“นึกไม่ถึงว่ามู่เหยี่ยนฉือจะเป็นคนขอท้าสู้เอง”
“มีอะไรน่าแปลก มู่เหยี่ยนฉือขอท้าสู้ก็ไม่ใช่ครั้งสองครั้งแล้ว”
“ไม่ใช่ ข้าแปลกใจที่เจียงหลีไม่ใช่คนของวังเทียนอู่กง ทำไมเขาถึงท้าสู้เร็วขนาดนี้”
“หรือว่าเป็นเพราะเจียงหลีทำลายสถิติของเขาที่หอดูดาวหรือ”
“ก็อาจจะนะ ไม่ต้องไปสนเขาหรอก พวกเรามีเรื่องสนุกๆ ให้ดูก็พอ การต่อสู้ระหว่างปีศาจกับปีศาจเช่นนี้หาดูได้ยากมากนะ!”
“หวังว่าจะสนุกจริงๆ!”
“….”
บนยอดเขาอัฒจันทร์ทั้งห้าที่เหล่าลูกศิษย์ของวังเทียนอู่กงมารออยู่แล้ว ต่างก็พูดคุยกันเรื่องนี้
และท่ามกลางผู้คน มู่ชิงเหยียนมองชายที่อยู่บนเวทีประลองด้วยความวิตกกังวล อารมณ์สับสน นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้เจอกัน ตอนแรกที่เขาจากไป ตนเองยังเป็นเพียงแค่เด็กอายุสิบเอ็ดสิบสองปี วันนี้มู่ชิงเหยียนไม่แน่ใจว่ามู่เหยี่ยนฉือจะจำตัวเองได้หรือไม่ นางก็แค่อยากรู้ว่าทำไมจู่ๆ มู่เหยี่ยนฉือถึงได้ท้าเจียงหลีสู้
หรือว่าเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นในหนานฮวง มู่ชิงเหยียนคาดเดาในใจ แต่ว่าความสงสัยนี้ ก็มีเพียงหลังจากการประลองแล้วเท่านั้นถึงจะรู้
“เอ๊ะ นี่ก็นานแล้ว ทำไมแม่นางเจียงหลีถึงยังมาไม่ถึงล่ะ”
“นั่นสิ นานมากแล้วนะ”
“ก่อนหน้านี้นายท่านเรียกนางไปก็เลยใช้เวลานาน ในเมื่อปล่อยควันสีแดงแล้ว ก็หมายความว่ารับคำท้าแล้ว ไม่น่าไม่มานะ”
“อย่างนี้นี่เอง”
ในระหว่างที่ผู้คนรออยู่ด้วยความร้อนใจ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงโซ่ดังมาจากในเมฆหมอก
ที่ตามมาติดๆ ก็คือคนสองคนที่ตามกันมาอยู่บนโซ่ แล้วปรากฏตัวอยู่ท่ามกลางเมฆหมอก
“งดงามยิ่งนัก! แม่นางเจียงหลีช่างงดงามจริงๆ!”
“ใช่แล้ว ราวกับลงมาจากฟ้าเหมือนกับนางฟ้าลงมาจุติจริงๆ”
“เจ้าบอกว่านางคือนางฟ้า แต่ข้ากลับรู้สึกว่านางเหมือนปีศาจมากกว่า เจ้าดูใบหน้าที่งดงามและมีเสน่ห์ของนาง เป็นเสน่ห์ที่เย้ายวนของปีศาจ!”
“นางฟ้าก็ดี ปีศาจก็ดี เจ้าดูองค์ชายน้อยกงที่ใส่ใจนางเช่นนี้ ก็รู้แล้วว่านางไม่ใช่คนที่พวกเราจะคิดอะไรไร้สาระด้วยได้”
เหล่าลูกศิษย์ชายของวังเทียนอู่กงหลงใหลในความงามของเจียงหลี แต่ลูกศิษย์สตรีกลับรู้สึกอิจฉาอย่างบอกไม่ถูก
บางทีนี่ก็คือธรรมดาของสตรีที่พอเจอคนที่สวยกว่าตัวเองก็มักจะรู้สึกอิจฉา
ส่วนคนที่ตะโกนเรียกชื่อของมู่เหยี่ยนฉือ ส่วนมากเป็นลูกศิษย์สตรีของวังเทียนอู่กง
เจียงหลีลงมาบนเวทีประลองอยู่ตรงหน้ามู่เหยี่ยนฉือ นี่ยังเป็นครั้งแรกที่นางได้เจอกับองค์ชายรองที่เคยได้ยินมา
ดูเคร่งขรึมแข็งแกร่งและรูปงามเป็นอย่างมาก มีความหล่อเหลา สง่าผ่าเผยและห้าวหาญ ไม่ได้เหมือนฮ่องเต้แห่งโฮ่วจิ้นมาก คงจะเหมือนมารดาเสียมากกว่า
บนเวทีประลองมีฉากกำบังกั้นอยู่ เรื่องที่ทั้งสองคนคุยกัน ไม่มีทางที่คนภายนอกจะได้ยิน
“เจียงหลี จักรพรรดินีแห่งหนานฮวง” มู่เหยี่ยนฉือพูดคำแรกก็เปิดเผยฐานะของเจียงหลีเลย
เจียงหลีเลิกคิ้ว แล้วพูดอย่างหยอกเย้าว่า “ดูแล้ว ถึงแม้ว่าตัวเจ้าจะอยู่ที่ซีฮวง แต่กลับรู้เรื่องราวในหนานฮวงดีไม่น้อย”
มู่เหยี่ยนฉือไม่ได้พูดอะไร มองหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างเงียบๆ
นางงดงามมากจริงๆ ทั้งตัวเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ยั่วยวนของปีศาจ แม้แต่คนอย่างเขาที่ไม่เคยสนใจเรื่องหน้าตามาก่อน ก็ยังยืนยันได้ว่านางงดงามมากจริงๆ
หลังผ่านไปชั่วครู่ มู่เหยี่ยนฉือถึงพูดอย่างเย็นชาว่า “ในมือของเจ้ามีหนี้โลหิตของตระกูลข้า ศึกชิงอำนาจจักรพรรดิ ชนะเป็นราชา แพ้เป็นกบฏ เดิมก็เป็นเรื่องธรรมดา แต่ว่าสายเลือดที่ไหลเวียนในตัวข้าเป็นสายเลือดของตระกูลมู่ ข้าจำเป็นจะต้องทำอะไรสักอย่าง ในเมื่อเจ้ามาอยู่ตรงหน้าข้าแล้ว เช่นนั้นหลังจากการต่อสู้วันนี้ไป ไม่ว่าผู้ใดจะแพ้หรือชนะ ความเคียดแค้นระหว่างเจ้ากับข้าเป็นอันหมดสิ้น”


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์