ประตูภูเขาสำนักพรตเสวียนหมิง ประตูบานใหญ่ที่สูงตระหง่านนั้น เวลานี้ถูกทำลายปากทางเข้าจนเป็นรูกว้าง รูปลักษณ์น่าเกลียดราวกับกำลังหัวเราะพวกเขาอยู่
ลูกศิษย์คนอื่นๆ รีบตามมา มองยังประตูภูเขาที่พังนั้นอย่างสงสัย ล้วนรู้สึกโกรธแค้น ทำเช่นนี้เหมือนต้องการจะเหยียบหน้าสำนักพรตเสวียนหมิงของพวกเขา!
ที่สำคัญคือปล่อยให้นักโทษหนีออกไปได้!
ลูกศิษย์ในสำนักพรตเสวียนหมิงแต่ละคน สีหน้าเศร้าหมองอารมณ์ขุ่นมัวยืนอยู่หน้าประตูภูเขา
เกิดอะไรขึ้น
พวกเขาไม่รู้รายละเอียด เพียงแต่รู้ว่าผู้ลงคัดเลือกธิดาสวรรค์เจียงหลีแทงประมุขสำนักบาดเจ็บแล้วหนีไป พวกเขารับคำสั่งให้ไปจับตัวนางกลับมา แต่กลับไร้ร่องรอยของคนร้าย
ในบรรดาลูกศิษย์ทั้งหมด คนที่สีหน้าไม่ดีที่สุดคือหันอวี้
เพราะว่าเจียงหลีเป็นคนที่เขารับเข้ามา เขาเป็นคนรับรองนาง เลือกเจียงหลีให้เป็นหนึ่งในธิดาสวรรค์ของที่นี่ หากไม่เป็นเพราะเขา เจียงหลีคงจะไม่มีโอกาสมาที่สำนักพรตเสวียนหมิงนี้ได้ คงยังถูกขังอยู่ที่เกาะร้างกลางมหาสมุทร เรื่องทั้งหมดก็คงจะไม่เกิดขึ้น
เมื่อนึกถึงเจียงหลีที่ใจกล้าแทงประมุขสำนัก หันอวี้ก็รู้สึกเย็นวาบสันหลังขึ้นทันที รู้สึกว่าชีวิตตนคงเหลืออีกไม่นาน
“ยังตกตะลึงอะไรอยู่อีกล่ะ รีบตามไปสิ! ค้นหาให้ทั่ว ไปนำตัวศิษย์ทรยศกลับมาให้ได้!” ผู้คุมห้องทรมานมีสีหน้าหดหู่
เจียงหลีหนีไป เขาก็มีโทษ
บรรดาศิษย์ของห้องทรมาน ทยอยเดินออกจากปากถ้ำ หายไปในค่ำคืนนั้น
หันอวี้กำลังเตรียมหนีอย่างเงียบๆ ก็ถูกผู้คุมห้องทรมานตะโกนเรียกไว้ก่อน “หันอวี้ เจ้าคิดจะไปไหน”
“ข้า…ก็จะไปจับคนร้ายน่ะสิ” ในใจของหันอวี้เย็นวาบขึ้นมา ฝืนรอยยิ้มออกมา
“ไม่ต้องหรอก เจ้าไปพบท่านประมุขสำนักกับข้า” ผู้คุมห้องทรมานเอ่ย
สีหน้าของหันอวี้เปลี่ยนไปทันที ใบหน้าขาวซีดราวกับกระดาษ สองขาใต้ชุดคลุมยาวสั่นอย่างห้ามไม่อยู่
ด้วยเหตุนี้ผู้คุมห้องทรมานที่ดุร้ายและโผงผาง จึงใช้สายตาที่น่ากลัวจ้องมองมา เขาไม่มีทางหลบหนี ทำได้แค่ผงกศีรษะ เดินตามหลังเขาไป ลากเท้าที่หนักไปทีละก้าวๆ มุ่งไปยังตำหนักของประมุขสำนัก
…
ภายในตำหนักเอก ตำหนักใน มีเสียงร้องทนความเจ็บปวดดังออกมาอยู่เรื่อยๆ
กลิ่นคาวเลือดลอยออกมาเรื่อยๆ ทำให้ตำหนักใหญ่นี้น่าหดหู่ แล้วยังเพิ่มความน่ากลัวมากยิ่งขึ้น
หันอวี้ตามผู้คุมห้องทรมานมาจนถึงที่นี่ ไม่ได้ยินเสียงร้องเรียกก็ต้องรออยู่ด้านนอกเท่านั้น ได้ยินเสียงอันเจ็บปวดทรมาน จิตใจเขาก็สั่นไปด้วยทุกครั้ง
เจียงหลีแท้จริงแล้วทำอะไรกับประมุขสำนักกันแน่ ทำให้เขาเจ็บปวดทรมานได้ถึงเพียงนี้!
ทันใดนั้น ได้ยินเสียงฝีเท้าดังออกมาจากตำหนักใน หันอวี้มองไปอย่างสนใจ จึงมองเห็นคนแบกศพชายหนุ่มออกมาจากในตำหนัก ผ่านหน้าพวกเขาไป
สายตาของหันอวี้ เคลื่อนไปตามศพของชายผู้นั้น สังเกตได้ว่าบริเวณระหว่างขาสองข้างของเขามีรอยเลือดไหลออกมา เปรอะเปื้อนชุดคลุมจนเป็นสีแดง
หนังตาของเขากระตุกอย่างแรง รีบควบคุมจิตใจ ไม่กล้ามองอีก
แต่ก็ยังคงถูกภาพตรงหน้านี้ทำให้ตกใจจนวิญญาณแทบหลุดจากร่าง รู้สึกว่าร่างของตนเจ็บไปหมด
สักพัก เสียงจากตำหนักในก็ค่อยๆ เงียบลง
เมื่อตอนที่หันอวี้คิดจะถอนหายใจ กลับมีเสียงจากในตำหนักดังขึ้นมาอีก เขารู้สึกเย็นวาบไปทั้งหลัง ทำได้แค่ตามผู้คุมห้องทรมานเขาไปในตำหนักใน
เข้ามาข้างในตำหนัก หันอวี้ไม่มองอะไรอีก
ทว่าก็ยากที่จะเลี่ยงไม่ให้มองคราบเลือดเป็นกองบนพื้นที่ยังไม่ได้ทำความสะอาด มหาปุโรหิตอยู่ข้างเตียงประมุขสำนัก กำลังล้างมืออย่างเงียบๆ สองมือของเขาที่แห้งราวกับกิ่งไม้นั้น เมื่อจุ่มลงไปในอ่าง น้ำสะอาดก็กลายเป็นสีแดง
ครั้นแล้วประมุขสำนักพรตเสวียนหมิง ยามนี้กำลังนั่งพิงเสาเตียงอย่างอ่อนแรง สีหน้าขาวซีดน่าตกใจ ลักษณะไม่ต่างจากปูนขาวทาผนังที่เขาเคยใช้
แตกต่างอยู่อย่างเดียวคือรอยสักบนใบหน้าพวกนั้นยิ่งเด่นชัดขึ้น ทำให้ยิ่งดูดุร้ายน่ากลัว
“ท่านประมุขสำนัก ข้าน้อยไร้ความสามารถยิ่งนัก ปล่อยให้สาวใช้ทรยศหลบหนีไปได้” ผู้คุมห้องทรมานคุกเข่าข้างเดียวที่พื้นสารภาพผิด
หันอวี้ก็รีบคุกเข่าลงตามเขา รอการวางแผนชะตาชีวิตของตนอยู่อย่างกังวล



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์