“ล่วงเกินแล้ว!” ผู้ทดสอบพูดกับคนที่อยู่บนสนามประลอง กำหมัดแล้วจึงจู่โจม
เวลานี้ภายในอาณาเขตของกลุ่มอำนาจฮวงเสิน บนน้ำตกอันยิ่งใหญ่นั้นก็ปรากฏภาพการต่อสู้ของคนสองคนออกมา ภาพที่เห็นนั้น ทำให้คนดูจำนวนมากต่างเงียบลง ตั้งใจดูอย่างจดจ่อ กระซิบข้างหูถกเถียงกันอย่างเบาๆ อยู่เป็นพักๆ
ตู้มมม!
เพิ่งผ่านไปห้าสิบกระบวนท่า ผู้ทดสอบก็ถูกหมัดระเบิดซัดตกลงมา ร่างพุ่งตกลงไปในเชิงเขา ติดอยู่บนป้ายหิน
“ตกรอบ” เสียงจากบนท้องฟ้าเอ่ยอย่างไร้อารมณ์ความรู้สึก
เจียงหลีมองยังชายหนุ่มที่ไม่ผ่านการทดสอบคนนั้น เห็นเพียงใบหน้าราวสีขี้เถ้าของเขา กุมอกไว้แล้วค่อยๆ คลานขึ้นมา มองเขาหนานซานอย่างไม่ยอมแพ้ แล้วจึงเดินคอตกหันหลังกลับออกไปอย่างช้าๆ
ภายในฮวงเสิน บรรดาศิษย์ของสำนักนี้ล้อมวงมองดู มองผู้ทดสอบที่ไม่ผ่านนั้นเดินออกไปอย่างโดดเดี่ยว ศิษย์บางคนที่ทนงตนก็เอ่ยอย่างเหยียดหยาม “หึ ความสามารถแค่นี้ ยังอยากจะเข้าเมือง
ฮวงเสินของพวกเราน่ะหรือ”
“ฮวงเสินของพวกเราถึงแม้เป็นกลุ่มอำนาจระดับกลาง ทว่าในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนต่างรู้ดี ถึงแม้ให้เทียบชั้นเรากับกลุ่มอำนาจระดับสูง พวกเราก็ไม่ได้แย่ แน่นอนว่ามีคนมากมายอยากจะเข้ามาสร้างชื่อเสียงกันทั้งนั้น”
“ฮ่าๆๆ เจ้าพวกไร้ความสามารถ รีบไล่ออกไปเถิด ข้าได้ยินว่าหันเหยากวงจะมาทดสอบ ถึงได้ตั้งใจมารอที่นี่”
“เจ้าก็มารอหันเหยากวงเช่นกันหรือ ข้าก็ด้วย”
“โอกาสเช่นนี้หาได้ยาก ข้าว่าวันนี้ที่นี่คึกคัก ผู้คนมามากมายขนาดนี้ จำนวนหนึ่งคงมาเพราะเขาเป็นแน่”
“ใช่ ท่านนี้ผู้เป็นที่เลื่องลือ เทียนเจียวผู้เป็นที่สนใจแห่งซีฮวง ข้าอยากจะรู้ว่าเขามีความสามารถสักแค่ไหน แล้วก็อยากรู้ว่าเขาจะสามารถได้รับการคัดเลือกจากตำหนักเย่าหรือไม่”
“ตำหนักเย่าหรือ”
มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาท่ามกลางผู้คน
“ช่างเถิด ตำหนักเย่ากี่ร้อยปีแล้วที่ไม่รับศิษย์ การได้รับการคัดเลือกจากตำหนักเย่าเป็นเรื่องที่ยากมาก ข้าคิดว่าแค่ได้รับการคัดเลือกจากตำหนักเย่ว์ก็ดีมากแล้ว อย่างไรก็ตามการทดสอบแต่ละครั้ง ผู้ที่ถูกคัดเลือกจากตำหนักเย่ว์ ก็ช่างหาได้ยากมีเพียงแค่คนสองคนเท่านั้น แม้ว่าหลายครั้งจะไม่มีเลยก็ตาม”
“จะว่าไปแล้ว ฮวงเสินของพวกเราทั้งสี่ตำหนักนี้เย่า เย่ว์ ซิง เฉิน ตำหนักเย่าลึกลับที่สุด ตำหนักเย่ว์ไม่สามารถเข้าถึงได้ ตำหนักซิงถือว่าเป็นชั้นสูงในสำนัก ตำหนักเฉินน่ะ…ตำหนักเฉินล้วนเป็นพวกชั้นธรรมดา”
ฮ่าๆๆๆ
เสียงหัวเราะอย่างไร้มารยาทก็ดังขึ้นมา
ท่ามกลางผู้คน ศิษย์ชุดสีเทาจำนวนไม่น้อยต่างมีสีหน้าที่แน่วแน่มองไปยังพวกเขา
เมื่อสักครู่นี้การสนทนาของคนสองสามคนนี้ พวกเขาได้ยินหมดแล้ว ทว่ากลับทำได้เพียงแค่โกรธแต่ไม่สามารถพูดออกไปได้ ใครใช้ให้พวกเขาเป็นศิษย์ตำหนักเฉินที่เป็นเทียนเจียวผู้ธรรมดาที่สุดล่ะ
“เป็นแค่คนของตำหนักซิง กลับโอ้อวดได้ถึงเพียงนี้” ลู่เสวียนเอ่ยพลางใช้สายตาเยือกเย็นมองจากที่ไกลๆ
“คนของตำหนักซิง ก็เป็นเช่นนี้กันหมดไม่ใช่หรือ” เหวินเหรินชิ่งชิ่งเอ่ยอย่างไม่พอใจ
ลู่เสวียนมองนาง แล้วยิ้มขึ้นมา “เจ้าโกรธอะไรหรือ ข้าก็ไม่ได้ว่าเจ้านี่ บัดนี้ข้าก็เป็นศิษย์ของตำหนักซิง เจ้าดูสิ พี่เฮ่าก็เป็นคนของตำหนักเย่ว์แต่ก็ไม่เคยโอ้อวดเช่นพวกเขาสักหน่อย”
“หึ!” เหวินเหรินชิ่งชิ่งไม่สนใจเขา
…
บริเวณเชิงเขาหนานซานมีคนสิบคนขึ้นเขามาทดสอบอย่างต่อเนื่อง
เจียงหลีพบว่าคนที่ปรากฏอยู่บนสนามประลองแรกเป็นผู้มาทดสอบที่ฝึกฝนมาในระดับเดียวกัน ในสิบคนนี้ ถูกตัดออกแล้วเก้าคน เหลือเพียงหนึ่งคน ตอนนี้ขึ้นไปยังสนามประลองที่สองแล้ว
เมฆหมอกลอยหายไป เจียงหลีรี่ตาลงพลางรู้สึกประหลาดใจ หรือว่าเป็นอาณาเขตเดียวกัน
แต่ไม่นาน ความสงสัยในใจเจียงหลีก็หมดไป
ถึงแม้จะเป็นอาณาเขตเดียวกัน แต่ผู้ประจำสนามประลองชัดเจนมาก ทักษะการต่อสู้ต้องมากกว่าผู้ทดสอบ การเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ก็ต้องหลากหลาย
หรือว่าในสนามประลองที่สองจะทดสอบการหยั่งรู้ของทักษะการต่อสู้ เจียงหลีคาดเดาในใจ


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์