างรวดเร็วและโน้มตัวลงไปอุ้มเจ้าก้อนขนขึ้นมาจากเตียงนอนมาไว้ในอ้อมแขนของตนเอง
“ชิ! ก็แค่สัตว์เดรัจฉานตัวเดียวต้องจริงจังขนาดนี้เชียวรึ” แม่นางที่สีหน้าเย็นชาผู้นั้นจ้องเจียงหลีอย่างหยามเหยียด
ท่าทางเย่อหยิ่งทระนงเช่นนั้นราวกับนางอยู่สูงเหนือคนอื่นก็มิปาน
เจียงหลีก็มีสีหน้าเย็นชาลงเช่นกัน นางสามารถรับรู้ได้ว่าหนึ่งในสองนางที่พูดจาไร้มารยาทมีระดับการฝึกสูงที่สุดในสามคนนี้ ส่วนอีกสตรีอีกนางหนึ่งก็มีระดับการฝึกฝนไม่ต่ำต้อยเช่นกันคงจะไม่สูงหรือต่ำกว่านางสักเท่าไหร่
เจียงหลีอุทานในใจ
สมกับที่เป็นซีฮวง ในหนานฮวงมีหลิงจงเป็นหนึ่งในปรมาจารย์ที่โดดเด่นเพียงไม่กี่คน แต่ทว่าในซีฮวงนั้น…
เพิ่งได้มาเหยียบแผ่นดินซีฮวงเป็นครั้งแรก หลิงจงที่นางเจอมีถึงห้าคนไปแล้ว
“สัตว์เลี้ยงของข้าไม่คุ้นเคยกับการสัมผัส” เจียงหลีกรีดปลายนิ้วตรงขนบนหัวของเจ้าก้อนไปมาด้วยสีหน้าเย็นชา
เมื่อเจ้าก้อนขนได้ยินนางเอ่ยเช่นนั้นจึงยกยิ้มมุมปากเบาๆ อย่างพออกพอใจ จากนั้นจึงปิดดวงตาทั้งคู่แล้วหลับต่อ
“เหอะ มีอะไรดีขนาดนั้น สัตว์เลี้ยงอะไรจองหองขนาดนั้น แตะนิดแตะหน่อยก็มิได้” หญิงผู้เย่อหยิ่งกล่าวด้วยความรังเกียจ
นางชื่นชมสีทาเล็บบนมือของนางก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างอ้อยอิ่ง “ให้ธิดาสวรรค์อย่างข้าได้จับนิดจับหน่อยก็นับว่าเป็นบุญของมันที่ได้เกิดมาชาตินี้แล้ว แต่ในเมื่อเจ้าของมาขัดลาภมันเสียก่อนก็ช่างมันเถอะ”
ธิดาสวรรค์?
เจียงหลีหรี่ตาจนตาหยี
“ชิงหว่าน เราไปกันเถอะ บอกว่าจะมาดูว่าผู้มาใหม่มีอะไรแตกต่าง แต่ก็ได้แค่นี้ล่ะนะ” สตรีที่เย่อหยิ่งคนนั้นกลอกตามองบนใส่เจียงหลีเอ่ยขึ้นกับสตรีอีกคนที่เงียบมาตลอด
หญิงสาวที่ถูกขานนามว่าชิงหว่านมองไปที่เจียงหลีอย่างขอโทษขอโพยถึงจะค่อยตามแม่นางเย่อหยิ่งคนนั้นไป แต่น้ำเสียงของนางยังคงลอยเข้าหูของเจียงหลี “ซู่ซิน เจ้าอย่าเป็นเช่นนี้สิ ต่อไปพวกเราอาจจะต้องได้ฝึกฝนด้วยกัน ท่านประมุขกล่าวไว้ว่ารอนางมาถึงเมื่อไหร่ก็จะถ่ายทอดทักษะการต่อสู้ชั้นยอดให้กับพวกเรา หากการฝึกหนักหนาสาหัสยังสามารถมอบวิญญาณยุทธ์ชั้นเยี่ยมให้กับพวกเราเป็นรางวัลอีกด้วย”
“นางหรือ คนไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าจะมาเปรียบเทียบกับข้าได้เยี่ยงไร” ซู่ซินยังคงพูดด้วยวาจาดูถูกเหยียดหยาม
“…”
เจียงหลีเฝ้ามองสองคนนั้นเดินจากไปแล้วเม้มริมฝีปากเบาๆ
จากบทสนทนาของพวกนาง ช่วยให้เจียงหลีได้รับข่าวสารบางอย่าง ดูเหมือนพวกนางทั้งสามคนจะมีสถานะเช่นเดียวกันใช่หรือไม่ ในเมื่อสำนักพรตเสวียนหมิงตามหาธิดาสวรรค์ได้ถึงสามคน นี่พวกเขาคิดจะทำการอันใดหรือ
ประกอบกับประมุขสำนักพรตเสวียนหมิงที่พวกนางเอ่ยถึง เห็นได้ชัดว่าแม่นางทั้งสองนี้มาก่อนและยังเคยพบประมุขสำนักท่านนี้ไปแล้วด้วย
“ธิดาสวรรค์ ให้พวกข้าพาท่านกลับห้องเถอะเจ้าค่ะ” สาวใช้ที่เข้ามาปรนนิบัตินางตอนอาบน้ำก่อนหน้านี้ปรากฏตัวอีกครั้ง
สายตาของเจียงหลีมองสำรวจกายของพวกนางแล้วแสยะยิ้มเย็น “ลำบากพวกเจ้าแล้ว” พวกนางมาปรากฏตัวได้ทันเวลาจริงๆ ไม่มาก่อนและไม่มาสายเกินไป รอจนโต้เถียงกันเสร็จแล้วค่อยมาปรากฏตัว
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่เอ่ยถึงแม่นางสองคนนั้นสักคำ
เจียงหลีเดินตามพวกนางมายังวิหารอีกทางด้านหนึ่ง การตกแต่งของที่นี่ยังมีความเยือกเย็นอยู่หลายส่วน ตัวเรือนสีดำ มีแต่สีดำและสีขาว มีเพียงผ้าม่านที่แขวนอยู่ในห้องเท่านั้นที่เป็นสีขาวและชุดเครื่องนอนเป็นสีขาว มีและดูมีสีสันมากขึ้นเมื่อมีดอกไม้สีชมพูอยู่บนโต๊ะข้างหน้าต่าง
สิ่งที่ทำให้เจียงหลีคิดไม่ถึงก็คือด้านซ้ายขวาของวิหารข้างมีโถงทั้งสองข้างที่เหมือนกัน เมื่อนางปรากฏกลางวิหาร โถงข้างซ้ายขวาทั้งสองด้านก็มีคนเดินออกมาสองคนซึ่งก็คือซู่ซินกับชิงหว่านที่พึ่งเคยเจอเมื่อครู่นี้
แววตาของซู่ซินยิ้มเยาะเย้ยอย่างเหยียดหยันแล้วหมุนตัวกลับไปยังวิหารของตนเองและปิดประตู ส่วนชิงหว่านพยักหน้าให้เจียงหลีก่อนถึงจะกลับเข้าไปในห้องแล้วปิดประตูเช่นกัน
“…” เจียงหลีประหลาดใจเล็กน้อย

VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์