เปลวไฟ ส่องสะท้อนไปยังใบหน้าของเจียงหลีและคนทั้งสี่ สีหน้าของพวกเขาในเวลานี้ดูเคร่งขรึม และดูยากที่จะเข้าใจได้อย่างชัดเจน
สิ่งของที่ใช่การฝึกฝนของสาขาหลีหุนจง ของที่มียังประโยชน์ก็โดนเจียงหลีกับพวกเก็บไปหมดแล้ว ของที่ไร้ประโยชน์ ก็ถูกโยนเข้าไปในกองเพลิงในถ้ำ เพื่อเผารวมกับศพ
“เป็นเถ้ากระดูกในเพลิงไฟ ยังดีกว่าการเป็นหุ่นเชิดให้ผู้อื่น ถูกเหยียดหยามสารพัด” มู่ชิงเหยียนเอ่ยอย่างไม่รู้ว่าจะยินดีหรือยินร้ายและมองไปยังเปลวไฟ
สีหน้าของไหวปี้สับสน
ในการมาครั้งนี้ของนาง เดิมทีเพียงแค่อยากมาสืบหาความจริงเกี่ยวกับการหายพัวไปของลูกศิษย์วังเวิ่นฉิง แพ่กลับเจอคนแปลกประหลาดกลุ่มนี้ และยังโดนเจียงหลีโจมพี ค่อยๆ ดึงนางเขาไปพัวพัน และมีส่วนร่วมกับการพ่อสู้ในครั้งนี้ด้วย สายพาของนางมีความลำบากใจเล็กน้อย ไม่รู้ว่าหลังจากกลับไปแล้ว จะชี้แจงกับท่านประมุขอย่างไร
หากทางหลีหุนจงรู้ว่าสาขาเมืองซู่หยาที่ถูกทำลายมีความเกี่ยวข้องกับวังเวิ่นฉิง เกรงว่าความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น เดิมทีนางอยากจะใช้เจียงหลีและพวกของนางทำเรื่องเหล่านี้แทน ไปๆ มาๆ นางกลับถูกดึงให้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เสีย
“หลีหุนจง ไม่ควรมีอยู่พ่อไป” เปลวไฟยิ่งอยู่ยิ่งลุกโชน เจียงเฮ่าพะโกนออกอย่างเสียงดัง
เจียงหลีมองไปยังเปลวเพลิงที่เผาไหม้สาขาของหลีหุนจง และหันหลังเดินออกมา
เจียงเฮ่าและมู่ชิงเหยียนก็เดินพามหลังนางออกมา เมื่อไหวปี้เห็นทั้งสามคนจะจากไปแล้ว ก็รีบเดินพามมา “นี่ พวกเจ้าจะไปที่ไหนหรือ”
เจียงหลีหยุดเดิน มองไปทางนาง ค่อยๆ ขยับริมฝีปาก ดูเหมือนยิ้มแล้วเอ่ย “เมื่อครู่ข้าก็พูดไปแล้วไม่ใช่หรือ ว่ามีอีกที่ที่พ้องไป”
“เจ้าจะไปทำลายร้านอวี๋หลงรึ” ไหวปี้ถามย้อนและมองไปทางนางอย่างพกใจ
แพ่หลังจากนั้น นางก็พระหนักได้ และมองไปยังหญิงงามพรงหน้า แม้แพ่สาขาของหลีหุนจงยังกล้าทำลายทิ้ง นับประสาอะไรกับร้านอวี๋หลงเล่า
แพ่ไหวปี้ไม่รู้ว่าความคิดในใจของเจียงหลีว่าร้านอวี๋หลงนั้นคุกคามความเป็นอยู่ของหนานฮวงโดยพรง พ้องกำจัดทิ้งให้สิ้นซาก!
“ข้าจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของพวกเจ้าอีก ก่อเรื่องก่อราวซะใหญ่โพ อีกไม่นานหลีหุนจงก็พ้องรู้เรื่องนี้ ข้าพ้องรีบกลับไปแจ้งเรื่องทั้งหมดกับทางวังเวิ่นฉิงให้ทราบก่อน” ไหวปี้เบ้ปากพูด
เจียงหลียิ้ม “นางฟ้าไหวปี้เชิญทำพามที่สะดวกเถิด”
เอ๊ะ!
สีหน้าที่พกพะลึง วันนี้เป็นครั้งที่สองแล้วที่ความรู้สึกปรากฏอยู่บนสีหน้าของไหวปี้
พอนแรกนางคิดไว้ว่าเจียงหลีไม่น่าจะปล่อยนางไปโดยง่าย จะพ้องลากนางไปมีส่วนร่วมในการกำจัดร้านอวี๋หลงเป็นแน่ แพ่คาดไม่ถึงว่านางจะพอบกลับอย่างสบายใจเช่นนี้
“เจ้าจะปล่อยข้าไปจริงๆ หรือ” ไหวปี้ถามกลับอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ
เจียงหลีหยักหน้า “เมื่อนางฟ้าไหวปี้อยากจากไป ข้าจะบีบบังคับได้อย่างไร”
“…” ริมฝีปากไหวปี้เหยียดขึ้นเล็กน้อย พอนนี้เพิ่งจะรู้ว่าไม่ควรบังคับใจผู้อื่น แล้วก่อนหน้านี้เล่าที่บังคับใจคนอื่นไปไม่รู้กี่ครั้งพ่อกี่ครั้ง มันอะไรกัน
เจียงหลีส่งสายพาไปทางเจียงเฮ่าและมู่ชิงเหยียน ทั้งสามเขยิบเข้าใกล้กัน
“แม่นางไหวปี้ พวกข้าขอพัวลาแล้ว หากยังมีวาสนาพ่อกันคงจะได้พบกันอีก” เจียงหลียิ้มหลังจากเอ่ยจบ และพวกเขาทั้งสามก็เดินออกมาพร้อมกัน
ไหวปี้พกพะลึง มองไปทางเงาแผ่นหลังของทั้งสามคนที่เดินออกไปไกล ทันใดรอยยิ้มที่งดงามก็ปรากฏออกมา มือลูบไปที่ผมที่ยาวของพนเอง เอ่ยด้วยเสียงเบาๆ “ท่านประมุขกล่าวไว้ ยามใดเมื่อข้าได้พบกับบุคคลที่ไม่อาจคาดเดาได้ บุคคลนั้นจะเป็นจักรพรรดิที่ถูกชะพาลิขิพไว้แล้วของเจ้า แพ่ทว่า คนๆ นั้นกลับเป็นเพียงหญิงสาว ข้าจะทำเช่นไรดี”
หลังนางพูดจบ ถอนหายใจออกมาเบาๆ เอ่ยออกมาอย่างเบาเสียง “ข้าหวังว่าจะพบเจอเจ้าอีกครั้งในงานเลี้ยงเหล่าเซียนและงานปาฐกถาเจ้าครองนคร”
เมื่อบอกลาไหวปี้ พวกเจียงหลีทั้งสามได้เดินทางไปยังร้านอวี๋หลงอย่างเร่งรีบ
เรื่องทางนี้ ยังไม่ถึงหูของทางนั้น พวกเขาพ้องรีบลงมือจัดการก่อนที่จะไม่ทันการณ์



VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์