พฤติกรรมแปลกๆ ของท่านผู้เฒ่า ทำให้มุมปากของเจียงหลีกระตุกขึ้น
“ท่านผู้เฒ่า ท่านทำให้ศิษย์น้องหญิงของข้าตกใจ” ชายหนุ่มผู้สง่างาม รีบเดินมาที่ฝั่งข้างกายของเจียงหลี แล้วดึงนางเข้ามาใกล้ตน
“…” แม่เอ้ย!
บริเวณขมับของเจียงหลีกระตุกเล็กน้อย
ท่านผู้เฒ่ามองมาทางเขาอย่างดูถูก แล้วเอ่ยกับเจียงหลี “นี่คือศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้า มีนามว่าเสิ่นฉง”
“ถึงตาข้าแล้ว ศิษย์น้องเล็ก ข้านามว่าซีไหลเป็นศิษย์พี่รองของเจ้า” สง่างามดุจปีศาจ เป็นชายหนุ่มที่มีความแตกต่างไม่เหมือนใคร เขาเดินใกล้เข้ามาตรงหน้าเจียงหลี รอยยิ้มสดใสปรากฏอยู่บนใบหน้าชี้นิ้วไปที่ปลายจมูกตนเองแล้วแนะนำตัว
“ถึงเวลาของข้าแล้ว!” เมื่อซีไหลพูดจบ ก็โดนชายหนุ่มที่งดงามผู้นั้นผลักออก “ศิษย์น้องเล็ก ข้ามีนามว่าคุนอู๋ เป็นศิษย์พี่สามของเจ้า คนที่ท่านอาจารย์เอ่ยถึงว่าเด็กที่สุด คนผู้นั้นก็คือข้าเอง”
“เจ้าคนไม่เอาไหนทั้งสาม ไปให้พ้น!” เมื่อโดนลูกศิษย์แย่งบทพูดของตนเอง ท่านประมุขก็เดือดดาลขึ้นมาจริงๆ
“ท่านอาจารย์ เรื่องของศิษย์น้องเล็กมอบหน้าที่ให้พวกข้าทั้งสามเถิด พวกข้ารับประกันว่าจะให้ศิษย์น้องเรียนรู้เกี่ยวกับตำหนักเย่าและประวัติความเป็นมาของกลุ่มอำนาจฮวงเสินให้เร็วที่สุด” เสิ่นฉงยิ้มกริ่มเอ่ยออกมา
ต่อมา จึงเบี่ยงสายตาหันมามองทางเจียงหลี เอ่ยถามขึ้นมาด้วยใบหน้าที่สุภาพอ่อนน้อม “ใช่แล้ว ไม่ทราบว่าศิษย์น้องเล็กมีนามว่าอะไร”
“เจียงหลี” เจียงหลีเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา
แต่ไม่รู้ทำไม นางถึงรู้สึกว่าคนในตำหนักเย่า ล้วนแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก
ยังมีอีกจุดหนึ่ง…ก็รู้สึกว่าพวกเขาต่างมีพลังที่เก่งกาจ ไม่ต้องพูดถึงท่านประมุข แค่สามคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก็ทำให้นางมีความรู้สึกเหมือนกำลังยืนอยู่บนปากเหวลึก
พฤติกรรมเช่นนี้ของนาง ที่อยู่ต่อหน้าของเขา ดูเหมือนจะไม่สำคัญเลยแม้แต่น้อย
“เจียงหลีรึ แซ่เจียงของเจ้า มีความหมายว่าต้นน้ำที่สายน้ำไหลผ่านเป็นทางยาว หลีนั้นมีความหมายว่าสีสันของอัญมณี โปร่งแสงเป็นประกายแวววาว งดงามและหลากสี เป็นชื่อที่ดีจริงเชียว!” ซีไหลรีบแย่งพูดขึ้นมาก่อน
ชายทั้งสาม ค่อยๆ ล้อมเจียงหลีไว้ จนดันท่านประมุขผู้เฒ่าไปอีกด้านหนึ่ง
“ท่านอาจารย์ ท่านอายุมากแล้ว ไม่ควรที่จะเหน็ดเหนื่อย ท่านรีบกลับไปพักเถิด” คุนอู๋ไม่ลืมที่จะเอ่ยประโยคที่รนหาที่ตายขึ้นมาก
“…” เจียงหลี
“…” ท่านประมุข
ต่อมา เพื่อไม่ให้ท่านประมุขมีโอกาสได้พูด เขาทั้งสามรีบกรูไปทางเจียงหลีให้ออกจากตำหนักที่งดงามและโอ่อ่าตระการตา ตรงออกไปด้านนอก
“ไป ศิษย์น้องเล็ก พวกข้าจะพาเจ้าไปดูที่ที่เจ้าจะต้องพักอาศัย”
ซ้ายขวาของเจียงหลี โดนซีไหลและเสิ่นฉงขนาบอยู่ คุนอู๋ที่ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่เดินอ้อมไปด้านหน้าเพื่อนำทาง
“อย่างนั้น พวกท่านเล่าเรื่องเกี่ยวกับตำหนักทั้งสี่เย่า เย่ว์ ชิงและเฉินในฮวงเสินให้ข้าฟังหน่อยเถอะ” เจียงหลีโดนพวกเขาล้อมอย่าไม่มีทางเลี่ยง จึงเอ่ยถามขึ้น
นางพอจะได้หายใจอีกครั้ง และเป็นครั้งที่แรกที่ไม่อาจรับมือกับความเป็นมิตรเช่นนี้ได้!
“ก็ได้” เสิ่นฉงพยักหน้า
ในช่วงเวลาที่เขาเตรียมตัวที่จะพูด ซีไหลก็ได้แย่งเขาพูด “เมื่อพูดถึงฮวงเสินก็ต้องย้อนกลับไปถึงอดีตที่นานแสนนาน แต่เรื่องเหล่านั้นก็เป็นเรื่องที่เก่าและเก็บสะสมมาเนิ่นนาน ศิษย์น้องเล็กไม่มีความจำเป็นต้องสนใจ เจ้าเพียงต้องรู้ว่าในฮวงเสิน ลูกศิษย์ของทั้งสี่ตำหนักต่างฝึกฝนอยู่ในพื้นที่ของตนเอง และในทุกปีจะมีการจัดงานครั้งใหญ่ของทั้งสี่ตำหนัก ในงานผู้ที่ได้ที่หนึ่งถึงสาม จะได้รับโอกาสหนึ่งครั้งเพื่อย้ายตำหนัก แต่ว่าการย้ายตำหนักนั้นต้องอยู่ในตำหนักเย่ว์ ซิงและเฉินเท่านั้น ส่วนตำหนักเย่าของเรานอกจากคนที่ท่านอาจารย์จะเห็นว่าเหมาะสม ไม่เช่นนั้น ก็ไม่สามารถเข้ามาได้”
เจียงหลีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
นึกไม่ถึงเลยว่าตำหนักเย่าจะเข้ามายากเช่นนี้ มิน่าล่ะหันเหยากวงถึงปรารถนาที่จะเข้านัก


VERIFYCAPTCHA_LABEL
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ราชินีพลิกสวรรค์