แสงในยามราตรี เสียงฝีเท้าเข้าใกล้มาเรื่อยๆ
เสียงแผ่วเบา ปะปนกับเสียงคน เสียงตะโกนกระโชกโฮกฮาก ตามไป…รีบหาให้เจอ…นางยังไปไม่ได้ไกล… คำพูดทำนองนี้
ในบริเวณรอบๆ หนึ่งร้อยจั้งก็มีเพียงแค่สำนักพรตเสวียนหมิง ไม่ต้องคิด เจียงหลีก็รู้ว่าคนพวกนี้คือคนพวกไหน
ต่อสู้กันที่นี่ไม่ได้อีก! เจียงหลีเอ่ยในใจ
ต้านทานความเจ็บปวดเข้ากระดูกจากยันต์ธาราทมิฬเจียงหลีปีนขึ้นไปบนพุ่มไม้ กระโดดข้ามไปข้างหน้า ทว่ายันต์ธาราทมิฬไม่หยุดกัดกร่อนร่างของนาง ทำให้นางค่อยๆ สูญเสียการควบคุม
กัดฟันกรอด เจียงหลีใช้พลังวิหคคงกระพัน ต้านทานพลังของยันต์ธาราทมิฬอย่างไม่หยุด
เป็นไปอย่างช้าๆ ร่างของนางค่อยๆ คลายพลังได้ นางควบคุมพลังวิญญาณ เร่งความเร็วเพื่อหลบหนี ทิ้งห่างพวกที่ไล่ตามมาข้างหลัง
ยามเมื่อฟ้าสาง เจียงหลีได้มาถึงบริเวณนอกเมือง
การกัดกร่อนของยันต์ธาราทมิฬถูกนางใช้พลังวิหคคงกระพันควบคุมในทันที รูปร่างนางในตอนนี้ดูไปแล้ว ต่างจากคนปกติ
เพียงแต่ยามที่นางเห็นภาพที่แปะไว้นอกกำแพงเมืองนั้น ฝีเท้าจึงหยุดชะลอลง
ความเร็วของสำนักพรตเสวียนหมิง นับว่าเร็วอยู่มาก เพียงแค่คืนเดียว ภาพวาดของข้าก็ถูกแปะอยู่ที่นี่แล้ว เจียงหลีอุทานอยู่ในใจ
คิดไปคิดมา นางจึงใช้วิชาพันหน้า เปลี่ยนโฉมหน้าและลมปราณของนาง
ถึงแม้ว่าลมปราณยันต์ธาราทมิฬในร่างกายของนางจะเปิดเผยสถานะของนาง ทว่าก่อนที่คนที่สามารถตอบสนองลมปราณยันต์ธาราทมิฬของนางจะปรากฏตัว เปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกด้วยการแปลงโฉมหน้าน่าจะเป็นวิธีที่ใช้ได้ผลในการหลบหนีการไล่ล่าครั้งนี้
เจียงหลีแปลงโฉมหน้า เปลี่ยนกริยาเป็นคนสำรวมแล้วจึงมุ่งไปทางประตูเมือง
นางต้องการเข้าเมือง จึงวางแผนหาพาหนะเดินทาง มิเช่นนั้นหากเดินเท้าเข้าไป จะหนีพ้นได้เช่นไร
แผนการในใจของเจียงหลี มีแค่นางที่รู้ ณ เวลานี้ ทุกอย่างล้วนทำตามแผนที่นางตั้งไว้
นางต้องการหลุดพ้นจากการควบคุมของยันต์ธาราทมิฬแต่ว่าเวลานี้ โอกาสยังมาไม่ถึง
เข้าเมืองไปอย่างง่ายดาย เจียงหลีไม่แสดงพิรุธออกมาสักนิด นางรู้ว่าผู้รักษาดูแลเมืองนี้ล้วนเป็นกำลังนอกเมืองของสำนักพรตเสวียนหมิง ฉะนั้นจะไม่หาเรื่องให้ตนเดือดร้อนเด็ดขาด
มุ่งหน้าไปยังสถานที่ค้าขายรถราในตัวเมือง เจียงหลีซื้อรถม้ามาคันหนึ่ง หลังจากจ้างผู้กุมบังเหียนม้าแล้ว จึงรีบเข้าเมืองในทันที
ภายในรถม้าที่กำลังวิ่งไปด้วยความเร็ว เจียงหลีนั่งขัดสมาธิ ใช้พลังวิหคคงกระพันควบคุมยันต์ธาราทมิฬอย่างต่อเนื่อง
หากว่านางไม่มีความสามารถในการรักษาด้วยพลังวิหคคงกระพัน เกรงว่ายันต์ธาราทมิฬออกฤทธิ์ในตอนนั้น ก็จะกลายเป็นมนุษย์น้ำแข็ง
เวลา นางต้องการเวลา!
ยิ่งห่างไกลสำนักพรตเสวียนหมิง นางก็ยิ่งปลอดภัย
เจียงหลีอยู่ในรถม้า ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเตรียมไว้สู้รบในครั้งต่อไป
หนึ่งทิวา หนึ่งราตรีที่พ้นผ่านไป
คนขับรถม้ารู้สึกสงสารจึงเอ่ยกับเจียงหลี “แม่นาง พักสักหน่อยเถิด นี่ก็ผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้วท่านยังไม่ได้พักเลย สัตว์พวกนี้ถึงจะอึด แต่ก็อาจทนไม่ไหวนะ”
“วิ่งต่อไป ห้ามหยุด หากวิ่งต่อไม่ไหว ก็ไปเปลี่ยนที่เมืองใกล้ๆ” เสียงของเจียงหลีลอดออกมาจากในห้องของรถม้า
คนขับรถม้าจนปัญญา ทำได้แค่ฟังคำสั่งแล้วปฏิบัติตาม
เจ็ดวันเจ็ดคืน เจียงหลีหลบอยู่ในตัวห้องรถม้าไม่ออกมา ม้าที่ใช้วิ่งเปลี่ยนไปสี่ครั้งแล้ว ทุกครั้งนำม้าบินที่เด็ดเดี่ยวพวกนี้วิ่งจนอาเจียนออกมาเป็นฟองขาว ทำให้คนขับรถรู้สึกสงสารอย่างมาก
ม้าบินไม่ได้มีปีก เป็นเพียงม้าที่พิเศษประเภทหนึ่ง ความเร็วเทียบกับม้าปกตินั้นวิ่งได้เร็วกว่ามาก คำว่า ‘บิน’ จึงใช้บรรยายความเร็วของมันว่าราวกับบินได้จริง
วันที่แปด เจียงหลีที่กำลังฝีกฝนอยู่นั้น ทันใดนั้นรู้สึกว่าตัวห้องของรถม้าเอียง ข้างนอกมีเสียงดังขึ้นมา นางจึงลืมตาขึ้นมาทันที ลอยออกจากห้องของรถม้า ลอยวนอยู่กลางท้องฟ้าหนึ่งรอบ จึงลงมายังพื้นล่าง
บนพื้นดิน ล้อรถหลุดออกจากตัวรถไปแล้ว ตัวห้องของรถม้าแตกพังอยู่บนพื้นดิน



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์